หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัว สมาร์ทโฟนเรือธงซีรีส์สูงสุดแห่งปี HUAWEI Mate 40 Series ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ กับคอนเซ็ปต์ “Leap Further Ahead” การก้าวกระโดดไปข้างหน้าครั้งยิ่งใหญ่ของวงการสมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากหัวเว่ย ประเดิมเปิดตัวด้วยรุ่นโปร HUAWEI Mate 40 Pro 5G ที่มาพร้อมชิปเซ็ตทรงประสิทธิภาพ Kirin 9000 ครั้งแรกของโลกที่ใช้ชิปเซ็ต 5G SoC ขนาด 5 นาโนเมตร เร็ว แรง เต็มประสิทธิภาพ รองรับสัญญาณ 5G ครบถ้วนทุกย่านความถี่ ทุกผู้ให้บริการ
ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมด้วยชิปเซ็ต Kirin 9000 นิยามใหม่ของการประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพ
ขุมพลัง Kirin 9000 ที่มากับ HUAWEI Mate 40 Pro 5G นับเป็นชิปเซ็ตที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ Mate Series อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่ชิปเซ็ตแบบ 5G SoC มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 1.53 หมื่นล้านตัว ทำให้การประมวลผลยิ่งเร็ว แรง และทรงประสิทธิภาพ ได้รับการออกแบบโครงสร้าง CPU ให้ทรงพลังและประหยัดพลังงานถึง 3 ระดับ ประมวลผลแบบ 8 แกน ด้วยแกนหลักที่มีความเร็วสูงสุด 3.13 กิกะเฮิร์ตซ์ และ 24-Core Mali-G78 GPU ซึ่งเป็น GPU ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในดีไวซ์ของหัวเว่ย
ะตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหว ด้วยโซลูชันระบบกล้อง Leica ที่ทำงานผสานกับเทคโนโลยี AI สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้เทียบชั้นภาพยนตร์ โดย HUAWEI Mate 40 Pro วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 34,990 บาท พร้อมโปรโมชันสุดคุ้มสำหรับผู้ที่ซื้อระหว่างวันที่ 3 – 31 ธันวาคม 2563 รับฟรีทันทีของสมนาคุณรวมมูลค่า 7,970 บาท พร้อมบริการหลังการขายสุดพิเศษอีกมากมาย
ระบบการชาร์จที่เร็วที่สุดแห่งยุคด้วย HUAWEI SuperChargeTM 66 วัตต์
เพื่อรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G ที่ทั้งแรง เร็ว และทรงประสิทธิภาพ HUAWEI Mate 40 Pro 5G จึงมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,400 mAh และที่สุดของนวัตกรรมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HUAWEI SuperChargeTM รองรับกำลังไฟฟ้าที่สูงสุด 66 วัตต์ เมื่อชาร์จแบบใช้ร่วมกับสายและอะแดปเตอร์ SuperCharge ของหัวเว่ย และรองรับการชาร์จไร้สาย Wireless HUAWEI SuperChargeTM ที่ 50 วัตต์ ซึ่งเมื่อประกอบกับชิปเซ็ต Kirin 9000 5G SoC แล้วจะทำให้ HUAWEI Mate 40 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้งานแบตเตอรี่ได้ต่อเนื่องยาวนานไม่มีสะดุด
พิเศษสุดสำหรับผู้ที่ซื้อระหว่างวันที่ 3 – 31 ธันวาคม 2563 ผ่านทางหน้าร้าน HUAWEI Experience Store ทุกสาขา และเว็บไซต์ HUAWEI Online Store โฉมใหม่ รวมถึงร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รับฟรีทันทีของสมนาคุณมูลค่ารวม 7,970 บาท ประกอบด้วย ปากกา HUAWEI M-Pen 2, เคสไฟวงแหวน HUAWEI Ring Light Case และแท่นชาร์จเร็วไร้สาย HUAWEI SuperChargeTM Wireless Charger Stand พร้อมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากหัวเว่ยมูลค่า 1,619 บาท อันได้แก่ บริการซ่อมบำรุงถึงบ้าน (Door to Door service), บริการบำรุงรักษาเครื่อง 2 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี, HUAWEI CLOUD STORAGE 5GB ตลอดชีพ + 50GB ให้ใช้ภายในระยะเวลา 1 ปี รวมถึงฟรีค่าใช้บริการ HUAWEI VDO 1 เดือน และเช่าหนังฟรี 5 เรื่องใน HUAWEI Movie Pass โปรดติดตามข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEIMobileTH , ยูทูป HUAWEIMobileTH, เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ และ official account ในไลน์ HUAWEI Mobile Thailand รวมถึงสามารถติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://consumer.huawei.com/th/shop/product/huawei-mate-40-pro/
