นอกจากเทรนด์หน้าจอติ่ง หน้าจอแบบอื่นๆ ที่นอกเหนือจากหน้าจอทั่วไป หน้าจอสมาร์ทโฟนอีกแบบหนึ่งก็คือแบบเต็มจอไร้ขอบไร้รอยบาก ส่วนเว้าโค้งใดๆ แต่ย้ายเซ็นเซอร์ กล้องเซลฟี่ไปไว้ในจุดอื่นแทน ซึ่ง OPPO F11 Pro ก็เป็นสมาร์ทโฟนที่เริ่มออกแบบดีไซน์ในลักษณะนี้ ด้วยกล้องหน้าเซลฟี่ที่มีชื่อเก๋ๆ ว่า Rising Camera แต่ว่านอกจากเรื่องนี้ ก็ยังมีจุดเด่นเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แกะกล่องลองเล่น OPPO F11 Pro
ตัวกล่องยังเป็นแบบธรรมดา ยังไม่มีดีไซน์วิจิตรพิสดารแต่อย่างใด ระบุชัดเจนเลยว่ารุ่นนี้เป็นเวอร์ชั่น 64GB/ RAM 4GB พร้อมรูปตัวเครื่องบนกล่องสี Thunder Black (แต่ในรีวิวครั้งนี้จะเป็นตัวเครื่องสี Aurora Green)
เมื่อแกะกล่องออกมา นอกจากตัวเครื่องรุ่น F11 Pro แล้ว ยังมีกล่องใส่อุปกรณ์จุกจิกอย่างคู่มือ เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด เคสแถมตรงรุ่น และถัดลงไปใต้กล่องก็จะมีอแดปเตอร์ชาร์จไฟ สายไมโครยูเอสบี 2.0 และหูฟัง 3.5 มม.
ดีไซน์ที่โดดเด่น เน้นหรู ไล่เฉดสีไม่เหมือนใคร
ดีไซน์หลักๆ ของ OPPO F11 Pro จะเน้นในส่วนของหน้าจอขนาดใหญ่แบบเต็มพื้นที่ ไม่มีแถบ ส่วนเว้าโค้งใดๆ และย้ายกล้องหน้าไปไว้ในตัวเครื่องแทน และพื้นผิวด้านหลังที่ยังมาในแบบเงาวาวหรูหรา ซึ่งเครื่องที่ได้มาก็จะเป็นสีเขียว Aurora Green ที่เกิดจากการไล่สีสองเฉดอย่างสีน้ำเงินและสีเขียวน้ำทะเลเข้าหากันตรงกลาง หากไม่อยากให้ความงามของเครื่องต้องเป็นรอย แนะนำว่าใส่เคสกันรอยไว้เลยจะดีกว่า
หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาดใหญ่ 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080×2340 พิกเซล) เป็นพื้นที่หน้าจอ 90.9% ของพื้นที่ตัวเครื่องด้านหน้าทั้งหมด
ตัวเครื่องที่ประกอบไปด้วยกล้องคู่ 48+5 ล้านพิกเซลและไฟแฟลชจัดวางเข้าชุดกัน เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โลโก้ OPPO และข้อความ Designed by OPPO ที่จัดวางอย่างสวยงาม ซึ่งการไล่เฉดสีของตัวเครื่องนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแสง และถ่ายภาพติดมากค่อนข้างยาก
ปุ่มวอลลุ่มที่ย้ายมาอยู่ขอบเครื่องด้านซ้าย และเลื่อนตำแหน่งให้ใช้งานสะดวกกว่าเดิม
ปุ่มเปิด-ปิดตัวเครื่องและถาดใส่ซิมการ์ดที่ยังจัดช่องแบบไฮบริดมาให้
ช่องหูฟัง 3.5 มม. ก็มา รวมถึงช่องไมโครโฟน ช่องไมโครยูเอสบี 2.0 และลำโพง
ส่วนจุดเด่นที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือกล้องเซลฟี่ 16 ล้านพิกเซลที่มีชื่อว่า Rising Camera ที่ทำหน้าที่ทั้งเซลฟี่และสแกนใบหน้า
Rising Camera
เทรนด์มาแรงในยุคนี้ นอกจากหน้าจอแสดงผลสารพัดรูปแบบ ก็น่าจะเป็นกล้องหน้าแบบเลื่อนขึ้นเลื่อนลงได้ ซึ่งในรุ่นนี้ใช้กล้องที่เรียกว่า Rising Camera ใช้งานทั้งกล้องหน้าและสแกนใบหน้าในตัว ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ส่วนลูกเล่นเซลฟี่จากออปโป้ไม่มีทางมาแบบบ้านๆ แน่นอน เพราะรุ่นนี้มีโหมด Portrait ที่ทำงานร่วมกับ AI ในการลบจุดด้อย เสริมจุดเด่นที่ใบหน้าของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าเรียว ผิวเนียน ปรับคางได้รูป ลดจมูก ทำตาโต ฯลฯ และยังเสริมการสร้างฉากหลังเบลอในกล้องหน้าได้อีกด้วย
ถ่ายภาพกลางคืนสุดยอด
แต่สิ่งที่เจ๋ง แจ่มแจ๋วอีกเรื่องหนึ่งใน OPPO F11 Pro ที่งานนี้เน้นเรื่องการถ่ายภาพกลางคืนแบบจัดหนักทั้งลูกเล่น โหมดถ่ายภาพที่หลากหลาย นอกจาก Portrait ซึ่งเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้แล้ว ยังมีโหมด Night, Pano, Expert และ Google Lens สำหรับถ่ายภาพเพื่อค้นหาข้อมูลต่างๆ ฮาร์ดแวร์อย่างกล้องคู่ 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/1.8 และ 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช
