มือถือซีรีส์ล้ำโลกอย่าง Mi Mix กลับมาอีกครั้ง โดยรอบนี้ใช้ชื่อว่า Mi Mix Fold เป็นมือถือพับได้ตัวแรกที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีนำสมัยหลายอย่าง จนอาจจะมองว่าการพับได้ไม่ใช่จุดขายที่ล้ำที่สุดด้วยซ้ำ
ตัวเครื่องเมื่อกางออกมาจะมีขนาด 8.01 นิ้ว (หน้าจอ OLED และมีอัตราส่วน 4:3 ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล) ขนาดปกติจะเป็นแทบเล็ต และ Xiaomi โฆษณาว่าเป็นมือถือพับได้ที่จอใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ตัวจอโฆษณาว่าสีตรง (DCI-P3 Color Space) รองรับทั้ง HDR10+ และ Dolby Vision ความสว่างอยู่ที่ 600 – 900 nits และถ้าผู้ใช้งานลากนิ้วสามนิ้ว จะปรับให้ Mi Mix Fold เข้าโหมด Desktop
ฝาพับของตัวเครื่องได้รับการออกแบบให้เป็นรูปตัว U ทำให้เบากว่าของยี่ห้ออื่นๆ ราวๆ 27% และผ่านการทดสอบพับเกิน 200,000 ครั้งแล้ว สามารถพับได้ราวๆ 1 ล้านครั้งก่อนที่จะเริ่มเสื่อมสภาพ
สำหรับตัวหน้าจอด้านนอกมีขนาด 6.52 นิ้ว เป็น AMOLED ที่มีความละเอียด 820 x 2520 พิกเซล (สัดส่วน 27:9) แต่หน้าจอด้านนอกนี้จะมีรีเฟรชเรทที่ 90Hz สูงกว่าจอด้านในที่เป็น 60Hz นอกจากนี้ยังสว่างกว่าด้วย เพราะทำความสว่างได้ที่ 650 nits รองรับทั้ง HDR10+ และ Dolby Vision
กล้องมีชิปประมวลผล Surge C1 เป็นชิปใหม่ที่พัฒนามายาวนานเพื่องานสำหรับกล้องโดยเฉพาะ เป็นผลงานการพัฒนายาวกว่า 2 ปี และเงินอีก 140 ล้านหยวนเพื่อสร้างชิปประมวลผลสำหรับงานภาพโดยเฉพาะ นอกจากนี้เลนส์ยังเป็น Liquid Lens ตัวแรกของโลก ทำให้เปลี่ยนรูปร่างได้เหมือนเลนส์ในตามนุษย์ (แถมไม่ต้องกังวลว่าสภาพอากาศร้อนหรือเย็นเกินไปจะส่งผลกับการทำงาน เพราะตัวเลนส์ทำงานได้ตั้งแต่ -40 องศา ถึง 60 องศา)
เลนส์ Liquid Lens นี้ทำให้ตัวกล้องสามารถปรับระดับการซูมแบบ Optical ได้ตั้งแต่ 3 – 30 เท่า โดยระยะใกล้สุดที่ถ่ายได้คือ 3 เซนติเมตร (ไม่แพ้เลนส์มาโคร) น่าเสียดายที่เซนเซอร์สำหรับเลนส์นี้มีเพียง 8 Megapixel เท่านั้น
กล้องหลักยังคงมีความละเอียด 108 Meagpixel ตามที่ร่ำลือกัน ข้างในใช้เซนเซอร์ ISOCELL HM2 มีเลนส์ทั้งหมดเจ็ดชั้น รองรับการทำ 9-in-1 Binning ให้ได้ภาพออกมาที่ 12 Megapixel ที่ถ่ายในสภาพแสงน้อยได้ดี ส่วนกล้องอื่นๆ ก็ได้แก่ UlrtaWide ความละเอียด 13 Megapixel และ Macro 8 Megapixel
ตัวเครื่องมีแบตเตอรีขนาด 5,020 mAh (ข้างในเป็น 2,460 mAh สองก้อน) รองรับการชาร์จไฟ 67W ทำให้ชาร์จจากแบตเตอรีว่างเปล่าจนเต็มได้ภายใน 37 นาที ตัวเครื่องมีเทคโนโลยีระบายความร้อนหลากหลายรูปแบบ ทำให้กระจายความร้อนออกไปทั่วทั้งเครื่อง และลดอุณหภูมิได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นความร้อนที่เกิดจากเสา 5G หรือระบบชาร์จไฟก็ตาม
ฃชิปประมวลผลนั้นใช้ Snapdragon 888 สมกับความเป็น Flagship ที่อัดสเปคเต็มที่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น LPDDR5 ที่สัญญาณนาฬิกา 3,200 MHz หรือพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ UFS 3.1 (มีตัวเลือกสามแบบ คือ 12/256 GB, 12/512 GB และ 16/512 GB)
สำหรับระบบเสียงนั้นยังคงเป็นผลงานการจูนเสียงโดย Harman Kardon เช่นเดิม ลำโพงมีทั้งหมดสี่จุดด้วยกัน นอกจากนี้ยังรองรับ 3D Spatial ด้วยเทคโนโลยีการจัดการเสียงที่ Xiaomi ทำขึ้นเอง
รุ่นปกติจะใช้หน้าจอ (ด้านนอก) เป็น Gorilla Glass และบอดี้เป็นเซรามิกส์ นอกจากนี้ยังมีรุ่น Ceramic Special Edition ที่ฝาหลังเป็นเซรามิกส์สีดำ และยิงเลเซอร์สลักข้อความ รวมไปถึงฝาพับกับปุ่มปรับเสียงที่เป็นทองอีกด้วย
ราคานั้นแบ่งออกเป็นสามรุ่นหลักดังนี้
- RAM 12GB / Storage 256GB – ราคา 10,000 หยวน (ราวๆ 47,800 บาท)
- RAM 12GB / Storage 512GB – ราคา 11,000 หยวน (ราวๆ 52,600 บาท)
- RAM 16GB / Storage 512GB – ราคา 13,000 หยวน (ราวๆ 62,200 บาท)
เริ่มเปิดให้จองในประเทศจีนแล้ววันนี้ เริ่มส่งของ 16 เมษายนเป็นต้นไป ส่วนนอกประเทศจีนอย่างเราอาจจะต้องรอไปก่อน อย่างตอนที่ Xiaomi Mi MIX รุ่นแรกเปิดตัวก็ไม่สามารถผลิตได้มากพอที่จะขายทั่วโลก และต้องรอกันอีกเกือบปีกว่าจะสามารถผลิตขายทั่วโลกได้
ที่มา – GSMarena