สัดส่วนภายนอก ASUS Fonepad Note 6
ถ้าพูดถึงสมาร์ทโฟนในตลาดที่่มีฟังก์ชั่นปากกาในยุคนี้ ไม่เอายุคสมัยโบราณตอนที่วินโดวส์โฟนยังดังนะ ยุคนี้เหรอ ก็ต้องเป็น Galaxy Note จากค่าย Samsung เท่านั้นที่สามารถครองตลาดผู้ใช้ระดับแอดวานซ์ได้อย่างเหนียวแน่น อันเนื่องมาจากว่ายังไม่มีผู้ผลิตรายไหนทำโทรศัพท์แนวนี้ออกมาเลย จนกระทั่ง ASUS กล้าที่จะท้าทายเจ้าตลาดจากแดนกิมจิด้วย Fonepad Note 6 ตัวนี้ครับ
ด้านหน้า: ดีไซน์ตรงหัวกับท้ายเครื่องก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นลำโพง แต่แปลกอยู่อย่างคือ ลำโพงตัวบนมันดังกว่าตัวล่าง ก็ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ไม่ว่าจะเปิดเพลงผ่านเครื่องเล่นเพลง หรือเปิดวิดีโอจากยูทูบก็อาการเดียวกัน เลยติ๊ต่างไว้ก่อนว่าเครื่องทดสอบอาจจะมีปัญหา ยังไงถ้าใครซื้อไปแล้วก็โปรดทดสอบเรื่องนี้ด้วยแล้วกัน นอกจากลำโพงแล้วก็ยังมีจอขนาดใหญ่ 6 นิ้วเต็มสองตา มีเซ็นเซอร์วัดแสงและระยะห่าง ปิดด้วยเลนส์กล้องที่บันทึกภาพได้ความละเอียดสูงสุด 1.2 ล้านจุด
ด้านซ้าย: โดยปกติแล้วในรุ่นอื่น เราจะเห็นสล็อตไมโครเอสดีการ์ด และซิมการ์ดสำหรับรุ่นที่แกะฝาหลังไม่ได้อยู่แยกกันเป็นเอกเทศ แต่สำหรับ Note 6 จะรวมกันอยู่ภายใต้ฝายาวๆ อันเดียว พอเปิดออกมาจึงจะเห็นว่ามีสล็อตดังกล่าวซ่อนอยู่ ตอนนี้ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าจะมีผลต่อการใช้งานในระยะยาวแค่ไหน ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้น
ด้านขวา: เป็นปุ่มที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง นั่นก็คือ ปุ่มพาวเวอร์ และ ปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านล่าง : มีพอร์ตไมโครยูเอสบีอยู่ไม่ไกลกับช่องไมโครโฟนเพื่อรับเสียงสนทนา
ด้านบน : ตรงนี้ก็มีส่วนประกอบอยู่อันเดียวชิ้นเดียว นั่นก็คือ รูเสียบแจ็คหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 ม.ม.
ด้านหลัง : อย่างที่เกริ่นไปบ้างแล้วว่าฝาหลังของ Note 6 นั้นถอดไม่ได้ ก็คงจะเปลืองเวลาหากไปนั่งหาร่องสำหรับแงะฝาหลังออก ทางฝั่งนี้มีเลนส์กล้องตัวหลักอยู่ตรงกลาง และมุมซ้ายล่างสุดนั่นคือปากกาสไตลัสที่มีขนาดค่อนข้างสั้น แต่ก็ยังดีที่ใช้งานได้ปกติ พร้อมกับปุ่มกดเพื่อสั่งงาน ส่วนจะเอาไว้ทำอะไรนั้น เดี๋ยวได้เห็นกันครับ
ภาพรวม : โดยปกติแล้วมือถือที่ถอดฝาหลังไม่ได้มักจะมีความแข็งแรงในด้านการประกอบ แต่รุ่นนี้กลับต่างออกไปแฮะ เพราะเรายังรู้สึกว่ามันเป็นพลาสติกที่โงนเงนได้ตามแรงบิดที่กระทำลงบนตัวเครื่อง ส่วนวัสดุที่เป็นพลาสติกล้วนดูเหมือนของถูกไปนิด อย่างไรก็ดี ในแง่ของการจับถือใช้งานยังถือว่าจอ 6 นิ้ว ยังไม่มีพิษสงอะไรมากมาย ไม่เหมือน 7 นิ้วที่เริ่มสร้างความลำบากให้ผู้ใช้แล้ว
