มาถึงเว็บไซต์เราซะทีกับ Nokia 5.1 Plus สมาร์ทโฟนเกมส์มิ่งรุ่นล่าสุดจากทางโนเกีย ที่มาในราคาสุดคุ้มค่าเพียง 7,490 บาท โดยวันนี้ทาง WhatPhone ก็จะพามาแกะกล่องพร้อมพรีวิวตัวเครื่องคร่าว ๆ กันครับ
แกะกล่อง Unboxing
สำหรับเจ้าตัวกล่องแพ็คเกจขายจริงของ Nokia 5.1 Plus ประกอบไปด้วยอุปกรณ์เสริม ดังนี้
- ตัวเครื่อง Nokia 5.1 Plus
- เข็มจิ้มซิม
- คู่มือการใช้งาน (ภาษาไทย)
- สายชาร์จ/เชื่อมต่อ แบบ USB-C
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ 10W
- หูฟังโนเกียแบบ Earbuds (3.5 mm)
ตัวเครื่องมาพร้อมกับดีไซน์ไร้ขอบ พร้อมติ่งขนาดใหญ่ (คล้าย iPhone XS) ติดตั้งกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ พร้อมลำโพงสนทนา ส่วนด้านล่างตัวเครื่องมีโลโก้ Nokia ที่เป็นเอกลักษณ์อยู่
ด้านหลังตัวเครื่องมาในดีไซน์กระจกเงาที่สะท้อนแสงได้เป็นอย่างดี มีกล้องคู่พร้อม LED Flash และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ บวกกับโลโก้ Nokia และ Android One ถัดลงมา
ด้านข้างตัวเครื่องมาพร้อมกับ ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง ส่วนอีกด้านจะเป็นช่องใส่ SIM + MicroSD Card แต่เป็นแบบ Hybrid Slot
ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm และไมค์ตัดเสียงรบกวน 1 ตัว ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องมาพร้อมกับลำโพง และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C และไมค์โครโฟนตัดเสียงรบกวนอีก 1 ตัว
ลองเล่นพร้อมสำรวจฟีเจอร์ในเครื่อง
หน้าตา UI แบบ Pure Android ที่มี App Drawer และ Google News
Google Lens อีกหนึ่งฟีเจอร์กล้องที่สามารถจิ้มถ่ายภาพหรือสถานที่ที่ต้องการค้นหาได้
โหมดไลฟ์โบเก้ ที่สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ (สามารถปรับความชัด-เบลอได้ก่อนถ่าย)
โหมด 3D Sticker สามารถจับใบหน้าคนให้แต่งเป็นตัวการ์ตูนต่าง ๆ ได้ (ภาพซ้ายมือ) รวมถึงมีโหมด Dual Sight หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ Bothie ที่สามารถถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อม ๆ กัน
ตัวเครื่องมาพร้อมความจุ 32 GB เหลือให้ใช้ประมาณ 22 GB และมาพร้อมกับ Android 8.1 OREO เวอร์ชั่นล่าสุด บวกกับแพทช์ความปลอดภัยเดือนตุลาคม 2018
และปิดท้ายกันด้วยฟีเจอร์ยกขึ้นตรวจสอบโทรศัพท์จะแสดงเวลาและการแจ้งเตือนต่าง ๆ ถือว่าดีมาก ๆ และสามารถเล่น 2 หน้าจอได้ตามความสามารถของ Android 8.1 OREO ครับ
สเปก Nokia 5.1 Plus
ระบบเครือข่าย | 2G : GSM 850/900/1800/1900 3G : WCDMA: Band 1, 2, 5, 8 4G : 1, 3, 5, 7, 8, 20, 28, 38, 40, 41(Full band 41) ( LTE Cat. 4, 150Mbps DL/50Mbps UL (RoW) , VoLTE, VoWiFi ) |
ระบบปฏิบัติการ | Android Oreo 8.1 ( สามารถอัพเดท Android 9 Pie ได้ ) |
ขนาดและน้ำหนัก | 149.51 x 71.98 x 8.096 มม. 160 กรัม |
หน่วยประมวลผล (CPU / GPU) | MediaTek Helio P60 (4 x A73 1.8GHz + 4 x A53 1.8GHz) / Mali-G72 MP3 |
หน้าจอและระบบสัมผัส | หน้าจอ IPS ขนาด 5.86” HD+ ( 720 x 1520 pixels, 19:9 ) ~287 ppi Corning® Gorilla® Glass 3, ขอบจอโค้งแบบ 2.5D |
หน่วยความจำ | หน่วยความจำภายใน 32 GB eMMC 5.1 เพิ่มเมมโมรี่ microSD ได้ 400GBRAM : 3GB LPDDR4X |
กล้องถ่ายรูป | กล้องหลังคู่ ( สี 13 MP f/2 1.0 um / ขาวดำ 5MP FF f/2 1.12um ) PDAF HDR และ ระบบตรวจจับใบหน้า พร้อมไฟแฟลช LED 2 สีกล้องหน้า 8MP f/2.2 1.0 um
Dual-Sight Bothie ถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอด้วยกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันได้ / ไลฟ์สดไปยัง Facebook และ YouTube ได้ง่ายภายในคลิกเดียว , 3D AR สติกเกอร์ , โหมดถ่ายภาพบุคคล |
การเชื่อมต่อและเซ็นเซอร์ | 2 Sim แบบ 4G Standby ทั้งคู่ / ช่องใส่ซิมแบบ Hybrid Slot รองรับ 1 nano-SIM slot + ( 1 nano-SIM หรือ 1 microSD )802.11 a/b/g/n/AC , BT 4.2, GPS/AGPS/GLONASS/BDS/Galileo, FM/RDS, USB Type C, USB 2.0, OTG, ช่องหูฟังแบบ 3.5mm , ambient light sensor, proximity sensor, accelerometer (g-sensor), e-compass, gyroscope, fingerprint sensor |
ระบบเสียง | ลำโพงเดี่ยว , ระบบขยายเสียงแบบพิเศษ smart Amp, ไมโครโฟน 2 ตัวสำหรับตัดเสียงรบกวน |
แบตเตอรี่ | แบตเตอรี่ ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ขนาดความจุ 3,060 mAh , ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 5V/2A 10 W |
ระยะเวลาการใช้งานโทรศัพท์การคุยสายสแตนบายและการฟังเพลง | สนทนาต่อเนื่องได้ : 20.5 ชั่วโมง **เวลาสแตนด์บาย: 14.5 วัน **
ฟังเพลงต่อเนื่อง: 9.5 ชั่วโมง ** รับชมวีดีโอต่อเนื่อง: 9 ชั่วโมง ** |
คุณสมบัติพิเศษ | เคลือบผิวและขัดเงาด้วย Nano painting technology |
และเตรียมพบกับรีวิวเต็ม ๆ ของรุ่นนี้ ได้ เร็ว ๆ นี้ครับ และสำหรับใครที่อยากติดตามบทความดี ๆ แบบนี้ หรือข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลยครับ