หลังจากเป็นข่าวลือมานานวันนี้ Xiaomi ก็เปิดตัวมือถือเกรดพรีเมียมตัวล่าสุดในชื่อว่า Xiaomi Mi 8 จริงๆ ตามข่าวลือว่าจะกระโดดข้ามเลข 7 ไป โดยมีด้วยกันทั้งหมดสามรุ่นย่อย
Xiaomi ได้เปิดตัวสามพี่น้อง Xiaomi Mi 8 ด้วยกัน โดยไล่จากสเปคต่ำสุดไปสูงสุดคือ
- Mi 8 SE
- Mi 8
- Mi 8 EE
Xiaomi Mi 8
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าตาแบบนี้ไม่ได้ลอกหรือรับแรงบันดาลใจก้อนใหญ่ๆ จาก iPhone X ไม่ว่าจะเป็นติ่งที่มีเซนเซอร์ตรงกลางกว้างมาก กล้องคู่ด้านหลังในแนวตั้ง บอดี้เฟรมโลหะฝาหลังกระจก แต่ด้านล่างใต้หน้าจอมีพื้นที่ค่อนข้างแคบเอามากๆ
สเปคของ Xiaomi Mi 8 มีดังนี้
- หน้าจอ: 6.21 นิ้ว (2248 x 1080) อัตราส่วน 18.7:9
- หน่วยประมวลผล: Snapdragon 845
- กล้องหลัง: 12 + 12 Megapixel
- กล้องหน้า 20 Megapixel
- หน่วยความจำ: 6 GB
- พื้นที่ในตัว: 64 / 128 / 256 GB
- แบตเตอรี: 3,400 mAh (รองรับ Quick Charge 4+)
- ระบบปฏิบัติการ: MIUI 10 (Android 8.1 Oreo)
- ไม่มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มม
หน้าจอนั้นใช้พาแนล AMOLED ผลิตโดย Samsung มีฟีเจอร์อย่าง Always-On ให้ใช้งาน โดยมีสัดส่วนพื้นที่หน้าจอสูงถึง 88.5% ด้วยกัน และสามารถดันความสว่างไปสูงสุดที่ 600 nits และสเปคนี้สามารถทำคะแนน AnTuTu ได้สูงสุดที่ 301,472 คะแนน ถือเป็นสถิติใหม่เลยทีเดียว ส่วนเซนเซอร์ด้านหน้าตรงติ่งก็มีทั้งกล้องหน้า และอินฟราเรด สามารถแสกนใบหน้าแบบ 3D เพื่อปลดล็อกตัวเครื่องได้แม้อยู่ในห้องที่ปราศจากแสงไฟก็ตาม
สำหรับกล้องหลังนั้นมี OIS กันสั่น 4 แกน ทำงานแบบ Dual-Pixel ทำให้ได้ภาพที่สว่างคมชัด และมีปัญญาประดิษฐ์ช่วยให้ภาพออกมาสวยงาม ทาง DxOMark ให้คำแนนรวมที่ 99 คะแนน โดยด้านภาพนิ่งนั้นได้สูงถึง 105 คะแนนด้วยกัน
ส่วนกล้องหน้า 20 Megapixel นั้นก็มีปัญญาประดิษฐ์ช่วยเหลือให้ภาพออกมาดีเช่นกัน ถึงขนาดกล้าท้าชนกับ iPhone X และ Huawei P20 เลยทีเดียว
อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือ Mi 8 จะใช้ระบบ Dual-frequency GPS โดยจะมีทั้ง L1 ที่เป็นความถี่ที่ใช้กันในมือถือ และ L5 ที่ใช้กันในวงการการบิน ทำให้ได้ความแม่นยำสูงขึ้นกว่าเดิมแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว
สำหรับราคาวางจำหน่ายของ Mi 8 มีดังนี้
- 64 GB – 2,699 หยวน (ราวๆ 13,500 บาท)
- 128 GB – 2,999 หยวน (ราวๆ 15,000 บาท)
- 256 GB – 3,299 หยวน (ราวๆ 16,500 บาท)
Xiaomi Mi 8 SE
Xiaomi Mi 8 SE ถือว่าเป็นรุ่นที่ลดสเปคลงมาเล็กน้อย คือลดขนาดหน้าจอลงมาเหลือ 5.88 นิ้ว และกล้องหลังเหลือเพียง 12 + 5 Megapixel เท่านั้น และยังเป็นมือถือตัวแรกของโลกที่ใช้ Qualcomm Snapdragon 710 อีกด้วย
ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Xiaomi Mi 8 SE นั้นจะขายในราคาเท่าไหร่ แต่จะมีเพียงรุ่นเดียวคือ RAM 6GB และพื้นที่ในตัว 64GB
Xiaomi Mi 8 Explorer Edition
สำหรับรุ่น Explorer Edition นี้เป็นรุ่นสเปคบนสุด อัดเต็มที่ทั้งสเปคและฟีเจอร์ที่เป็นข่าวลือ ไม่ว่าจะเป็นตัวอ่านลายนิ้วมือใต้หน้าจอ กลายเป็นรายแรกที่นำฟีเจอร์นี้ใส่มาในรุ่นกระแสหลัก (รายแรกสุดคือ Huawei Mate RS แต่เพราะเป็นรุ่นราคาแพง จึงไม่นับเป็นรุ่นกระแสหลัก)
เรื่องที่น่าเสียดายก็คือตัวแสกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอนั้นไม่สามารถใช้ตรงไหนก็ได้ แต่จำกัดเอาไว้เฉพาะตรงกลางๆ ด้านล่างของหน้าจอเท่านั้นถือว่าใช้งานยากหน่อย แตกต่างจาก VIVO APEX ที่จะใช้ได้ครึ่งล่างของจอตรงไหนก็ได้ หรือทั้งจออย่าง VIVO X21 UD
ในรุ่น Xiaomi Mi 8 ปกติจะใช้อินฟราเรดในการแสกนใบหน้า แต่รุ่น Explorer Edition จะใช้ Infrared Dot Projector ในการแสกนใบหน้า ทำให้เก็บรายละเอียดได้เทียบเท่ากับที่ iPhone X ทำ (ทาง Xiaomi ไม่ได้บอกว่าใช้ความละเอียดสูงกว่า หรือเท่ากับ iPhone X)
สำหรับรุ่น Explorer Edition ฝาหลังจะเป็นกระจกใส สามารถมองเข้าไปเห็นฮาร์ดแวร์ที่อยู่ข้างในได้ด้วย
สำหรับราคานั้น Xiaomi Mi 8 Explorer Edition มีแค่รุ่นเดียวคือ RAM 8 GB และความจุ 128 GB ราคาอยู่ที่ 3,699 หยวน (ราวๆ 18,500 บาท) ครับ
ที่มา – Phone Arena, GSMarena, GizChina