ชำแหละเครื่องใน
หลายคนก็คงอยากรู้ว่าปากกาของ Note 6 จะสู้ตระกูล Galaxy Note ได้หรือเปล่า ในแง่ของความแม่นยำและแรงกดเราว่าไม่ต่างกันเลย เพราะ ASUS ก็เลือกใช้เทคโนโลยีของวาคอม (Wacom) ในการสั่งงานผ่านปากกา คุณสามารถวาดรูปได้ในแบบเดียวกับของ Samsung เลยด้วยซ้ำ เพราะมีการเปลี่ยนหัวปากกาหลายแบบ กดมาก เส้นก็เข้มหน่อย กดเบา เส้นก็บางหน่อย เรียกว่าทำได้เหมือนกันหมด สิ่งที่ต่างน่าจะเป็นเรื่องการประยุกต์ใช้มากกว่า เพราะถ้าเอาไปเทียบกับ Note 3 รุ่นล่าสุดจะเห็นอย่างชัดเจน Note 6 ไม่มีแอร์คอมมานด์ ไม่มีการเขียนด้วยลายมือแล้วแปลงเป็นตัวอักษร ไม่มีการครอปคอนเท้นท์ไปทำสแครปบุ๊ค ฯลฯ แต่สิ่งที่ ASUS เหนือกว่าก็ใช่ว่าจะไม่มี อย่างเช่น การเขียนโน้ตด้วยลายมือเราตัวใหญ่ๆ แล้วแปลงลงเป็นลายมือขนาดเล็ก เพื่อให้จดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยต่อหนึ่งหน้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นแล้ว เรายังมีคำสั่งในเรื่องของการครอปหน้าจอ หรือไดคัทส่วนประกอบใดบนหน้าจอก็ทำได้ทั้งหมด
ฟีเจอร์เจ๋งๆ สำหรับป้องกันปากกาหายก็คือ เครื่องจะตรวจจับว่าปากกาได้ถูกดึงออกไปใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยแจ้งเป็นหน้าต่างป๊อพอัพขึ้นมา พร้อมกันนี้ เราสามารถกดดูตำแหน่งสถานที่ที่อาจเป็นไปได้ว่าเราวางปากกาทิ้งไว้ได้อีกด้วย
คำถามที่หลายคนยังสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของซีพียูจากอินเทลก็คือ ทำงานได้ดีจริงหรือเปล่า เนื่องจากตามสเป็กแล้วเป็นเพียงชนิดดูอัลคอร์ อันที่จริงก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะตระกูลคลอฟเวอร์เทรลทำงานแบบ 2 คอร์ 4 เธรด และเป็นตัวเดียวกับชิปเซ็ตที่อยู่ใน Lenovo K900 เป๊ะ (ต่างนิดหน่อยตรงหน่วยกราฟิก) วัดจากเบนช์มาร์คผ่านแอพยอดนิยมจะพบว่า ทดสอบแล้วตัวเลขเป็นรอง Xperia Z และ Note 2 เพียงนิดเดียว ส่วนการใช้งานทั่วไปต้องบอกว่าลื่นไหลสุดๆ ครับ แต่กับเกมสุดโหดอย่าง Asphalt 8 นี่เห็นมีอาการกระตุกอยู่บ้าง ประมาณว่าเฟรมไม่ทัน และพอเจอเบียดหนักเข้าหน่อยก็รู้สึกได้ว่าหนืด แต่พูดแบบไม่เข้าข้างนะ มันก็ยังพอเล่นได้โดยไม่เสียอรรถรสไปมากนัก
