หนึ่งในภาวะโรคสมองที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุก็คือ ‘โรคหลอดเลือดสมองตีบ‘ มาจากการที่สมองมีภาวะขาดเลือด มีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เนื่องจากมีไขมันเข้าไปอุดตันบริเวณหลอดเลือดและทำให้ผนังหลอดเลือดหนา เซลล์สมองเกิดความเสียหายจนทำให้ร่างกายสูญเสียการควบคุมจนถึงขั้นปากเบี้ยว เดินไม่ได้ ซึ่งโรคหลอดเลือดสมองตีบจะมีข้อมูลสำคัญอะไรเกี่ยวกับโรคนี้ที่เราๆ ควรระมัดระวังและให้ความสำคัญกันบ้าง บทความนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝาก
สาเหตุของโรค
เริ่มต้นที่อันดับแรกที่ใครๆ หลายคนน่าจะอยากทราบเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองตีบ นั่นก็คือสาเหตุหรือที่มาของโรค จากที่ได้เกริ่นไปบ้างแล้วในข้างต้นว่าโรคดังกล่าวมาจากความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้หลอดเลือดแดงที่มีหน้าที่หลักในการลำเลียงเลือดไปเลี้ยงสมองเกิดอาการอุดตัน อาจจะมาได้จากการมีไขมันหรือคราบหินปูนเข้าไปอุดไว้ ซึ่งภาวะต่างๆ ที่ได้กล่าวไปนั้นอาจจะมาจากโรคประจำตัว อย่างเช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด ซึ่งส่งผลต่อระบบไหลเวียนของเลือด ตลอดไปจนถึงการที่คนไข้บางรายมีภาวะหลอดเลือดขาดจากการอุดตันของไขมันหรือคราบหินปูน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบได้เช่นกัน
ลักษณะอาการของโรค
จากที่ได้เกริ่นไปบ้างแล้วในข้างต้นว่าอาการโดยทั่วไปของโรคหลอดเลือดสมองตีบที่สามารถสังเกตได้นั่นก็คือสายตาเริ่มพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้ใบหน้าบิดเบี้ยว พูดลำบากตลอดไปจนถึงไม่สามารถพูดเพื่อสื่อสารได้ แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถทรงตัวได้ ตลอดไปจนถึงการบังคับร่างกายให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าโรคหลอดเลือดสมองตีบมักจะเกี่ยวข้องกับระบบประสาทโดยเฉพาะ ส่งผลต่อการควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างเห็นได้ชัด หากเริ่มมีอาการต่างๆ เหล่านี้แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยด่วนเพื่อวางแผนการรักษาได้ทันเวลา
ขั้นตอนการวินิจฉัยและรักษา
หากสังเกตตัวเองแล้วพบว่าเริ่มมีอาการทางระบบประสาท แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเริ่มวางแผนการรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบด้วยวิธีการต่างๆ ตั้งแต่การสั่งตรวจปริมาณไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือด ตรวจหาระดับน้ำตาล ส่งคนไข้เข้าทำ CT Scan หรือการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การทำ MRI หรือใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการตรวจจับ การใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการตรวจหลอดเลือดใหญ่ที่คอเพื่อหาภาวะของโรค ตลอดไปจนถึงการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เลือกแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ที่สุด ร่วมกับการซักประวัติความเจ็บป่วยของคนไข้ โรคประจำตัวต่างๆ เพื่อนำไปสู่แผนการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งการรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบนั้นปัจจุบันสามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกันคือการให้ยาต้านเกล็ดเลือด การฉีดยาเพื่อสลายลิ่มเลือด ตลอดไปจนถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดเปิดกะโหลก การผ่าตัดเพื่อเปิดหลอดเลือดแดงตรงช่วงคอ และการทำบอลลูนเพื่อขยายหลอดเลือด
ในท้ายที่สุดแล้วโรคหลอดเลือดสมองตีบนั้นอาจเป็นโรคที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของคนไข้ไปตลอดกาล ดังนั้นป้องกันไว้ดีกว่าแก้จะดีกว่า เน้นการดูแลตัวเองให้ดี รับประทานของที่มีประโยชน์ ผักผลไม้อย่าให้ขาด ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยๆ 3-5 วันต่อสัปดาห์ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง งดอาหารประเภทไขมัน งดแอลกอฮอล์ งดการสูบบุหรี่ เพียงเท่านี้ก็ทำให้เราห่างไกลโรคหลอดเลือดสมองตีบไปได้มากพอสมควรแล้วล่ะ
