ในงานอีเวนท์ด้านการศึกษาของ Apple วันนี้มีการเปิดตัว iPad for student รุ่นใหม่ตามที่คาดการณ์กันไว้ โดยรุ่นดังกล่าวใช้ชื่อเพียง “The new iPad” ไม่มีการตั้งชื่อรุ่นให้อีกต่อไป หน้าตายังคงเหมือนเดิม คือเป็นหน้าจอขนาด 9.7 นิ้วและความละเอียดระดับ Retina
iPad for student ตัวนี้เป็นรุ่นราคาถูกจับตลาดนักศึกษาและนักเรียน นอกจากการอัพเกรดสเปคตามรอบแล้วยังอัพเกรดให้รองรับ Apple Pencil ปากกาดิจิตอลของ Apple ด้วย ทำให้นักศึกษาที่ต้องการจะใช้ Apple Pencil ไม่ต้องซื้อรุ่นที่แพงกว่าอย่าง iPad Pro อีกต่อไป
ปีนี้ iPad ตัวใหม่ยังคงราคาเท่ากับปีที่แล้ว ($329 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยถ้าเป็นนักศึกษาหรือโรงเรียนจะได้รับส่วนลดอีก $30 เหลือเพียง $299 ดอลลาร์เท่านั้น อุตสาหกรรมภาคการศึกษาถือเป็นเม็ดเงินมหาศาลที่ Apple พยายามจับมาโดยตลอด เมื่อโลกเปลี่ยนไปและหันจากคอมพิวเตอร์ไปสู่อุปกรณ์ที่ราคาถูกกว่า Apple จึงออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจับตลาดกลุ่มนี้อีกครั้ง
สำหรับสเปคนั้น Apple ได้ลดสเปคลงให้ต่ำกว่า iPad Pro รุ่นล่าสุด (อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะจะได้ลดต้นทุนการผลิตลง) โดยมีสเปคดังนี้
- หน้าจอ: 9.7 นิ้ว (Retina Display 2048 x 1536 Pixel)
- หน่วยประมวลผล: Apple A10 Fusion (ตัวเดียวกับใน iPhone 7)
- กล้องหลัง: 8 Megapixel
- กล้องหน้า: 5 Megapixel
- แบตเตอรี: ใช้งานได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง
- 4G LTE: ขายแยกรุ่น
- iCloud Storage สำหรับนักเรียนพื้นที่เพิ่มจาก 5GB เป็น 200GB
นอกจาก iPad รุ่นใหม่ที่ราคาถูกลงแล้ว Apple ก็พูดถึงซอฟท์แวร์ด้วย โดยบอกว่าปัจจุบันบน App Store มีโปรแกรมสำหรับ iPad อยู่ราวๆ 1 ล้านตัว และเป็นแอพสำหรับการศึกษาราวๆ 200,000 ตัว
สำหรับราคานั้นสรุปสั้นๆ ได้ดังนี้
- Apple iPad 9.7 WiFi 32GB ราคาอยู่ที่ $329 ดอลลาร์สหรัฐ (ภาคการศึกษาลดเหลือ $299)
- Apple iPad 9.7 4G LTE 32GB ราคาอยู่ที่ $459 ดอลลาร์สหรัฐ (ภาคการศึกษาลดเหลือ $429)
- Apple iPad 9.7 4G WiFi 128GB ราคาอยู่ที่ $429 ดอลลาร์สหรัฐ (ภาคการศึกษาลดเหลือ $399)
- Apple iPad 9.7 4G LTE 128GB ราคาอยู่ที่ $559 ดอลลาร์สหรัฐ (ภาคการศึกษาลดเหลือ $529)
- Apple Pencil ยังคงมีราคา $99 (ภาคการศึกษาลดเหลือ $89)
น่าติดตามว่าเมื่อ iPad รุ่นถูกที่สุดรองรับ Apple Pencil แล้วหลังจากนี้ Apple จะสร้างนวัตกรรมอะไรเพื่อตรึงราคาของ iPad Pro ให้สูงต่อไป
สำหรับประเทศกลุ่มแรกที่สามาารถสั่ง The new iPad ได้วันนี้ได้แก่
- ออสเตรเลีย
- ออสเตรีย
- เบลเยี่ยม
- แคนาดา
- จีน
- สาธารณรัฐเช็ค
- เดนมาร์ค
- ฟินแลนด์
- ฝรั่งเศส
- เยอรมัน
- ฮ่องกง
- ฮังการี
- ไอร์แลนด์
- อิตาลี
- ญี่ปุ่น
- ลักเซมเบิร์ก
- เนเธอร์แลนด์
- นิวซีแลนด์
- นอร์เวย์
- โปแลนด์
- โปรตุเกส
- สิงคโปร์
- สเปน
- สวีเดน
- สวิตเซอร์แลนด์
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- สหราชอาณาจักร
- สหรัฐอเมริกา
ส่วนประเทศกลุ่มที่สองจะเริ่มขายในเดือนเมษายน ได้แก่
- อินเดีย
- รัสเซีย
- ไทย
- ตุรกี
- ประเทศอื่นๆ ที่ยังไม่เผยรายชื่อ
นอกจากนี้กลุ่มประเทศสุดท้ายจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม ได้แก่ประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้ประกาศชื่อออกมา รวมไปถึงเกาหลีใต้ด้วย
ที่มา – Engadget, Phone Arena