VISA ผู้นำด้านระบบการชำระเงินระดับโลก ร่วมกับ LINE Corporation ผู้ให้บริการด้านฟินเทค (FinTech) และดิจิตอลวอลเลท (Digital Wallet) บนแอพพลิเคชั่นไลน์ ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ด้านบริการทางการเงินบนแอพพลิเคชั่นให้แก่ผู้บริโภคและร้านค้านับล้านทั่วโลก
โดยทั้งสองบริษัทประกาศที่จะร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- การใช้จ่ายของผู้บริโภคในชีวิตประจำวัน: สำหรับผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น LINE กว่า 187 ล้านรายทั่วโลกจะสามารถสมัครบัตรวีซ่าในรูปแบบดิจิทัลได้ผ่านแอพฯโดยตรง ซึ่งในอนาคตจะสามารถเพิ่มบัตรวีซ่าที่ถืออยู่เข้าไปยังดิจิตอลวอลเลท เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านการชำระเงินแบบไร้รอยต่อบนสมาร์ทโฟน นอกจากนั้นทั้งสองบริษัทจะร่วมกันต่อยอดโครงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ (Loyalty Program) ต่าง ๆ สำหรับลูกค้า สิทธิประโยชน์ และโซลูชั่นการชำระเงินสำหรับการเดินทางในต่างประเทศ
- โซลูชั่นสำหรับร้านค้า: ผู้ใช้บริการ LINE Pay จะสามารถใช้บริการชำระเงินในเครือข่ายร้านค้าของวีซ่า ที่มีอยู่กว่า 54 ล้านร้านค้าทั่วโลก ไปพร้อมกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ และบริการและจาก LINE Pay อีกด้วย โดยผู้บริโภคจะสามารถตรวจการทำธุรกรรมได้ผ่านดิจิตอลวอลเลทของ LINE Pay ถึงแม้ว่าในบางสถานที่จะไม่รับบริการชำระผ่าน LINE Pay โดยตรง นอกจากนี้ วีซ่า และ LINE Pay ยังจะร่วมมือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ร้านค้าเพื่อรองรับการชำระเงินผ่าน LINE Pay และ ดิจิตอลวอลเลทของ LINE Pay เพื่อขยายเครือข่ายการชำระเงินระหว่างกันทั่วโลก
- การบริการฟินเทค: LINE Pay และ วีซ่า จะร่วมพัฒนาประสบการณ์รูปแบบใหม่บนบล็อกเชน (Blockchain) เพื่อรองรับการชำระเงินระหว่างหน่วยงานธุรกิจ (B2B) การชำระเงินแบบข้ามพรมแดน และการทำธุรกรรมการเงินทางเลือก
- การตลาด: วีซ่า และ LINE Pay จะร่วมผลักดันแคมเปญทางการตลาด และโปรโมชั่นต่าง ๆ ทั้งในช่วงก่อน และหลังการจัดงานโอลิมปิกที่จะถึงนี้ เพื่อช่วยผลักดันให้ประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมไร้เงินสด
แอพพลิเคชั่นส่งข้อความ (Messaging Applications) เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดดิจิตอลคอมเมิร์ซ เนื่องจากผู้บริโภคใช้เวลาส่วนใหญ่กับแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ ซึ่งการผนวกบริการการชำระเงินเข้ากับแอพพลิเคชั่นจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ประสงค์จะใช้งานเพียงแอพพลิเคชั่นเดียวในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การโอนเงิน การซื้อสินค้าออนไลน์ การจ่ายบิล การจองที่พัก หรือแม้กระทั่งการสั่งอาหาร ดังนั้นความร่วมมือกันระหว่าง LINE และ วีซ่า จะตอบโจทย์และสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อสำหรับผู้ใช้งานหลายล้านราย ทั้งยังช่วยผลักดันให้เกิดการขยายตัวของการชำระเงินแบบเปิด และการทำงานระหว่างหน่วยงานในระดับโลก
สำหรับความร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดความสัมพันธ์ระหว่าง วีซ่า และ LINE Pay ซึ่งรวมถึงความร่วมมือในการออกบัตร LINE Pay วีซ่าในประเทศไต้หวัน และในช่วงปลายปี 2019 ในประเทศญี่ปุ่น
คริส คลาร์ก ประธานบริหารวีซ่า ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “โปรแกรมที่ทำร่วมกันเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในไต้หวันกว่า 2.3 ล้านรายในปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่เติบโตเร็วที่สุดระดับโลก และเรายินดีที่ได้ขยายโซลูชั่นนี้ไปยังตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก นอกจากนั้น เรายังประทับใจในขีดความสามารถและความนิยมของ LINE และยินดีที่ได้ร่วมมือเพื่อผลักดันการเติบโตของระบบการชำระเงินแบบเปิดทั่วโลก โดยเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะสร้างประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในเครือข่ายของเราไม่ว่าจะเป็น ผู้บริโภค ร้านค้า และ ธนาคารผู้ออกบัตร และรับบัตร เป็นต้น”
“LINE Pay เป็นมากกว่ารูปแบบการชำระเงิน ในขณะที่เราก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด LINE Pay จะเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้ใช้งาน LINE ทั่วโลก นอกจากนั้น ผู้ใช้ LINE Pay จะสามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเครือข่ายระดับโลกของวีซ่าได้อีกด้วย” ยงซู โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE Pay และ LINE Fintech Company
ในขณะที่รูปแบบการชำระเงินขยายตัวจากบัตรพลาสติกแบบดั้งเดิม เข้าสู่การชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน อุปกรณ์เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต และการชำระเงินรูปแบบดิจิตอลอื่น ๆ วีซ่าได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อเพิ่มประสบการณ์การชำระเงินใหม่ให้แก่ผู้บริโภคผ่านบัตรในรูปแบบดิจิตอล และขยายเครือข่ายสร้างพันธมิตรกับผู้เล่นใหม่ๆ ซึ่งรวมไปถึงโปรแกรม วีซ่า ฟินเทค ฟาสแทรค (Visa Fintech Fast-track programme) ที่เปิดโอกาสให้พันธมิตรเข้าร่วมพัฒนาบริการใหม่ ๆ บนเครือข่ายการชำระเงินของวีซ่า