สัดส่วนภายนอก HTC One Max
ได้ฤกษ์เปิดตัวและวางจำหน่ายไปเมื่อช่วงปลายปี 2013 กับ HTC One Max สมาร์ทโฟนกึ่งแท็บเล็ต (แฟบเล็ต) ที่มาพร้อมหน้าจอซูเปอร์แอลซีดี 3 ขนาดใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว
ด้านหน้า: เป็นตำแหน่งของหน้าจอซูเปอร์แอลซีดี 3 ขนาดใหญ่ 5.9 นิ้ว มีความละเอียดระดับฟูลเอชดี 1080พี (1080 x 1920 พิกเซล) แสดงผลได้ 16 ล้านสี ใช้กระจกหน้าจอ กอริลล่ากลาส 3 พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ยังมีแถบลำโพงคู่ บูมซาวด์ (BoomSound) ที่ด้านบน และด้านล่างของตัวเครื่อง
ด้านซ้าย: ฝั่งนี้จะค่อนข้างโล่งมีแค่สลักสำหรับล็อค/ ปลดล็อคฝาหลังจัดวางอยู่เพียงอย่างเดียว
ด้านขวา: มีปุ่มวอลลุ่มสำหรับปรับเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่มพาวเวอร์ สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง และเปิด-ปิดหน้าจอ
ด้านบน: มีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. ถัดไปที่มุมอีกด้านของตัวเครื่องจะพบกับ IR Blaster หรือพอร์ตอินฟราเรดสำหรับใช้งานเป็นรีโมทคอนโทรล ควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ
ด้านล่าง: มีพอร์ตไมโครยูเอสบีสำหรับเสียบสายชาร์จ และสายดาต้า พร้อมรองรับการต่อสายเอ็มเอชแอลเพื่อแสดงผลภาพและเสียงไปยังหน้าจอทีวีที่รองรับ ใกล้ๆ กันคือช่องไมโครโฟนสำหรับสนทนา
ด้านหลัง: เมื่อพลิกมาดูจะเจอกับกล้องดิจิตอล HTC อัลตร้าพิกเซล (UltraPixel) พร้อมแฟลชแอลอีดี และไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน พร้อมเซ็นเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือ นอกจากนี้ยังสามารถเปิดฝาหลังออกมาเพื่อใส่ไมโครซิม และเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบไมโครเอสดี ได้สูงสุดถึง 64 กิกะไบต์ นอกจากนี้ยังมีแผงวงจรเอ็นเอฟซีติดตั้งอยู่ที่ชิ้นส่วนของฝาหลังบริเวณรอบๆ เลนส์กล้อง
ภาพรวม: อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่ามันก็คือ HTC One ในร่างขยาย กับแนวทางการออกแบบที่ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่ เว้นเสียแต่รายละเอียดของส่วนประกอบนู่นนี่เล็กน้อย กับฝาหลังที่เปิดออกมาเพื่อเพิ่มเมโมรี่ และเปลี่ยนแบตได้ พร้อมน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาพอสมควร แต่ถึงกระนั้นก็ยังพอที่จะสามารถจับถือใช้งานได้อย่างสะดวก ด้วยระยะห่างระหว่างขอบจอ และขอบตัวเครื่องที่ไม่กว้างมากจนเกินไปนัก
ชำแหละเครื่องใน
สำหรับขุมกำลังภายในของ HTC One Max นั้นถือได้ว่าถูกยกมาจากรุ่นพี่อย่าง HTC One ทั้งกระบิ กับชิป Qualcomm Snapdragon 600 ที่มีหน่วยประมวลผลแบบควอด-คอร์ ความเร็ว 1.7 กิกะเฮิร์ตซ์ และมีหน่วยความจำแรม 2 กิกะไบต์ เพิ่มความสดใหม่ด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.3 ครอบทับด้วยอินเตอร์เฟซคู่บุญอย่าง HTC Sense 5.5 รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งยังคงมาพร้อมหน้า HTC BlinkFEED (บลิงค์ฟีด) ให้ได้อัพเดททุกความเคลื่อนไหวจากโซเชียลเน็ตเวิร์คและฟีดข่าวต่างๆ ที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ HTC One Max ยังได้เพิ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่บริเวณด้านล่างของเลนส์กล้องหลังตัวเครื่อง สำหรับปลดล็อคหน้าจอ และเข้าสู่แอพฯ ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยปลายนิ้ว (จดจำลายนิ้วมือได้ 3 นิ้ว) โดยการใช้งานจะเป็นรูปแบบของการลากนิ้วผ่านตัวเซ็นเซอร์เพื่อทำการสแกนลายนิ้วมือ ต่างจากค่ายผลไม้ที่อาศัยการแปะนิ้วไว้เฉยๆ เพื่อสแกนซึ่งในการใช้งานครั้งแรกๆ จะพบว่ายังคงลากนิ้วได้ไม่แม่นยำเท่าไหร่นัก ทำให้มีการสแกนผิดพลาดบ่อยๆ แต่ใช้ไปสักพักก็จะเริ่มชิน
