เปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยไปแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ POCO F2 Pro ที่มาพร้อมกับสเปกที่สุดแรงเรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อพิชิตเรือธงกันเลย สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร เชิญติดตามรีวิวกันได้เลยครับ
แกะกล่อง ส่องอุปกรณ์
ตัวกล่องมาในสีดำเรียบๆ พร้อมกับตัวอักษรสีเหลืองมีชื่อรุ่นอยู่บนหน้ากล่อง มีคำว่า 5G แน่นอนว่ารุ่นนี้นั้นรองรับการใช้งาน แต่ยังไม่พร้อมในตอนนี้ ส่วนด้านข่างก็มีป้าย Hi-Res Audio เพื่อบ่งบอกถึงระบบเสียงที่จัดเต็ม
เมื่อเปิดฝาออกมาก็พบกับกล่องสีเหลือวางอยู่ด้านใน เมื่อพลิกดูด้านหลังจะมีเข็มจิ้มถาดซิมการ์ดติดไว้อยู่
ภายในกล่องนี้จะมีเคสใส และเอกสารคู่มือการใช้งานอยู่
ด้านในพบกับตัวเครื่องที่ซีลมาอย่างดี พร้อมกับสเปกหลักๆ ของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865 with 5G, หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว, กล้องหลัง 64MP ถ่ายวิดีโอ 8K และแบตเตอรี่ 4700mAh
ภายในชุดจัดจำหน่าย นอกจากตัวเครื่องแล้ว ยังมีสายชาร์จ USB-C และอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 30W มาให้ใช้งาน ไม่มีหูฟังแถมมาให้ด้วย
ดีไซน์สวย
สำหรับสีที่เห็นนี้เป็นสีฟ้า Neon Blue ที่มีความสวยงาม แวววาว มีการสะท้อนแสงที่สวยงาม ฝาหลังขอบโค้งช่วยรับเข้ากับอุ้งมือเวลาหยิบจับใช้งานทั้งแนวตั้งและแนวนอน โดยชุดเลนส์จะมาในดีไซน์วงกลม รวม 4 เลนส์ไว้ด้านใน พร้อมกับไฟแฟลช LED ด้านล่างกรอบชุดเลนส์
ปุ่มล็อคและปลดล็อคตัวเครื่องมาในปุ่มสีแดงที่เด่นว่าสีของตัวเครื่อง ทำให้มองเห็นได้ง่าย วางอยู่ข้างๆ กับปุ่มปรับระดับเสียงสนทนา
POCO F2 Pro ยังคงมาพร้อมกับช่องต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร เพื่อใช้งานกับหูฟังคู่ใจที่เรามีอยู่ ซึ่งภายในกล่องจะไม่มีแถมหูฟังมาให้ และมีกล้องหน้าป๊อบอัพความละเอียด 20 ล้านพิกเซลวางอยู่
ถาดซิมการ์ดจะวางอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง พร้อมกับพอร์ต USB-C และลำโพงสปีกเกอร์ซึ่งจะมีเสียงออกทางลำโพงนี้ทางเดียวเท่านั้น
หน้าจอใหญ่ 6.67 นิ้ว ปลอดภัยต่อดวงตา ผ่านมาตรฐาน TÜV Rheinland
หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ แบบ Full Screen Display ไร้ขอบ ไร้ติ่ง และไม่มีกล้องหน้าฝังลงบนหน้าจอให้มากวนใจ จะใช้งานแนวไหนก็ดูได้แบบเต็มจอ กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 มีความสว่าง 500 nits สามารถใช้งานในกลางแจ้งได้ค่อนข้างโอเค รองรับการแสดงผล HDR10+ และ Netflix HD มีรีเฟรชเรทอยู่ที่ 60Hz สูงสุด และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
ประสิทธิภาพสุดแรง เล่นเกมลื่นไหล
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865 บคู่กับชิปประมวลผล Kryo 585 octa-core และ GPU Adreno™ 650 ทำให้การประมวลผลใช้งานต่างๆ ทำได้รวดเร็ว พร้อมกับ RAM 6GB แบบ LPDDR51 หน่วยความจำ 128GB แบบ UFS 3.1 ที่อ่านเขียนได้อย่างรวดเร็ว ส่วนระบบปฏิบัติการ MIUI 11 บนพื้นฐาน Android 10 ที่มีหน้าตาเรียบร้อยและสวยงาม ลื่นไหล มีธีมให้เลือกใช้เพิ่มเติมได้หลากหลายและยังมี Dark mode และฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ มาให้ใช้งานอีกมากมาย สำหรับคะแนนที่ตรวจสอบจาก Antutu Benchmark ก็อยู่ในอันดับต้นๆ ชนะสมาร์ทโฟนระดับเรือธงไปหลายแบรนด์อยู่เหมือนกัน
