สัดส่วนภายนอก Samsung Galaxy Tab 3 8.0
น้องใหม่ล่าสุดในตระกูล Tab 3 ก็เป็นรุ่น 8.0 นี่แหละ คลอดออกมาช้ากว่า 7.0 และ 10.1 นิดหน่อย และก็มีสเป็กใกล้เคียงกัน ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นคงไม่วางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ออกมาใกล้กันขนาดนี้ แต่ Samsung ซะอย่าง ทำได้อยู่แล้ว ทีนี้ใครจับรุ่นไหนถนัดมือก็เลือกรุ่นนั้นได้เลย
ด้านหน้า : แท็บชุดหลังๆ มานี้ Samsung ได้ใส่ปุ่มโฮมแบบฮาร์ดคีย์มาเหมือนกับโทรศัพท์ในค่าย ส่วนปุ่มตัวเลือกและย้อนกลับยังเป็นแบบสัมผัสเหมือนเดิม ด้านบนจอมีลำโพงสนทนาเพื่อใช้สนทนาและถือแนบหูคุยได้ ใกล้กันยังมีเลนส์กล้องที่ให้ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์จำพวกที่เอาไว้วัดและปรับแสงหน้าจอ รวมถึงปิดจอขณะสนทนาด้วย
ด้านหลัง : พักหลังมา Samsung ทำแท็บเล็ตออกมาแต่สีขาว รุ่นนี้ก็เช่นกัน ด้านหลังเลยขาวอย่างที่เห็น ถ้ามองให้ชัด จะเห็นว่ามันไม่ได้ขาวโพลน ยังคงเป็นขาวแบบที่มีลายนิดๆ แฝงอยู่ นอกนั้นไม่มีอะไรเลย ยกเว้นเลนส์กล้องอยู่บนมุมซ้ายสุด
ด้านซ้าย : เป็นตำแหน่งของสล็อตต่างๆ ได้แก่ ไมโครเอสดี และ ไมโครซิม ซึ่งปิดไว้ด้วยแผ่นพลาสติกวัสดุเดียวกับขอบเครื่องด้านข้าง ดูแล้วเก็บงานได้เรียบร้อยดี และเราคิดว่ามันไม่น่าจะเผยอหรือหลุดออกได้ง่ายเมื่อใช้ไปนานๆ
ด้านขวา : ปุ่มเปิดปิดเครื่องและปรับเสียงอยู่บริเวณนี้หมด และอีกการเชื่อมต่อหนึ่งที่พบได้บ่อยในอุปกรณ์ชิ้นหลังๆ ของทาง Samsung คือ พอร์ตอินฟราเรด ประโยชน์ของมันอย่างเดียวเลยคือ ใช้กับแอพในเครื่องแทนรีโมทคอนโทรลเพื่อควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
ด้านบน : รูเสียบแจ็คหูฟังอยู่ด้านบนตรงนี้อย่างโดดเดี่ยว
ด้านล่าง : ตั้งแต่ Note 8.0 เป็นต้นมา อุปกรณ์จำพวกแท็บเล็ตของค่ายได้ปรับมาใช้พอร์ตไมโครยูเอสบีหมด เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เพราะพอร์ต 30 พินของเดิมมันเล่นเอาชีวิตลำบากพอดู เพราะต้องพกสายตลอดเวลา ยืมชาวบ้านยากเหลือเกิน
ภาพรวม : เมื่อเปรียบเทียบกับ Note 8.0 แล้ว จะเห็นได้เลยว่า ถึงแม้จอแสดงผลจะมีขนาด 8 นิ้วเท่ากัน แต่ Tab 3 8.0 ดูเพรียวลมกว่าเยอะ เนื่องด้วยมีการลดขอบข้างจอให้เล็กลง จากเดิมที่เคยหนาเตอะ ดูโบราณ กลายมาเป็นพิซซ่าแป้งบางซะงั้น การถือด้วยมือเดียวก็เลยสะดวกขึ้นเยอะ มือผู้หญิงยังถือได้เลย อย่างไรก็ตาม วัสดุโดยรวมที่ยังเป็นพลาสติกอาจยังไม่ถูกใจใครหลายคน เพราะเทียบกับโลหะหรูๆ อย่าง iPad mini แล้วห่างชั้นกันเยอะ แต่งานประกอบโดยรวม เราว่าก็แข็งแรงดี บิดเครื่องแล้วไม่โยกเยกเหมือนรุ่นใหญ่อย่าง Note 10.1 (ตัวเก่านะ)