แอพพลิเคชั่นที่เป็นประโยชน์มีอยู่มากมายหลายตัว เหมือนกับเครื่องที่เคยทำพรีวิวให้ชมก่อนหน้านี้ ทั้ง Audio Wizard ที่ช่วยปรับรูปแบบของเสียงให้เข้ากับการใช้งาน Power Saver เป็นตัวช่วยปรับแต่งการทำงานของเครื่องให้ประหยัดไฟในรูปแบบที่ต่างกันออกไป อาทิ ประหยัดสุดๆ (Ultra-saving mode) ก็จะตัดการเชื่อมต่อทั้งหมดเมื่อเครื่องสแตนด์บายอยู่ และยังมีแบบปรับแต่งเองที่จะช่วยให้คุณเลือกว่าฟังก์ชั่นไหนควรใช้ความสว่างจอเท่าไหร่ พร้อมเลือกปิดการแจ้งเตือนจากโซเชียลแอพต่างๆ เมื่ออยู่ในโหมดนี้ได้ด้วย
ในส่วนของกล้องดิจิตอล ก็ถือว่าทำงานได้ดีพอสมควร ทั้งในแง่ของคุณภาพไฟล์ที่บันทึกออกมาและลูกเล่น ไฟล์จะดีหน่อยเมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงเพียงพอ ดร็อปลงบ้างเมื่อแสงน้อยลง เหมือนกับว่าเครื่องพยายามเกลี่ยให้น้อยส์หายไป แต่ก็แลกมาด้วยการสูญเสียรายละเอียดของภาพ ลูกเล่นเจ๋งๆ ที่มีก็การถ่ายภาพต่อๆ กันเป็นไฟล์ GIF การตัดวัตถุที่เราไม่ต้องการด้านหลังออกโดยใช้หลักการเดียวกับรุ่นอื่น คือกล้องจะถ่ายภาพมา 5 ภาพ เทียบกัน ดูว่าภาพไหนมีวัตถุส่วนเกิน ก็จะทำการแมทช์กันและตัดวัตถุนั้นออก และเจ๋งสุดคือฟีเจอร์บิวติฟิเคชั่น (Beautification) ที่ทำหน้าที่ปัดแก้มให้เรา ทำหน้าเนียน หน้าผอม ตลอดจนทำตาโตได้อีกด้วย โดยจะแบ่งการรีทัชเป็นหลายระดับ ก็ปรับได้ตามใจชอบเลยครับ
กูรูฟันธง
แม้ว่าราคาของ Note 2 จากค่าย Samsung จะปรับลงมา แต่ด้วยการที่ Fonepad Note 6 ตั้งราคาไว้ห่างมาก ก็ทำให้เจ้าหนี้ เอ้ย เจ้านี่ยังดูมีภาษีเหนือกว่า พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า หน้าจอที่มีความละเอียดสูง หรือจะเป็นกล้องที่มีฟีเจอร์น่าเล่นหลายอย่าง ก็ทำให้แฟบเล็ตจากค่าย ASUS เป็นที่ต้องตาของผู้ใช้ที่ชอบความแรง และไม่ได้ห่วงเรื่องแบรนด์มากนัก ที่สำคัญสุดคือการใช้งานปากกา เพราะปัจจุบันยังหาได้ยากอยู่ ถ้าไม่ใช่ Galaxy Note หรือตระกูล Excite Write ของทาง Toshiba ก็หาได้ยากเต็มทนในตลาด ส่วนเรื่องคุณภาพนั้น คนในวงการไอทีน่าจะพอทราบอยู่แล้วว่าแบรนด์นี้หายห่วงได้ครับ
ข้อดี
1. จอแสดงผลชนิดไอพีเอสขนาด 6 นิ้ว ปรับความสดได้ตามต้องการ
2. การจดโน้ตหรือวาดภาพด้วยปากกาจาก Wacom พร้อมฟีเจอร์อื่นมากมาย
3. กล้อง 8 เมกะพิกเซล มีลูกเล่นใช้ได้
4. ลำโพงสเตอริโอด้านหน้า ได้ยินชัดเจนเวลาเล่นมีเดีย
5. แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 3,200 มิลลิแอมป์
6. มีพื้นที่เว็บสตอเรจ (คลาวด์) ให้ใช้ตลอดชีพ 5 กิกะไบต์
ข้อเสีย
1. ลำโพงแตกเมื่อเปิดเสียงดัง
2. ตัวเครื่องดูเทอะทะ และเป็นพลาสติก
3. ถอดเปลี่ยนแบตเองไม่ได้
4. ไม่มีแฟลชสำหรับการถ่ายภาพ
รูปหน้าจอ ASUS Fonepad Note 6