ในด้านการเล่นเกม สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็ได้มีการปรับปรุงและพัฒนามาเพื่อการเล่นเกมมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีระบายความร้อน LiquidCool Technology 2.0 POCO F2Pro มาพร้อม vapor chamber ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดในตอนนี้ พร้อมด้วยแกรไฟต์และแกรฟีนหลายชั้น ทำให้ตัวเครื่องและ SoC ไม่ร้อน พอเครื่องไม่ร้อน ก็ทำให้เฟรมเรทไม่ตก เล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องและลื่นไหล อีกทั้งยังได้รับการรองรับจาก TUV Rheinland ในมาตรฐานการเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพสูง โดยได้รับการรองรับอย่างประสบการณ์การเล่นเกมที่ดี, แบตเตอรี่, การเชื่อมต่อเครือข่าย, ระบบระบายความร้อน และสำหรับการเชื่อมต่อก็นำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง 5G, WiFi 6 และ Super Bluetooth ใส่เข้ามาให้ในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ทั้งหมด
จากการทดสอบลองเล่นเกม PUBG Mobile ก็ปรับกราฟิกได้ในระดับสูง เล่นได้อย่างลื่นไหล และหน้าจอตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมี Game Turbo มาช่วยปรับประสทิธิภาพให้เหมาะสมกับการเล่นเกมมากขึ้น
ส่วนด้านแบตเตอรี่ 4700mAh ที่ให้มาก็เพียงพอต่อการใช้งานได้เต็มวันแล้ว และยังรองรับชาร์จเร็ว 30W โดยมีอะแดปเตอร์สำหรับชาร์จเร็วแถมมาในชุดจัดจำหน่ายด้วย
กล้องหลัง 4 เลนส์ กับความละเอียด 64MP
สำหรับกล้องหลังก็ค่อนข้างจัดเต็ม ให้มาถึง 4 เลนส์ด้วยกัน ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX686, เลนส์ Ultra wide มุมกว้าง 123 องศา ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, เลนส์ Telemacro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่เป็นทั้งเลนส์ซูม และเลนส์มาโครถ่ายภาพระยะใกล้ สุดท้ายกับเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด 8K ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่แบบป๊อบอัพ 20MP มีไฟแจ้งเตือนหลายสี
ภาพที่ได้มาถือว่าดีมากๆ การโฟกัสทำได้อย่างรวดเร็ว ระยะชัดตื้นทำได้ดี มีโหมดถ่ายภาพบุคคลให้เลือกใช้งาน ซึ่งก็มีการตัดขอบทำหน้าชัดหลังละลายได้ค่อนข้างเนียน และเลนส์ยังครอบคลุมการถ่ายรูปภาพ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกถ่ายภาพด้วยเลนส์ความละเอียด 64MP แบบเต็มๆ เพื่อนำไฟล์ไปใช้งานพิมพ์ได้ โดยขนาดไฟล์ที่ได้จะมีประมาณ 20MB ขึ้นไป ส่วนไฟล์รูปภาพปกติจะอยู่ที่ 6-8MB
สรุป POCO F2 Pro
ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่เกิดมาพิชิตเรือธงจริงๆ ทั้งเรื่องความแรงของตัวเครื่อง ด้านกล้องที่ทำได้ดี แต่มีบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่สู้ไม่ได้ อาทิ ลำโพงที่ไม่มาเป็นแบบสเตอริโอ รีเฟรชเรทของหน้าจอที่มีเพียง 60Hz เท่านั้น แต่ถ้ามองข้ามตรงนี้ก็ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่พร้อมใช้งานในระดับสูงอยู ด้านการถ่ายภาพก็ทำได้ดี หน้าจอขนาดใหญ่ จะมีเรื่องที่ติก็คือน้ำหนักตัวเครื่องที่รู้สึกว่าหนักไปนิด แต่ก็เข้าใจได้ในเรื่องของกลไกของกล้องหน้าแบบป๊อบอัพ
สมาร์ทโฟน POCO F2Pro ทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายในประเทศไทย ในวันที่ 18 มิถุนายน 2563 ในราคาที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ บน Shopee, JD Central และ Lazada
สำหรับ POCO F2Pro รุ่นความจุ 8GB + 256GB จะวางจำหน่ายในราคา 20,999 บาท และวางจำหน่าย ณ ร้าน COM7, TG FONE, JAYMART, Mi Stores และร้านค้าที่ร่วมรายการ