ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมือถือสำหรับองค์กรและผู้บริโภคประกาศเปิดตัวสมาร์ตโฟนวีดีโอรุ่นแรกของบริษัทที่รองรับ 5G อย่าง ZTE Axon 11 5G อย่างเป็นทางการในประเทศจีน ซึ่งครบครันด้วยคุณสมบัติ 5G ที่ยอดเยี่ยม ดีไซน์ที่หรูหรา การบันทึกและตัดต่อวิดีโอที่ทรงพลัง
ZTE Axon 11 5G ฟังก์ชันบันทึกและตัดต่อวิดีโอสุดทรงพลัง บันทึกภาพชีวิตใหม่ของคุณ
ไม่ว่าจะเป็นวล็อกเกอร์มืออาชีพหรือผู้ใช้งานทั่วไป ทุกคนต่างเต็มใจที่จะจดจำ นำเสนอแบ่งปันชีวิตประจำวันของพวกเขา และรับข้อมูลที่มีพลวัตมากขึ้นผ่านวิดีโอ โดยในประเทศจีนนั้นจำนวนผู้ใช้วิดีโอสั้นปี 2562 พุ่งทะลุหลัก 820 ล้านรายและยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และนอกเหนือจากความละเอียดและเฟรมเรตแล้ว
ระบบป้องกันวิดีโอสั่นเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่เป็นตัวกำหนดคุณภาพของวิดีโอ
สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 4K ได้ที่ระดับ 60fps ด้วยการอาศัยระบบการถ่ายภาพแบบ AI quad ซึ่งประกอบด้วยกล้องหลักสุดยอดความคมชัด HD ระดับ 64MP กล้องมุมกว้างความละเอียด 8MP ปรับได้ถึง 120 องศา กล้องมาโครความละเอียด 2MP และกล้องระยะชัดลึกระดับมืออาชีพ
ทั้งกล้องหลักและกล้องมุมกว้างรองรับการลดการสั่นไหวของวิดีโอ ซึ่งช่วยปรับความสั่นไหวระหว่างถ่ายวิดีโอ เพื่อให้บันทึกวิดีโอแบบไดนามิกได้ชัดเจนและมั่นคงมากขึ้น พบความสวยงามในชีวิตและบันทึกรายละเอียดได้มากขึ้น ด้วยการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงที่มั่นคงไม่สั่นคลอน
เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้ใช้งานในการตัดต่อวิดีโอทุกที่ทุกเวลา จึงมาพร้อมกับฟังก์ชันตัดต่อวิดีโอ รองรับสเปเชียลเอฟเฟกต์สำหรับการเปลี่ยนภาพมากมาย ทั้งยังมีฟังก์ชันการต่อภาพ ฟิลเตอร์ และดนตรีเสริม เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนออกมาบันทึกภาพชีวิตใหม่ของตัวเองด้วยสมาร์ตโฟน 5G รุ่นใหม่นี้ และการที่เครือข่าย 5G มีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลสูงแต่ค่าความหน่วงต่ำนั้น ทำให้อัปโหลดวิดีโอระดับ 4K HD ได้ถึงหลายร้อยรายการโดยไม่ต้องบีบอัดข้อมูลเท่ากับว่าคุณสามารถบันทึก นำเสนอ และแชร์ช่วงเวลาแสนพิเศษเหล่านั้นได้ทุกที่ทุกเวลา
รองรับเครือข่าย 5G เพื่อประสบการณ์อันเหนือชั้น
รองรับทั้งโหมด SA และ NSA ส่งผลให้เชื่อมต่อได้หลายช่องทางในคราวเดียวกันบนเครือข่าย Wi-Fi และเซลลูลาร์ (4G/5G) โดยไม่เพียงแต่จะจัดการกับสภาวะด้านสัญญาณที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดายเท่านั้น แต่ยังบรรลุ 5G ได้เต็มแถบความถี่ รวมถึง Netcom เต็มรูปแบบ และเร่งความเร็วเครือข่ายซ้อนทับไปอีกขั้น สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่นี้ขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์มเคลื่อนที่ Qualcomm(R) Snapdragon(TM) 765G ให้ประสบการณ์ 5G ถึงขีดสุด
