วันนี้มาแนะนำเทคโนโลยีแห่งอนาคตกันครับกับ USB Type-C ทุกคนที่ใช้สมาร์ทโฟน Android คงจะรู้จักกับพอร์ต USB ช่องที่เราเอาไว้ชาร์ตแบต หรือซิงค์ข้อมูลต่างๆระหว่างสมาร์โฟนและอุปกรณ์ต่างๆ
ซึ่งถ้าเป็นสมาร์ทโฟนทั่วๆไปที่ใช้กันทั่วๆไปในท้องตลาดก็จะใช้ USB เวอร์ชั่น 2.0 Type-B แต่จะมีบางรุนที่ล้ำๆหน่อยก็จะใช้ USB เวอร์ชั่น 3.0 Standard-A อย่าง Samsung Galaxy Note3 และ Samsung Galaxy S5 ที่ส่งผ่านข้อมูลได้เร็วกว่า(5 Gbps) แล้วก็มี USB เวอร์ชั่น 3.1 Micro-B หน้าตาเหมือนกับ USB 3.0 เลยแต่ส่งผ่านข้อมูลได้รวดเร็วกว่าถึงเท่าตัวคือ 10 Gpbs
ซึ่งทั้งสองมีจุดด้อยเหมือนกันตรงที่เวลาเราจะเสียบสายเข้ากับพอร์ตเราจะต้อง เล็งให้ถูกห้ามกลับด้านยิ่งถ้าเป็นตอนมืดๆปิดไฟนอนต้องจะลำบากมาก แต่สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ๆเขาใช้พอร์ต Lightning แบนๆที่จะผลิกด้านเสียบด้านไหนก็ได้ปิดไฟเสียบได้เลยขอแค่ถูกรูพอ
ทำให้กลุ่มนักพัฒนาอย่าง USB 3.0 Promoter Group บอก “ยอมไม่ได้เว้ย!!” เลยออกมาโชว์รูปแบบของพอร์ต USB ใหม่อย่างเป็นทางการโดยตั้งชื่อให้ว่า USB Type-C (USB เวอร์ชั่น 3.1) ออกมาประชันเพื่อสู้กับพอร์ต Lightning
ซึ่งเจ้า Type-C จะมีขนาดหัวเท่าๆ กับรุ่นเก่าอย่าง micro USB เวอร์ชั่น 2.0 Type-B มี 18 พิน สามารถทำงานร่วมกับพอร์ต USB เวอร์ชั่น 3.1 Micro-B ได้ มีความเร็วสูงสุดในการโอนถ่ายข้อมูลสูง 10 Gbps นอกจากนี้ ยังรองรับเทคโนโลยี USB Power Delivery ที่ใช้ในการรับส่งกระแสไฟฟ้า 100 วัตต์ได้ (USB เวอร์ชั่น 2.0 รับส่งกระแสไฟฟ้าได้ 500 วัตต์ USB เวอร์ชั่น 3.0-3.1 รับส่งกระแสไฟฟ้าได้ 900 วัตต์ )
อีกหน่อยทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต รวมถึงโน๊ตบุ๊ค หรือ คอมพิวเตอร์รุ่นที่ออกใหม่ๆจะต้องมีพอร์ตนี้ติดมาด้วยอย่างแน่นอนซึ่งคาดว่าน่าจะได้เห็นกันซักปลายๆปีหน้ากับสมาร์ทโฟนรุ่นท๊อปๆของแต่ละค่ายก็รอคอยกันต่อไป
Pingback: USB 3.1 Type-C เทคโนโลยีในอนาคตที่เราจะต้องใช้ | trinetphoneclub.com