สำหรับการถ่ายภาพก็ยังคงใช้งานผ่าน HTC UltraPixel ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล ที่ให้ความคมชัดไม่แพ้ใคร ด้วยเซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ถึง 1/3 นิ้ว และมีค่ารูรับแสงกว้างถึง F2.0 ช่วยให้รับแสงได้มากกว่าทั่วไปถึง 300% พร้อมระบบออโต้โฟกัส และไฟแฟลชแอลอีดี ครบครัน ให้เราถ่ายภาพได้สนุกยิ่งกว่าด้วยฟังก์ชั่น HTC Zoe (โซอี้) สำหรับการบันทึกวิดีโอสามารถทำได้ที่ความละเอียดระดับฟูลเอชดี 1080พี พร้อมโหมดเอชดีอาร์ และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นได้ที่ความละเอียดเอชดี 720พี อีกทั้งยังมีกล้องหน้ามุมกว้างความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซลติดมาให้ใช้งานกันอีกด้วย
ในเรื่องของการเชื่อมต่อ HTC One Max รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3จี ทุกคลื่นความถี่ และยังได้เพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงบนเครือข่าย 4จี เข้ามานอกจากนี้ยังคงรองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านไว-ไฟ รวมไปถึงรองรับการใช้งานเอ็นเอฟซี อีกทั้งยังมีพอร์ทอินฟราเรด ให้ใช้งานร่วมกับ HTC Sense TV ที่แม้ในไทยจะยังไม่รองรับบริการนี้ แต่ก็ยังเข้าสู่ HTC Sense TV เพื่อใช้เป็นรีโมทคอนโทรลกับทีวีที่บ้านได้เก๋ๆ พร้อมตัวระบุพิกัดจีพีเอส เพื่อใช้ระบุตำแหน่งและค้นหาสถานที่ต่างๆ บน Google Maps พร้อมใช้งานแผนที่นำทางได้อย่างสะดวก
กูรูฟันธง
แม้ว่า HTC One Max นั้นเปิดตัวมาด้วยราคาแรงพอสมควร (ราคาเครื่องเปล่า 23,900) แต่จุดเด่นในเรื่องของดีไซน์และวัสดุระดับพรีเมียมของตัวเครื่องก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยให้ HTC ยังคงมีสาวกที่คอยให้การต้อนรับกันอยู่ อีกทั้งการเขยิบขึ้นมาลุยตลาดสมาร์ทโฟน กึ่งแท็บเล็ตกับหน้าจอฟูลเอชดีขนาดใหญ่ 5.9 นิ้ว พร้อมฟีเจอร์หลักอย่างลำโพง HTC BoomSound, กล้อง HTC UltraPixel และฟีเจอร์สแกนนิ้วมือที่เพิ่มเข้ามา ก็พอจะทำให้ HTC One Max มีขายซึ่งสร้างความแตกต่างมากพอที่จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับใครที่กำลังมองหา Phablet (แฟบเล็ต) ระดับไฮเอนด์ไว้ใช้งานกัน
ข้อดี
1. ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.3 และส่วนติดต่อผู้ใช้งาน HTC Sense 5.5
2. ซีพียู Snapdragon 600 ควอดคอร์ ความเร็ว 1.7 กิกะเฮิร์ตซ์/ แรม 2 กิกะไบต์
3. หน่วยความจำภายใน 16 กิกะไบต์ เพิ่ม ไมโครเอสดีได้สูงสุด 64 กิกะไบต์
4. แบตเตอรี่ความจุ 3,300 มิลลิแอมป์
5. เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
6. หน้าจอสัมผัสซูเปอร์แอลซีดี3 ความละเอียดฟูลเอชดีขนาด 5.9 นิ้ว
7. รองรับ 3จี ทุกคลื่นความถี่, 4จี, ไว-ไฟ, เอ็นเอฟซี, พอร์ตอินฟราเรด (IR Blaster)
8. กล้อง HTC UltraPixel, ถ่ายวิดีโอฟูลเอชดี 1080พี, กล้องหน้า 2.1 ล้าน
9. เครื่องเล่นเอ็มพีสาม, วิทยุเอฟเอ็ม, ลำโพงสเตอริโอ HTC BoomSound
ข้อเสีย
1. ระบบการสแกนนิ้วมือต้องใช้การลากนิ้วไปบนเซ็นเซอร์ ซึ่งใครที่มือเล็กๆ หรือเพิ่งเริ่มใช้งานอาจจะต้องทำความคุ้นเคยกันไปสักพัก
2. ฝาหลังเปิดง่าย แต่ใส่ (ให้เรียบร้อย) ยากไปนิด
รูปหน้าจอ HTC One Max