และเมื่อผนวกรวมเข้ากับเทคโนโลยีเร่งความเร็วเครือข่ายอัจฉริยะของ ZTE อย่าง Link-Booster แล้ว ZTE Axon 11 5G ก็สามารถสวิตช์จาก Wi-Fi ไปเครือข่ายเซลลูลาร์ได้อย่างแนบเนียน ด้วยการวิเคราะห์กรณีการใช้งานและเงื่อนไขเครือข่ายอย่างอัตโนมัติ และเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดด้วยการใช้เครือข่ายทั้งสองนี้ในเวลาเดียวกัน โดยสามารถเพิ่มความเร็วในการสวิตช์ได้ถึง 50% (*ทดสอบโดย ZTE Lab)
นอกจากนี้ ZTE Axon 11 5G ยังอาศัยกลไกปรับระบบแบบฟูลซีนรุ่นใหม่อย่าง Z-Booster 2.0 ซึ่งจัดสรรทรัพยากรระบบได้อย่างชาญฉลาดผ่านอัลกอริทึม AI
เพื่อปรับมิติต่าง ๆ ที่กระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งานให้ตอบโจทย์มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นการสตาร์ตแอป การทำงานของระบบ การสวิตช์เครือข่าย และกรณีการใช้งานต่าง ๆ กลไก Z-Booster 2.0 ที่ว่านี้ประกอบด้วยโมดูลการทำงาน 3 ส่วนด้วยกัน ทั้ง App-Booster, System-Booster ที่ครอบคลุม RAM-Booster,
FS-Booster, Power-Booster และ Link-Booster ซึ่งช่วยให้เปิดแอปได้เร็วขึ้น ตัวเครื่องทำงานได้ดีขึ้น และให้ประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตและการสื่อสารที่ดีกว่าเดิม
โซลูชันปรับแหล่งจ่ายไฟฟ้าอัจฉริยะทำหน้าที่ควบคุมอย่างชาญฉลาดด้วยการผสานพฤติกรรมการใช้งานเข้ากับสถานะ APP Operating อย่างล้ำลึก ซึ่งช่วยยืดอายุแบตเตอรีได้ถึง 35% (*ทดสอบโดย ZTE Lab) สิ่งนี้ช่วยตอบรับความต้องการของผู้ใช้งานที่มองหาเครือข่ายที่เร็วกว่าการทำงานที่ไหลลื่นกว่า และอายุแบตเตอรีที่ยืนยาวกว่าในยุค 5G
จอแสดงผลโค้งให้ดีไซน์หรูหรา
งรูปลักษณ์ ดีไซน์นั้น ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์หรูหราบางเฉียบ มาพร้อมกับหน้าจอหยดน้ำขนาด 6.47 นิ้วที่โค้งและยืดหยุ่น ด้วยอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92% โดยกระจกโค้งแบบ 3D quad นี้ให้รูปลักษณ์ที่สวยงามบางเฉียบ ขนาดเหมาะมือและให้ความรู้สึกนุ่มนวล เมื่อสัมผัสด้านข้างของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ออกแบบคล้ายสเกตบอร์ด ส่วนด้านบนและล่างของเครื่องมีความโค้งระดับ G3 ทำให้ตัวเครื่องทั้งหมดให้สัมผัสแบบ 360 องศา และทำให้ถือสมาร์ตโฟนแนวนอนได้กระชับมือยิ่งขึ้น ดีไซน์บางเฉียบเพียง 7.9 มม. ทั้งยังเป็นสมาร์ตโฟน 5G ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในท้องตลาด หนักเพียง 168 กรัม
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในจีนบนช่องทางอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ เช่น www.myzte.com zte.jd.com zte.tmall.com ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม โดยจะวางจำหน่ายในจีนในราคา 2,698 หยวน ประมาณ 12,500 บาท