Qualcomm เปิดตัวชิปประมวลผลใหม่ด้วยกันสามรุ่นในงาน AI Day ที่จัดขึ้นที่ San Francisco เมื่อวาน ได้แก่ Snapdragon 665, Snapdragon 730 และ Snapdragon 730G ที่ออกแบบมาเพื่อเล่นเกมส์โดยเฉพาะ
Snapdragon 665
ชิปประมวลผลรุ่นล่างสุดที่เปิดตัววันนี้ ยังคงมีหน่วยประมวลผล 8 คอร์ตามสมัยนิยม (Kryo 260) ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือชิปเร่งประมวลผลงานด้านปัญญาประดิษฐ์ และรองรับการใช้กล้องสามตัว เมื่อใช้งานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์แล้วระบบจะตอบได้เองว่าจะต้องใช้โหมดถ่ายรูปแบบใดกับวัตถุ หรือแบบที่อยู่หน้ากล้อง เช่น Portrait Mode, Low Light night และอื่นๆ อีกมาก
สำหรับตัวประมวลผลกราฟฟิคนั้นเป็น Adreno 610 แม้จะไม่แรงมากเท่ากับ Snapdragon 7xx series แต่ก็รองรับ Vulkan 1.1 แม้จะไม่ไหลลื่นยามเล่นเกมส์หนักๆ การแสดงผลเยอะๆ เท่ากับรุ่นที่แพงกว่า แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปก็นับว่าเหลือเฟือทีเดียว
Snapdragon 665 มาพร้อมกับ X12 LTE Modem รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE สูงสุด 600 Mbps และรองรับไวไฟ 802.11ac แล้ว ส่วนกระบวนการผลิตนั้นใช้ขนาดการผลิตที่ 11 นาโนเมตร
Snapdragon 730 & 730G
Snapdragon 730 มาพร้อมกับชิปเร่งประมวลผลปัญญาประดิษฐ์รุ่นที่สี่ โดย Qualcomm โฆษณาว่าทำงานด้านปัญญาประดิษฐ์ได้เร็วกว่า Snapdragon 710 สองเท่าด้วยกัน อีกทั้งกินพลังงานน้อยกว่าเวลาทำงานด้าน Computer Vision อีกด้วย โดยรวมแล้วงานด้านปัญญาประดิษฐ์กินไฟน้อยกว่า Snapdragon 710 ถึง 4 เท่าด้วยกัน ส่วนตัว ISP ที่แปลงสัญญาณดิจิตัลภายในสามารถประมวลผลวิดิโอ 4K HDR ได้แบบเรียลไทม์
ชิปประมวลผล Snapdragon 730 และ 730G เป็น Kryo 470 [Cortex A76 2 คอร์ + Cortex A55 6 คอร์] รองรับการถ่ายรูปด้วยกล้องสามตัว และเซนเซอร์ความละเอียด (ToF sensor) โดยสามารถเซฟภาพและวิดิโอในฟอร์แมท HEIF ได้
การเชื่อมต่อไร้สายนั้น Snapdragon 730 / 730G รองรับเพียง X15 Modem ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 800 Mbps เท่านั้น และรองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6 เทคโนโลยีล่าสุดของ WiFi ในปัจจุบัน และใช้กระบวนการผลิตที่ 8 นาโนเมตร
Snapdragon 730G
สิ่งที่เพิ่มเติมคือการปรับเพื่อการเล่นเกมส์โดยเฉพาะ (G ย่อมาจาก Gaming) ได้แก่ตัวประมวลผลกราฟฟิค Adreno 618 ที่แรงกว่า Snapdragon 730 เวอร์ชันปกติมากถึง 15% และเทคโนโลยีในแพลตฟอร์ม Qualcomm Elite Gaming ไม่ว่าจะเป็น WiFi Latency management, Jank Reduction และ True HDR Gaming และระบบ Anti-cheat extensions
สำหรับเหตุผลที่ต้องแยก Snapdragon 730 และ 730G นั้นฟังดูไม่ค่อยเมคเซนส์มากนัก เนื่องจากฟีเจอร์ส่วนใหญ่เป็นการปรับแต่งที่ระดับซอฟท์แวร์ ขณะที่โอเวอร์คล็อก Adreno 618 นั้นไม่ได้สร้างความแตกต่างมากมายนัก ผลจากการ Benchmark พบว่าความสามารถใกล้เคียงกับกราฟฟิคใน Snapdragon 820 เท่านั้นเอง
ฟีเจอร์ Elite gaming platform และ HDR Optimization นั้นถูกใช้งานครั้งแรกใน Snapdragon 855 ชิปบนสุดของปีนี้ ปัจจุบันยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากรุ่นที่ใช้ชิปนี้ยังวางจำหน่ายไม่มากนัก การที่มือถือระดับกลางจะรองรับฟีเจอร์เหล่านี้ย่อมทำให้ความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทาง Qualcomm ระบุว่าเราจะได้เห็นมือถือที่ใช้ชิปเหล่านี้ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไปครับ
ที่มา – Engadget, Android Police