สหภาพยุโรปเตรียมทำการสืบสวนคดีผูกขาดของ Apple หลังจาก Spotify ร้องเรียนว่ามีการใช้อำนาจความเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มบีบให้เสียเปรียบ ขณะที่พยายามผลักดันให้ผู้ใช้งานหันไปใช้ Apple Music
Financial Times รายงานว่า Spotify นั้นอ้างว่าถูก Apple บีบไม่ให้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานเห็นว่า Apple Music มีประโยชน์มากกว่า โดย Spotify นั้นยื่นร้องขอการสืบสวนมาตั้งแต่มีนาคมที่ผ่านมา และทางสหภาพยุโรปก็ได้ทำการสอบถามลูกค้า คู่แข่งรายอื่นๆ ก่อนที่จะตัดสินใจทำการสืบสวนเต็มรูปแบบในไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้
Daniel Ek ซีอีโอของ สปอติฟาย แบ่งปัญหาที่มีต่อ Apple ออกเป็นสองเรื่องหลักด้วยกัน ประการแรกคือ Apple Tax ที่จะหักค่าบริการออก 30% ถ้าหากผู้ใช้งานจ่ายเงินผ่าน Apple ในปีแรก และปีถัดๆ ไปลดลงเหลือ 15% ซึ่งการเก็บค่าบริการนี้จะทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินแพงขึ้น และเมื่อราคาแพงขึ้นก็จะต้องหันไปหา Apple Music ในท้ายที่สุด แต่ถ้าหากไม่จ่ายเงินให้กับ Apple ก็จะมีปัญหาตามมาอีก ขณะที่บริการอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็น Subscription อย่าง Uber หรือ Delivery รายอื่นๆ กลับได้รับเงินเต็มจำนวน
นอกจากนี้ Apple ยังกีดกันไม่ให้สปอติฟายเพิ่มฟีเจอร์หรืออิมพลีเมนต์ฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้งานสะดวกสบายขึ้น เช่นสั่งงานผ่าน Siri, HomePod หรือแม้กระทั่ง Apple Watch เนื่องจากเป็นข้อได้เปรียบที่ Apple Music ได้เปรียบมากกว่าในตอนนี้ และไม่มีแผนจะทำให้เท่าเทียมกัน
ฝั่ง Apple เองก็บอกว่าสปอติฟายเองคงต้องปิดกิจการไปแล้วถ้าหากไม่มี App Store โดยทาง Apple เป็นตัวกลางเชื่อมต่อสปอติฟายกับผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการทำร้านขายแอพที่ใครก็เข้ามาดาวน์โหลดและอัพเดทแอพได้ มีการสนับสนุนนักพัฒนาและสปอติฟายในการทำแอพที่ดีมีคุณภาพ ระบบจ่ายเงินที่ปลอดภัยและไว้ใจได้ แล้วทางสปอติฟายจะมาขอค่าให้บริการ 100% โดยไม่แบ่งให้กับ Apple ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ขอมากเกินไปหน่อย
หลังจากนี้สหภาพยุโรปจะเริ่มดำเนินการสืบสวนเรื่องราวและคงต้องทำกันไปอีกหลายปีกว่าจะได้ข้อสรุป ถ้าหากพบว่า Apple ผิดจริงสหภาพยุโรปก็จะปรับราวๆ 10% ของรายได้ Apple Music ทั้งโลก ซึ่งระหว่างนี้ Apple เองก็อาจจะปรับเปลี่ยนเปิดให้สปอติฟายทำอะไรได้มากขึ้นเพื่อให้คำตัดสินเปลี่ยนไป
ที่มา – The Verge