Apple เปิดตัว iPad mini รุ่นใหม่ที่ทรงพลัง มาพร้อมจอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว ที่ใหญ่ขึ้นใน มีให้เลือก 4 สี มาพร้อมชิป A15 Bionic ทำงานที่เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 80% อีกทั้งยังใช้พอร์ต USB-C ใหม่ เชื่อมต่อได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และรุ่น Cellular ยังรองรับเครือข่าย 5G และการรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ด้วย
ดีไซน์ใหม่แบบหน้าจอทั้งหมด มาใน 4 สีสันอันสวยงาม
iPad mini ใหม่ มีให้เลือก 4 สี ทั้งสีชมพู สีสตาร์ไลท์ สีม่วง และสีเทาสเปซเกรย์ มาพร้อมจอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้วที่ใหญ่ขึ้น ความสว่างที่สูงถึง 500 นิต และขอบจอที่แคบลง มีขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวกเหมือนเดิม การแสดงผลแบบ True Tone และเทคโนโลยี Full Lamination มีลำโพงสเตอริโอแนวนอนใหม่เข้ากับจอภาพใหม่
นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID ที่ปุ่มเปิดปิดเครื่อง สะดวกในการใช้งานและการยืนยันตัวตน และปลดล็อค, ล็อกอินเข้าสู่แอป พร้อมรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ซึ่งจะยึดติดกับเครื่องด้วยแม่เหล็กเพื่อชาร์จแบบไร้สายและจับคู่
ชิพประมวลผล A15 Bionic
iPad mini มาพร้อมชิพ A15 Bionic CPU แบบ Dexa-core เร็วขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ และ GPU แบบ 5-core เร็วขึ้น 80 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ฟังก์ชันการเรียนรู้ของระบบ (ML) ขั้นสูง ขับเคลื่อนด้วย Neural Engine แบบ 16-core การทำงานร่วมกับ CPU และ GPU ทำให้ Neural Engine ช่วยให้แอปต่างๆ ลื่นไหล ไม่มีสะดุด พร้อมระบบประหยัดพลังงาน
กล้องหน้า กล้องหลัง 12 MP พร้อมคุณสมบัติ Center Stage
ปกติแล้ว Center Stage จะอยู่บน iPad Pro มาถึงรุ่นเล็กอย่าง iPad mini ก็มีฟีเจอร์นี้มาให้ใช้งานด้วยกล้องหน้าอัลตราไวด์ 12MP โดยจะแพนกล้องโดยอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้อยู่ในสายตาเสมอในระหว่างที่เคลื่อนที่ไปรอบๆ และถ้ามีคนอื่นมาร่วมด้วย กล้องก็สามารถตรวจจับได้ และจะซูมออกอย่างลื่นไหล เพียงแค่วางเครื่องนิ่งๆ เท่านั้นเอง
กล้องหลังมาพร้อมเซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP พร้อม Focus Pixels และรูรับแสงที่ใหญ่ขึ้น พร้อมแฟลช True Tone สำหรับการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย มีระบบ HDR ที่ช่วยปรับปรุงแสง และคุณภาพของรูปภาพจากรายละเอียดในเงามืดและสว่างโดยใช้ประโยชน์จาก ISP ใหม่ในชิพ A15 Bionic
รองรับ 5G และ USB-C เพื่อการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น
ด้วยการเชื่อมต่อไร้สายผ่านเครือข่าย 5G ช่วยให้ iPad mini สามารถใช้ระดับความเร็วสูงสุดถึง 3.5 Gbps สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจากทุกที่เมื่อรวมกับการรองรับ Gigabit LTE และ eSIM นอกจากนี้ยังรองรับ Wi-Fi 6 ที่เร็วยิ่งขึ้นอีก ส่วนการเชื่อมต่อผ่านสายก็เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้สูงสุด 5Gbps เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม USB-C อื่นๆ ที่รองรับได้ทันที
- รุ่น Wi-Fi ราคาเริ่มต้น 17,900 บาท
- รุ่น Wi-Fi + Cellular เริ่มต้นที่ 23,400 บาท
- มีหน่วยความจำให้เลือก 64GB และ 256GB
>