เปิดตัวอย่างทางการไปแล้วในต่างประเทศ กับ Samsung Galaxy S21 Series และในประเทศไทยก็ไม่รอช้า ประกาศราคา พร้อมเปิดจองในวันรุ่งขึ้นทันที และถึงแม้ว่าปีนี้ Samsung ประเทศไทย ไม่มีการจัดงานเปิดตัวอย่างที่เคยเป็นมา แต่ทาง Samsung ประเทศไทยก็ได้เชิญสื่อเข้าไปสัมผัสแกะกล่องเครื่องจริงก่อนใคร มาดูกันว่าภายในกล่องของรุ่นนี้จะมีอะไรมาให้ มีอะไรถูกตัดออกไป มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง มาดูกันครับ
แกะกล่องลองเล่น Samsung Galaxy S21 Ultra 5G
สัมผัสแรกกับกล่องของรุ่นนี้จะเห็นได้ว่ามีขนาดบางลงอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์เพียงไม่กี่ชิ้นดังนี้
- Samsung Galaxy S21 Ultra 5G
- สายชาร์จแบบ USB-C ทั้งสองด้าน
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- คู่มือการใช้งาน
ที่ถูกตัดออกไปนั่นก็คืออแดปเตอร์ชาร์จไฟ และชุดหูฟัง ซึ่งเคสที่เคยแถมมาให้นั้นถูกตัดไปตั้งแต่ Note20 Series แล้ว อย่างไรก็ดี การตัดอุปกรณ์ดังกล่าวออกเป็นเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมที่เราทุกคนสามารถช่วยกันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงไปได้ อีกทั้งขนาดกล่องที่บางลง จะช่วยให้ขนส่งได้ในปริมาณที่มากขึ้น ช่วยลดการใช้พลังงานในการขนส่งไปอีกด้วย
มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง สำหรับรุ่นที่เราได้มาพรีวิวรุ่นแรกนั่นก็คือ Samsung Galaxy S21 Ultra 5G สี Phantom Black เป็นสีดำที่ดูดุดันมาก ด้านหน้าจอแสดงผลขนาด 6.8 นิ้ว ขอบจอโค้งเล็กน้อย ความละเอียดระดับ QHD+ เป็นจอภาพแบบ Dynamic AMOLED 2X มีกล้องหน้าแบบ Infinity-O Display แสดงผลได้ตั้งแต่ 10-120 Hz ตาม Content ที่แสดงผล ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานมากกว่าแบบเดิมที่แสดงผล 120 Hz ตลอดเวลา ส่วนล่างของหน้าจอก็ยังคงเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเช่นเคย
ด้านหลังดีไซน์เรียบหรูสีดำด้าน ใช้วัสดุเป็นกระจก Gorilla Glass คราวนี้เป็นกระจกแบบด้านที่ดูดีไปอีกแบบ ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยนิ้วมือมากนัก ส่วนของกล้องดีไซน์แบบใหม่ มีเลนส์รับภาพ 4 เลนส์ และมีระบบเลเซอร์ออโต้โฟกัสมาให้ด้วย
ด้านข้างซ้ายไม่มีปุ่มกดใดๆ มาให้ จะเห็นเพียงเสาอากาศรับสัญญาณที่เห็นเป็นขีดจางๆ ส่วนที่ด้านขวามีทั้งปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มสเปิดปิดเครื่อง
ที่ด้านบนมีเพียงช่องไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนที่ด้านล่างมีช่องใส่ถาดซิมการ์ด ช่องไมโครโฟนรับเสียง ช่องเสียบสาย USB-C และช่องลำโพงสปีกเกอร์
ในด้านการใช้งาน Galaxy S21 Ultra 5G ก็ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย OneUI 3.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดแล้ว ส่วนหน่วยประมวลผลเป็นชิพเซ็ตรุ่นใหม่ Exynos 2100 ที่พึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน มีหน่วยความจำให้เลือกหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 12/128 GB, 12/256 GB และ 16/512GB ส่วนสีที่มีให้เลือกก็มีเพียง 2 สี นั่นก็คือสี Phantom Black และ Phantom Silver เริ่มเปิดจองแล้ววันนี้
ถือเป็น Galaxy S Series รุ่นแรกที่รองรับปากกา S Pen ซึ่งสามารถนำปากกาของ Galaxy Note มาใช้ได้ทันที แต่หากไม่มีก็สามารถซื้อเพิ่มเติมได้ โดยในเซ็ตของ S Pen ก็จะมีเคสเป็นชุดมาให้ ทำให้เก็บปากกาได้อย่างสะดวก ซึ่งเซ็ตเคส+S Pen ทาง Samsung ยังไม่กำหนดราคามา แต่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 1,xxx บาท ต้องรอประกาศราคาต่อไป
สรุปสเป็ค
- ขนาด 165.1 x 75.6 x 8.9 มม. นัำหนัก 229 กรัม
- รองรับเครือข่าย 5G SA, 4G LTE พร้อมถาดใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 2x QHD+ ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1400 x 3200 พิกเซล