ชำแหละเครื่องใน
สิ่งที่ Samsung ยึดถือมาเป็นฟังก์ชั่นหลักของเครื่องแท็บเล็ตตั้งแต่รุ่นแรกอย่าง Tab 7 เลยก็คือ การใช้งานโทรศัพท์ แถมรุ่นนี้ถือคุยได้เลย ถึงแม้จะลำบากไปสักนิดทั้งตอนกดเบอร์และแนบหู การใช้งานอินเทอร์เน็ตยังถูกจำกัดไว้ที่ 3 จี ดีหน่อยที่ไม่ได้แยกเครือข่ายแบบรุ่นถูกหลายรุ่น คือซื้อ Tab 3 8.0 ไปก็ใช้ได้เลยโดยที่ไม่ต้องแคร์เลยว่าเราใช้ซิมการ์ดเครือข่ายไหนอยู่ ตามสเป็กแล้ว เอชเอสดีพีเอของมันยังทำความเร็วสูงสุดได้แค่ 21 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งเดี๋ยวนี้เห็นกันบ่อยๆ แล้วว่าในบางเวลาและบางพื้นที่ 3 จี สามารถวิ่งได้เร็วกว่านั้น ใครบ้าพลังก็ไม่ควรซื้อรุ่นนี้ครับ ส่วนใครใช้งานธรรมดา ถ้าวิ่งได้เฉียด 21 เมกะบิตต่อวินาที ก็ถือว่าหรูมากแล้ว
จอแสดงผลที่ความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล เป็นตัวเลขที่จัดอยู่ในหมวดจอเอชดีแล้ว แต่ด้วยความที่พื้นที่แสดงผลมากถึง 8 นิ้ว พิกเซลก็เลยไม่ได้ดูคมอะไรมาก ถ้าได้เห็นเครื่องจริงจะทราบ ส่วนที่เราต้องชมไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องสีสันและความสว่าง Tab 3 8.0 ทำได้ดีมาก มุมมองก็กว้าง ถึงเอียงเครื่องจะ 180 องศาก็ยังมองได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้แล้ว ในเมนูการตั้งค่ายังเปลี่ยนสกรีนโหมดให้เข้ากับความชอบของเราได้เหมือนกับจอซูเปอร์อโมเล็ดในค่ายนั่นแหละ
ความลื่นไหลเป็นเรื่องที่ต้องพูดถึง เพราะผู้ใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตสมัยนี้ให้ความสำคัญมาก เท่าที่ลองจากการใช้งานทั่วไป เราไม่พบปัญหาเวลาใช้งานกับแอพพลิเคชั่นจำพวกโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพราะพวกนี้ไม่กินสเป็กเครื่องอยู่แล้ว แต่ที่อืดนิดหน่อยก็คือตอนเล่นเกม สังเกตได้เลยว่าซีพียูดูอัลคอร์ 1.5 กิกะเฮิร์ตซ์ เอาไม่อยู่ แค่เกมเด็กน้อยอย่าง Tank Battles จาก Gameloft เวลาโหลดเปลี่ยนด่านยังหนืดเลย ไม่ต้องพูดถึงเวลาเล่น Plants VS Zombies 2 แล้วไปด่านไกลๆ
สิ่งที่เราชอบและได้ใช้งานจริงคือ การดาวน์โหลดหนังขนาด 1080 พี มาเก็บไว้ในเครื่อง แล้วจัดการต่อผ่านเอ็มเอชแอลขึ้นบนทีวีซึ่งเป็นจอขนาดใหญ่กว่า แทนที่จะต้องมีกล่องเซ็ตท็อปบ็อกซ์อะไรต่อมิอะไร หรือกล่องแอนดรอยด์ก็ไม่จำเป็น เพราะใช้ Tab 3 8.0 ตัวเดียวก็สามารถเพลิดเพลินกับหนังเรื่องโปรดได้แล้ว
