สัดส่วนภายนอก Huawei Mate 8
เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยกันไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา กับ Huawei Mate 8 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจากตระกูล Mate โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์เรียบหรู พร้อมประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าจัดเต็ม
ด้านหน้า: เป็นตำแหน่งของหน้าจอไอพีเอส ความละเอียดฟูลเอชดี ขนาด 6 นิ้ว แถบด้านบนหน้าจอเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, แผงลำโพงสนทนา, เซ็นเซอร์วัดระดับแสง และเซ็นเซอร์วัดระยะห่าง พร้อมไฟแจ้งเตือน สำหรับกระพริบแจ้งเตือนสถานะต่างๆ จัดวางอยู่
ด้านขวา: มีปุ่มวอลลุ่มสำหรับปรับเพิ่ม – ลดเสียง นอกจากนี้ยังมีปุ่มพาวเวอร์สำหรับเปิด – ปิดเครื่อง และเปิด – ปิดหน้าจอ จัดวางอยู่ใกล้ๆ กัน
ด้านซ้าย: มีช่องใส่ซิมแบบไฮบริด ซึ่งรองรับการใช้งานนาโนซิม ทั้ง 2 สล็อต โดยที่สล็อตซิม 2 นั้นถูกออกแบบให้สามารถสลับจากการใส่ซิม 2 เปลี่ยนมาเป็นการเพิ่มหน่วยความจำไมโครเอสดีได้อีกด้วย
ด้านบน: มีเพียงช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร และ ไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนจัดวางอยู่
ด้านล่าง: ขอบด้านล่างของตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของพอร์ตไมโคยูเอสบี สำหรับเสียบสายชาร์จ และสายดาต้าเพื่อโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ขนาบข้างด้วยช่องลำโพง และช่องไมโครโฟนสนทนา
ด้านหลัง: พลิกมาที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะพบกับกล้องถ่ายภาพระบบออโต้โฟกัสความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และแฟลชแอลอีดี 2 ดวงจัดวางอยู่ ถัดลงมาจะพบกับจุดกลมๆ อีก 1 จุด ซึ่งก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั่นเอง
ภาพรวม: ตัวเครื่องดีไซน์หรูใช้วัสดุเป็นโลหะแบบยูนิบอดี้ เสริมความทนทานด้วยกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 4 ขอบโค้ง 2.5D เพิ่มรายละเอียดด้วยการตัดขอบกระจกแบบไดมอนด์เป็นหน้าตัดเฉียง เพื่อให้รับกับขอบตัวเครื่องโลหะที่มีการตัดขอบเช่นเดียวกัน สำหรับการจับถือใช้งานมือถือจอใหญ่ 6 นิ้วเครื่องนี้ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาที่น่าหนักใจสำหรับหรือมือท่านผู้ชายทั้งหลาย ด้วยฝาหลังโค้งรับอุ้งมือ และระยะห่างระหว่างขอบหน้าจอที่มีเพียงแค่ 1.4 มิลลิเมตร ช่วยลดขนาดความใหญ่เทอะทะไปได้มากโข
ชำแหละเครื่องใน
Huawei Mate 8 นั้นยังคงมาพร้อมขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว มีความละเอียดอยู่ที่ฟูลเอชดี ไม่ได้อัพความละเอียดไปสู่ระดับควอดเอชดี (2K) เหมือนหน้าจอสมาร์ทโฟนเรือธงจากแบรนด์อื่นๆ แต่เลือกที่จะใช้จอไอพีเอส แบบใหม่ที่พัฒนาให้แสดงผลสีสันได้สดใส เต็มอิ่มมากขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าความละเอียดระดับฟูลเอชดีบนหน้าจอขนาดประมาณนี้ ก็ยังถือว่าคมชัดไม่ใช่เล่น แถมยังช่วยประหยัดแบต และลดภาระในการประมวลผลได้ดีพอสมควร
ทางด้านประสิทธิภาพการใช้งานของHuawei Mate 8 ก็สามารถตอบสนองได้ดีตามมาตรฐานของสมาร์ทโฟนระดับสูง จากการทดสอบยังไม่พบปัญหาที่น่าหนักใจของชิพ Kirin 950 สักเท่าไหร่ ยังคงใช้งานเล่นเกมกราฟิกหนักๆ เปิด-สลับแอพฯ ใช้งานแบบมัลติทาสก์ได้ลื่นไหลไม่มีปัญหาด้วยอานิสงส์ของแรม 4 กิกะไบต์ สำหรับฟีเจอร์การใช้งานที่น่าสนใจก็จะมีในส่วนของโมชั่นคอนโทรล ที่มีฟังก์ชั่น Knuckle gestures ซึ่งอาศัยการเคาะข้อนิ้วมือลงไปบนหน้าจอ (ถ้านึกภาพไม่ออกจะอารมณ์เหมือนเอามือเขกโต๊ะ ประมาณนั้นเลย) เพื่อสั่งงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Smart Screen Shot ที่ใช้ข้อนิ้วเคาะไปบนหน้าจอเพื่อจับภาพหน้าจอ และโหมด Knuckle Split Screen ใช้ใช้ข้อนิ้วเคาะจอแล้วลากเป็นขีดยาวในแนวนอน เพื่อแบ่งหน้าจอ สำหรับการใช้งาน 2 แอพฯ ใน 2 หน้าต่างได้ทันที (รองรับเฉพาะแอพฯ หลักของ Huawei)
Huawei Mate 8 มาพร้อมกล้องถ่ายภาพความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพ IMX298 ตัวใหม่จากทาง Sony ถ่ายภาพได้สว่างใสด้วยค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมระบบกันสั่น (OIS) แบบ 3 แกน จับโฟกัสได้แม่นยำ และรวดเร็วขึ้นด้วยโหมด PDAF (Phase Detection Auto Focus) และ CAF (Contrast Auto Focus) เสริมด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่น่าสนใจอย่างโหมดโปรเฟสชั่นแนล ที่มาพร้อมการปรับตั้งค่าแบบแมนนวล สามารถปรับสปีดชัตเตอร์ ปรับระยะโฟกัส ปรับความไวแสง ปรับไวท์บาลานซ์ได้เองเหมือนกล้องโปร, ไลท์ เพนท์ติ้ง ช่วยให้ถ่ายภาพเส้นของแสงไฟ ถ่ายภาพสายน้ำให้นุ่มนวล ได้ง่ายขึ้น, ออล-โฟกัส ถ่ายภาพไปก่อนแล้วค่อยมาเลือกจุดโฟกัสภายหลัง
Huawei Mate 8 รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายแบบครบครัน ทั้งระบบ 4จี, 3จี ทุกคลื่น ทุกความถี่ สามารถตั้งค่าสลับใช้งาน 4จี, 3จี ได้จากทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงรองรับการเชื่อมต่อผ่านไว-ไฟ พร้อมรองรับการใช้งานเอ็นเอฟซี เอาไว้แชร์ไฟล์ หรือส่งข้อมูลระยะใกล้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นที่รองรับ
กูรูฟันธง
จากรูปร่างหน้าตา ไล่มาที่สเปคในหน้ากระดาษ ต่อเนื่องมาจนถึงประสิทธิภาพที่ได้ทดลองใช้งาน ต้องยกให้Huawei Mate 8 เป็นสมาร์ทโฟนระดับบนที่น่าประทับใจอีกรุ่น ซึ่งมันตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการทำงาน และความบันเทิง รวมไปถึงความสามารถในการถ่ายภาพ แต่ในเรื่องของคุณภาพหน้าจอ ที่ยังไม่อัพเป็น 2K เหมือนเรือธงจากแบรนด์อื่นๆ (แต่ส่วนตัวผู้เขียนชอบจอฟูลเอชดีมากกว่า เพราะมันชัดในระดับที่น่าพอใจ แถมยังไม่เพิ่มภาระให้กับการประมวลผลโดยไม่จำเป็นอีกด้วย) รวมไปถึงราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างจะแรงไปสักนิด น่าจะส่งผลให้ Huawei ต้องทำงานหนักกับการเดิมพันครั้งนี้ กับเป้าหมายในการก้าวเข้ามาเป็นอีกหนึ่งแบรนด์มือชั้นนำในไทย
ข้อดี
1. หน้าจอไอพีเอส-นีโอ (IPS-NEO) ขนาด 6 นิ้ว ให้สีสันที่เต็มอิ่ม, กระจก Gorilla Glass 4 (2.5D)
2. บอดี้โลหะดีไซน์หรู ตัวเครื่องไม่ใหญ่เทอะทะ
3. ซีพียู Kirin 950 แปดแกน (Octa-core), แรม 4 กิกะไบต์
4. สดใหม่ด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.0 (มาร์ชเมลโล) ครอบทับด้วย EMUI 4.0
5. หน่วยความจำภายใน 64 กิกะไบต์/ เพิ่มไมโครเอสดีได้/ รองรับยูเอสบีโอทีจี
6. รองรับการใช้งาน 2 ซิม (นาโนซิม)
7. รองรับ 4จี/ 3จี/ ไว-ไฟ/ เอ็นเอฟซี
8. กล้องหลัก 16 ล้านพิกเซล, แฟลชดูอัลแอลอีดี, โหมด Pro, โหมด All-Focus, Light Painting
9. กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
10. เครื่องเล่นเอ็มพีสามและ วิทยุเอฟเอ็ม
11. แบตเตอรี่ความจุสูง 4,000 มิลลิแอมป์ พร้อมระบบชาร์จไว
ข้อเสีย
1. ยังไม่ใช้หน้าจอความละเอียดสูงระดับ 2K
2. ต้องสลับใช้งานระหว่าง ซิม2 และ ไมโครเอสดี
รูปตัวเครื่อง Huawei Mate 8
รูปหน้าจอ Huawei Mate 8