- หน่วยประมวลผล Exynos 2100 Octa-core เทคโนโลยี 5 นาโนเมตร
- ระบบปฏิบัติการ Android 11, OneUI 3.1
- หน่วยความจำ RAM 12/16 GB, ROM 128/256/512 GB
- ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และปลดล็อคด้วยใบหน้า
- กล้องหน้า 40 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
- กล้องหลัง 4 เลนส์ ระบบ Laser Auto focus
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้องเลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องเลนส์ Tele 3x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องเลนส์ Tele 10x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/4.9
- ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8K
- แบตเตอรี่ 5000 mAh เทคโนโลยี Fast charge 25 วัตต์ และชาร์จไร้สาย 15 วัตต์
- ระบบกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
- มีให้เลือก 2 สี Phantom Black, Phantom Silver
- ราคาเปิดตัว
- รุ่นหน่วยความจำ RAM 12 GB, ROM 128 GB ราคา 39,900 บาท
- รุ่นหน่วยความจำ RAM 12 GB, ROM 256 GB ราคา 41,900 บาท
- รุ่นหน่วยความจำ RAM 16 GB, ROM 512 GB ราคา 45,900 บาท
พรีวิว Samsung Galaxy S21+
สำหรับ Galaxy S21+ เราได้มีพรีวิวเฉพาะตัวเครื่อง แต่คาดว่าอุปกรณ์ในกล่องก็คงจะไม่ต่างกันมากนัก เครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Phantom Violet ตัดกับขอบสีทองดูสวยงามมาก ด้านหน้าจอแสดงผลเล็กกว่ารุ่น Ultra เล็กน้อย อยู่ที่ 6.7 นิ้ว แต่ความละเอียดจะอยู่ที่ FHD+ เป็นหน้าจอแบบแบนราบ ส่วนจอแสดงผลก็เป็นแบบ Dynamic AMOLED 2X แสดงผลได้สูงสุด 120 Hz และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่ใต้หน้าจอส่วนล่างเช่นกัน
ด้านหลังจะเห็นได้ว่าส่วนของกล้องนั้นมีขนาดเล็กกว่าพอสมควร เพราะมีกล้องมาให้เพียง 3 เลนส์ ส่วนนี้จะเป็นสีทอง แต่ด้านหลังของรุ่นนี้เป็นสีม่วงอ่อน หรือ Phantom Violet
ที่ด้านข้างซ้ายไม่มีปุ่มกดใดๆ มาให้ จะเห็นเพียงเสาอากาศที่เป็นขีด 2 ขีด ซึ่งสีนี้จะมองเห็นได้ชัดเจนกว่า ส่วนด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง
ด้านบนจะเห็นเพียงช่องไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และด้านล่างไล่จากซ้ายไปขวาจะเห็นช่องใส่ถาดซิมการ์ด ช่องไมโครโฟรนรับเสียง ช่องเสียบสาย USB-C และช่องลำโพงสปีกเกอร์
สีที่วางจำหน่ายของรุ่นนี้ก็มีให้เลือก 3 สี Phantom Black, Phantom Silver และ Phantom Violet
และสำหรับรุ่นเล็กอย่าง Samsung Galaxy S20 5G ก็มีให้เลือก 3 สี Phantom Black, Phantom Violet และสี Phantom Pink
สรุปสเป็ค
- ขนาด 161.5 x 75.6 x 7.8 มม. นัำหนัก 202 กรัม
- รองรับเครือข่าย 5G SA, 4G LTE พร้อมถาดใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 2x FHD+ ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล
- หน่วยประมวลผล Exynos 2100 Octa-core เทคโนโลยี 5 นาโนเมตร
- ระบบปฏิบัติการ Android 11, OneUI 3.1
- หน่วยความจำ RAM 8 GB, ROM 128/256 GB
- ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และปลดล็อคด้วยใบหน้า
- กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
- กล้องหลัง 3 เลนส์ 30x Space Zoom
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้องเลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
- กล้องเลนส์ Tele 3x ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล f/2.0
- ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K
- แบตเตอรี่ 4800 mAh เทคโนโลยี Fast charge 25 วัตต์ และชาร์จไร้สาย 15 วัตต์
- ระบบกันน้ำมาตรฐาน IP68
- มีให้เลือก 3 สี Phantom Black, Phantom Silver, Phantom Violet
- ราคาเปิดตัว
- รุ่นหน่วยความจำ RAM 8 GB, ROM 128 GB ราคา 33,900 บาท
- รุ่นหน่วยความจำ RAM 8 GB, ROM 256 GB ราคา 35,900 บาท