บริษัท Sony ออกมาเตือนผ่านรายงานข่าวของสำนักข่าว The Wall Street Journal ว่าเครื่องเกม PlayStation อาจจะมีราคาแพงขึ้น หากรัฐบาลสหรัฐยังคงเดินหน้าขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนต่อ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าอัตราราว 10-25% กับสินค้าหลายชนิดจากจีน รวมมูลค่าแล้วราว 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และขู่ว่าจะมีการขยายสินค้าออกไปอีก 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะรวมไปถึงสินค้าประเภทเครื่องเกมคอนโซล
ตอนนี้ทาง Sony กำลังพิจารณาถึงทางเลือกที่จะเอาไว้รับมือการขึ้นกำแพงภาษีดังกล่าว รวมไปถึง การให้ผู้บริโภครับภาระค่าใช้จ่ายนั้นด้วย แต่ทางผู้บริหารของ Sony ยังคงยืนกรานว่า ยังคงไม่มีการตัดสินใจในเรื่องนี้ คุณ Hiroki Totoki หัวหน้าฝ่ายการเงินของ Sony ระบุว่า “เราเชื่อว่าการขึ้นกำแพงภาษี ในท้ายที่สุดจะทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐเอง และทาง Sony ก็บอกกับทางรัฐบาลสหรัฐไปแบบนั้นด้วย”
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว โซนี่ผนึกกำลังกับไมโครซอฟต์และนินเทนโด เพื่อออกแถลงการณ์ไปยังสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐว่าพวกเขาคัดค้านการใช้กำแพงภาษี และระบุว่า กำแพงภาษีจะเข้ามาทำให้ธุรกิจของพวกเขายุ่งเหยิงอย่างมาก ซึ่งในท้ายที่สุดผู้บริโภคชาวอเมริกัน และธุรกิจวีดีโอเกมส์ขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบมากที่สุด มีการประมาณการว่า ผู้บริโภคอาจต้องรับภาระราว 840 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเสี่ยงต่อการตกงาน 2 แสนอัตรา
และในการเตรียมรับมือมาตรการภาษี บริษัทต่าง ๆ เริ่มขยับฐานการผลิตออกจากจีนแล้ว เมื่อเดือนที่แล้ว Nintendo เริ่มย้ายฐานการผลิต Nintendo Switch ตัวใหม่เข้าไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วน Sony และ Microsoft ยังคงปฏิเสธรายงานที่ระบุว่าพวกเขาย้ายฐานการผลิตแล้ว โดยยืนยันว่ายังไม่มีการย้ายฐานการผลิต นอกจากนี้เครื่องเล่นเกม PlayStation 5 อาจมีราคาแพงขึ้นไปด้วย หากรัฐบาลสหรัฐดำเนินการขึ้นภาษีนำเข้า
ที่มา The Verge