เรื่องการถ่ายภาพเป็นสิ่งที่คาดหวังได้ยากอยู่แล้วสำหรับแท็บเล็ต เพราะรุ่นแพงระดับสองหมื่นบาทยังถ่ายได้คุณภาพแบบธรรมดาๆ เลย หลายฟังก์ชั่นก็ถูกตัดออก อย่างเช่น โหมดเอชดีอาร์ การลบวัตถุที่ไม่ต้องการทิ้ง (Eraser mode) หรือพวกถ่ายรูปโชว์กำลังภายในอย่างดราม่าช็อตก็อันตรธานหายไปแล้ว แน่นอนว่าฮาร์ดแวร์อาจยังไม่ถึงขั้น แต่ก็อาจจะเป็นเพราะถูกกั๊กฟังก์ชั่นได้เช่นกัน
อินฟราเรดที่อยู่ในเครื่องก็เป็นฟังก์ชั่นโบราณที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง สมัยโน้นไม่อยากให้ตัดออกไปเลย เพราะมันเอามาใช้เป็นรีโมทได้ นี่ Samsung นำกลับมาหลายรุ่นแล้ว พอเอามาใช้กับแอพ “สมาร์ทพีล” ก็เลยกลายเป็นเจ้าพ่อทีวีประจำบ้านได้เลย ใครทำรีโมทที่บ้านตกจนเจ๊งบ่อยๆ หรือชอบหารีโมทไม่เจอ ก็แค่หยิบ Tab 3 8.0 ขึ้นมาแล้วเปิดแอพ Peel Smart Remote แล้วยิงได้ทันที
กูรูฟันธง
สำหรับคนที่เล็งแท็บเล็ตสักตัวไว้ แต่ไม่อยากได้เครื่องจีนที่หาความเสถียรไม่เจอ ก็น่าจะมองเครื่องของอินเตอร์แบรนด์ไว้ เพราะอย่าลืมว่าถึงแท็บเล็ตจีนหลายตัวฮาร์ดแวร์จะแรงก็จริง แต่เรื่องซอฟต์แวร์ยังไงก็ต้องพิจารณาไว้เหมือนกัน เพราะมีส่วนสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลย อย่างน้อย Tab 3 8.0 ก็ทำให้เราอุ่นใจในเรื่องนี้ได้ ส่วนตัวเครื่องเอง เราว่าแท็บเล็ตในตระกูลกาแล็กซี่รุ่นนี้ทำหน้าที่ของมันได้ดี ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ แม้จะไม่ฮาร์ดคอร์นัก แต่เชื่อว่าเพียงพอต่อการใช้งานสำหรับคนส่วนใหญ่ครับ
ข้อดี
- ตัวเครื่องบางเฉียบ ถือมือเดียวง่ายกว่า Note 8.0 เยอะ
- จอแสดงผลสีสวย สว่าง และมุมมองกว้างมาก ถูกใจคนเน้นเรื่องจอ
- การเชื่อมต่อมาเกือบครบ ทั้ง 3 จี ทุกย่านความถี่ ไวไฟไดเร็ค อินฟราเรด เอ็มเอชแอล แต่อ๊ะ เอ็นเอฟซี เบี้ยวนัด
- แรม 1.5 กิกะไบต์ พอจะเอาอยู่
- ลำโพงสเตอริโอ ให้เสียงดังและกังวาลพอสมควร
ข้อเสีย
- กล้องถูกตัดฟังก์ชั่นออกไปจากรุ่นใหญ่เยอะเลย
- ดันมาก่อนเทรนด์หนังปลอมอย่างพวก Note 3 / Note 10.1 ใหม่ / Grand ใหม่ เลยได้พลาสติกไปเต็มๆ
- เล่นเกมบางเกมก็รู้สึกหนืดและกระตุกอยู่ คงเป็นเพราะซีพียูดูอัลคอร์สินะ
- ราคายังแพงอยู่ เมื่อเทียบกับอินเตอร์แบรนด์จากไต้หวัน
รูปหน้าจอ Samsung Galaxy Tab 3 8.0