สโลแกนของรุ่นนี้ก็คือ “Portrait สวย แม้แสงน้อย ซึ่งก็ให้ความสวยจริงๆ แม้จะจะถ่ายด้วยกล้องหลังก็ตาม ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเซลฟี่ให้ใครถ่ายให้ กล้องหลังจะได้เปรียบมากกว่า ด้วยรูรับแสงที่กว้างกว่า เลนส์คู่ที่ช่วยสร้างฉากหลังเบลอสวย ไปจนถึงโหมดถ่ายภาพ Portrait ที่ทำงานร่วมกับ AI ปรับแต่งทั้งฉากและวัตถุให้สวยทั่วทั้งภาพ
ส่วนภาพถ่ายแบบอื่นๆ ออปโป้ F11 Pro ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยความคมชัดและสีสันที่อยู่ในระดับดี เป็นสมาร์ทโฟนที่พกไปถ่ายภาพได้ทุกสถานการณ์ แถมด้วยจุดเด่นในเรื่องการถ่ายภาพกลางคืนก็น่าจะถูกใจใครหลายๆ คน
VOOC 3.0
ถ้าสมาร์ทโฟนออปโป้ไม่มี VOOC ก็คงไม่ใช่สมาร์ทโฟนออปโป้ ซึ่งใน F11 Pro ก็ใส่ VOOC Flash Charge 3.0 มาให้ เพื่อการชาร์จแบตเตอรี่ที่เร็วกว่า โดยทางออปโป้การันตีว่าชาร์จเร็วกว่าเดิม 20% ด้วยอแดปเตอร์ใหม่ (กำลังไฟ กำลังไฟ 5V4A, 20W) ใครที่เป็นห่วงว่าแบตเตอรี่ 4,000 มิลลิแอมป์ของรุ่นนี้ถ้าหมดแล้วจะชาร์จนานหรือเปล่า ขอบอกเลยว่าไม่ต้องเป็นห่วง ชาร์จเร็วทันใจแน่นอน
Hyper Boost
ส่วนนี่ก็เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ยังไม่มีในสมาร์ทโฟนใดๆ กับ Hyper Boost เทคโนโลยีเพิ่มสมรรถนะให้กับการทำงานของระบบภายในอย่างเต็มรูปแบบ โดยการทำงานของเทคโนโลยี Hyper Boost จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานจากผู้ใช้งานแต่ละคน และนำไปปรับปรุงในการใช้พลังงานของเครื่อง และการแสดงผลของสมาร์ทโฟน
สแกนนิ้วและใบหน้า
เรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ รุ่นนี้ก็ยังทำได้ตามมาตรฐานด้วยการสแกนลายนิ้วมือ (ผ่านเซ็นเซอร์ตัวเครื่อง) และใบหน้า แต่ถ้าใครหวังว่าจะได้สแกนลายนิ้วมือบนจอแบบเท่ๆ ก็น่าจะต้องรอรุ่นอื่นในอนาคตต่อไป แต่เรื่องของอินเตอร์เฟซใช้งานก็ออกแบบมาสวยล้ำใช้ได้ ดูไม่ใช่สไตล์เรียบๆ คลีนๆ เหมือนแต่ก่อน
สรุปและความเห็นจากวอทโฟน
ด้วยสนนราคา 10,990 บาท ซึ่งเป็นช่วงราคาที่ลูกค้าส่วนใหญ่พอมีงบประมาณซื้อ แต่อยากได้ความสามารถที่เรียกว่า All in One ซึ่ง OPPO F11 Pro ก็เป็นรุ่นที่อยู่ในนิยามนั้นได้ไม่ยาก ด้วยฟีเจอร์ทั้งหลายในเรื่องของกล้อง ระบบสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือ Rising Camera ที่ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ในช่วงนี้ แบตเตอรี่ความจุสูงพร้อม VOOC Flash Charge 3.0 แต่ F11 Pro มีจุดเด่นที่ดีไซน์ ความสวยงามที่งดงาม แสดงถึงความมีรสนิยมได้ในราคาย่อมเยา
Specification
- หน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล (FHD+) อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 พื้นที่แสดงผลหน้าจอ 90.9%
- ขนาดตัวเครื่อง 161.3 x 76.1 x 8.8 มม. น้ำหนัก 190 กรัม
- ชิปเซ็ต MediaTek Helio P70 Octa-core
- ระบบปฏิบัติการ Android Pie 9.0 ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
- RAM 6GB ROM 64GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB
- กล้องหลังแบบคู่ Dual Camera ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f1.79 + 5 ล้านพิกเซล f2.4
- กล้องหน้า Rising Camera 16 ล้านพิกเซล
- รองรับการสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือผ่านเซ็นเซอร์
- แบตเตอรี่ความจุ 4,000 มิลลิแอมป์ รองรับการชาร์จ VOOC Flash Charge 3.0
- เทคโนโลยีใหม่ Hyper Boost ในตัว
- ใช้งาน 2 ซิมการ์ดได้ (สลอตไฮบริด)