พรีวิว Huawei Mate 40 Pro
Mate 40 Pro ที่เข้ามาวางจำหน่ายในไทยมีสีให้เลือก 2 สีเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ Mystic Silver และ Black
ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น 6.76 นิ้ว หน้าจอขอบโค้ง 88 องศา แสดงผลได้ 90 Hz มีกล้องหน้า 2 เลนส์เพื่อการถ่ายเซลฟี่ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ส่วนกล้องหน้าแบบคู่ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซลเช่นเดิม แต่เพิ่มเติมคือ Depth sensor ที่ช่วยให้การถ่ายภาพ Portrait เบลอหลังได้สมจริงยิ่งขึ้น ถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K
ด้านหลังมีจำหน่าย 2 สี นั่นก็คือสี Mystic Silver และสี Black แต่สี Mystic Silver เมื่อสะท้อนกับแสงจะเห็นเป็นสีต่างๆ ออกมาตามมุมที่ตกกระทบ กล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบไปด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 MP Ultra Vision Camera (Wide Angle, f/1.9 aperture)
- กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด20 MP Cine Camera (Ultra-Wide Angle, f/1.8 aperture)
- กล้อง Telephoto ความละเอียด12 MP (f/3.4 aperture, OIS)
ด้านข้างซ้ายไม่มีปุ่มกดใดๆ แต่ยังคงสามารถแตะ 2 ครั้งที่ขอบหน้าจอส่วนบนเพื่อปรับระดับเสียง ส่วนด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียงมาให้แล้ว และยังมีปุ่มเปิดปิดเครื่องสีแดงมาให้ด้วย
ที่ส่วนบนและส่วนล่างมีลำโพงคู่แบบสเตอริโอมาให้ สำหรับส่วนบนมีพอร์ตอินรฟราเรดสำหรับสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า และส่วนด้านล่างมีช่องใส่ถาดซิมการ์ด และช่องเสียบสาย USB-C
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมที่แถมมาให้ในช่วงโปรโมชั่น นั่นก็คือปากกา Huawei M-Pen2, แท่นชาร์จ Huawei SuperCharge Wireless และ Huawei Ring Light Case รวมมูลค่าทั้งหมด 7,970 บาท
สรุปสเป็ค
- ขนาดตัวเครื่อง 162.9 x 75.5 x 9.1 มิลลิเมตร น้ำหนัก : 212 กรัม
- รองรับเครือข่าย 5G
- หน้าจอแสดงผล OLED Plus ขนาด 6.76 นิ้ว ขอบโค้ง 88 องศา
- แสดงผล 90 Hz ความละเอียด FHD+ (2772 x 1344 พิกเซล)
- ระบบปฏิบัติการ Android 10, EMUI 11
- CPU: Kirin 9000 Octa-core ความเร็ว 3.13 GHz
- GPU: Mali-G78 24-core
- หน่วยความจำ RAM : 8 GB
- ความจุตัวเครื่อง 256 GB
- กล้องหลัง 3 ตัว ระบบ Laser sensor focus
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.9
- กล้องเลนส์ Ultra-Wide 20 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้องเลนส์ Telephoto 12 ล้านพิกเซล f/3.4
- กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล f/2.4 พร้อม Depth Sensor
- ถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K
- แบตเตอรี่ 4400 mAh
- รองรับการชาร์จสูดสุด 66 วัตต์ ด้วย Huawei Super Charge
- รองรับการชาร์จไร้สาย 50 วัตต์
- ปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และใบหน้า
- กันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP68
- มีสีให้เลือก 2 สี Mystic Silver, Black