Apple วางจำหน่าย iPad รุ่นแรกเมื่อปี 2010 หรือสิบปีที่แล้ว และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นแทบเล็ตอันดับหนึ่งที่ยังได้รับความนิยม และผู้ใช้งานต่างมองหา
เมื่อปีที่แล้ว Apple เปิดตัว iPad รุ่นที่ 7 ในงานเดือนกันยายน รอบนี้จึงไม่แตกต่างกันมากนัก โดยเปิดตัว iPad รุ่นใหม่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปสองรุ่นด้วยกัน ได้แก่ iPad 8th Gen และ iPad Air 4
iPad 8th Gen
iPad รุ่นปกตินี้ยังคงใช้พอร์ต Lightning อยู่เหมือนเดิม ส่วนชิปประมวลผลอัพเกรดเล็กน้อยเป็น Apple A12 (ตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPhone Xs) และขนาดหน้าจอเท่าเดิม ภาพรวมยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ทีต้องการแทบเล็ตราคาไม่แพง แต่ยังเป็น iPadOS อยู่
ชิปประมวลผลถือว่าเป็นการอัพเกรดที่น่าพอใจ เนื่องจากอัพเกรดมาเป็น Apple A12 แม้จะตกรุ่นไปบ้าง แต่ก็ถือว่ายังมีประสิทธิภาพที่ดี เมื่อเทียบกับชิปรุ่นที่แล้ว CPU เร็วขึ้น 40% ส่วน GPU เร็วขึ้น 200% ทำให้ไม่ว่าจะทำงานหรือเล่นเกมส์ก็ทรงประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการใช้งาน
นอกจากนี้ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาก็คือ Neural Engine ที่ใสช้ประมวลผลปัญญาประดิษฐ์นั่นเอง ทำให้ iPad 8th Gen ทำงานได้หลากหลายมากประโยชน์ขึ้น
สำหรับราคาเปิดตัวนั้นอยู่ที่ $329 ดอลลาร์สหรัฐ เปิดให้จองแล้ววันนี้ และเริ่มวางจำหน่ายวันศุกร์นี้ (ในสหรัฐ) สำหรับราคาภาคการศึกษาอยู่ที่ $299 ดอลลาร์สหรัฐครับ
สำหรับราคาวางจำหน่ายในไทย Apple.com/th เผยว่า iPad ราคาขายอยู่ที่ 10,900 บาท ครับ
iPad Air 4
iPad Air 4 เป็นการก้าวเข้าสู่พื้นที่ของ iPad Pro อีกครั้ง หลังจากที่รุ่นก่อนหน้ามีหน้าตาคล้ายกับ iPad Pro ยุคแรกไปแล้ว โดยถูกตัดฟีเจอร์ออกไปจำนวนหนึ่งไม่ว่าจะเป็น ProMotion (หน้าจอ 120Hz) กับกล้องหน้า Face ID ที่ใช้ยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน
รอบนี้ Apple เปิดตัว iPad Air 4 ได้อย่างน่าสนใจ เพราะมีตัวเลือกสีที่เพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Rose Gold, Sky Blue หรือ Green ที่ดูสดใส แตกต่างจากอดีตที่มีเพียงสีเทา สีดำ และสีชมพู เท่านั้น
หน้าจอของ iPad Air 4 ถูกขยายขึ้นไปเป็น 10.9 นิ้ว และใช้หน้าจอ Liquid Retina Display ทำให้มีความละเอียดอยู่ที่ 2360 x 1640 พิกเซล (ราวๆ 3.8 Megapixel) ส่วนผิวหน้าจอมีการเคลือบกันสะท้อน และโหมดสีตรง (True Tone color) แบบเดียวกับที่ใช้บน iPad Pro อีกด้วย
ฟีเจอร์ลูกผสมระหว่าง Apple ยุคใหม่ กับยุคเก่าก็คือการที่มันรองรับ Touch ID บนปุ่ม Power ซึ่งหลายๆ คนรู้สึกว่าอยากได้มากกว่า Face ID เนื่องจากสามารถใช้งานตอนไหนก็ได้ แม้จะสวมหน้ากากอยู่ข้างนอกก็ตามที
สำหรับชิปประมวลผลที่ใช้นั้น iPad Air 4 เป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกจากทาง Apple ที่ใช้ชิป Apple A14 (ปกติแล้ว Apple จะเปิดตัวชิปพร้อมกับ iPhone แต่รอบนี้เปิดตัวกับ iPad ก่อน) โดยเป็นชิปตัวแรกที่ใช้กระบวนการผลิตขนาด 5 นาโนเมตร ทำให้อัดทรานซิสเตอร์เข้าไปแน่นกว่าเดิมมาก โดยมีทรานซิสเตอร์รวมทั้งหมด 11,800 ล้านตัว (มากกว่า Apple A13 ราวๆ 40%)
ตัวหน่วยประมวลผล (CPU) มีทั้งหมด 6 คอร์ด้วยกัน (4 คอร์แรง 2 คอร์ย่อย) เร็วกว่าเดิม 40% เมื่อเทียบกับ iPad Air 3 ส่วน GPU นั้นประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากรุ่นใน iPad Air ตัวก่อนหน้า 30% และ Neural Engine จำนวน 16 คอร์จะทำให้การประมวลผลปัญญาประดิษฐ์เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าสองเท่าเลยทีเดียว
อีกเรื่องที่น่ายินดีก็คือ iPad Air 4 จะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB Type C แล้ว (ในที่สุดเราก็หลุดจากยุค Lightning เสียที) โดยสามารถทำความเร็วถ่ายโอนได้สูงสุดที่ 5Gbps เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 10 เท่าด้วยกัน
กล้องหน้าเป็นกล้องความละเอียด 7 Megapixel รองรับการถ่าย Smart HDR ในตัว
สำหรับกล้องหลัง 12 Megapixel เป็นตัวเดียวกับที่ใช้อยู่บน iPad Pro ถ่ายวิดิโอ 4K ได้อย่างสบายๆ และวิดิโอที่ได้ก็จัดว่าดีงามมาก
iPad Air 4 จะใช้ลำโพงสเตอริโอ (แบบเดียวกับ iPad Pro) และรองรับ Apple Pencil 2 ด้วย
แน่นอนว่าสเปคและฟีเจอร์อัพเกรดขึ้นขนาดนี้ ราคาก็ขยับตามไปด้วย โดยรุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ความจุ 64GB และไม่มี 4G LTE (มีแต่ WiFi เท่านั้น) ราคาอยู่ที่ $599 ดอลลาร์สหรัฐครับ มีกำหนดเริ่มขายพฤศจิกายนนี้
สำหรับราคาวางจำหน่ายในไทย Apple.com/th เผยว่า iPad Air 4 ราคาเริ่มต้นขายอยู่ที่ 19,900 บาท ครับ
ที่มา – YouTube (Apple)