iPhone SE รุ่นที่ 2 ถือเป็นไอโฟนที่ฮือฮาอีกรุ่นนึงเพราะด้วยราคาที่จับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายกับราคาเริ่มต้น 14,900 บาท โดยใช้ดีไซน์เดิมของ iPhone 8 แต่ภายในจัดเต็มด้วยสเปกใหม่ๆ อย่างชิปประมวลผล A13 Bionic ชิปประมวลผลรุ่นเดียวกันกับ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max สำหรับรุ่นนี้จะสวยงามแค่ไหน ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์อะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย
แกะกล่อง ส่องอุปกรณ์
ตัวกล่องมาในกล่องสีขาว พร้อมกับมีการพิมพ์รูปตัวเครื่องขนาดเท่าจริงบนหน้ากล่อง ซึ่งจะมีการพิมพ์ตัวเครื่องนูนและมีลูกเล่นพิมพ์ปุ่ม Touch ID ให้ลึกลงไป และแสดงสีที่เป็นของตัวเครื่องด้วย โดยสีที่ทาง Whatphone.net นำมารีวิวนั้นเป็นสีดำสุดสวยงาม ซึ่งจะมีสีให้เลือกเพิ่มเติมได้แก่ สีขาว และสีแดง (PRODUCT)RED
และรุ่นความจุที่นำมารีวิวนั้นก็คือ 256GB โดย iPhone SE รุ่นที่ 2 มีให้เลือก 3 ความจุได้แก่ 64GB, 128GB และ 256GB ในราคา 14,900 บาท, 16,900 บาท และ 20,900 บาท ตามลำดับ
เมื่อเปิดฝากล่องออกไป ก็จะพบกับซองเอกสารสีขาว Designed by Apple in California ภายในก็จะมี คู่มือการใช้งานเบื้องต้น, เอกสารการรับประกันตัวเครื่องทั้งในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด และสติ๊กเกอร์โลโก้ Apple สีขาว
ถัดมาจะเป็นตัวเครื่องวางอยู่ ซึ่งตัวเครื่องจะมีพลาสติกติดมาทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นอย่างดี (ทีมงานได้ทำการแกะออกไปในการบันทึกวิดีโอแล้ว จึงไม่ได้ปรากฏในรูปภาพ) และเมื่อนำตัวเครื่องออก ก็จะพบกับอุปกรณ์ภายในกล่อง ได้แก่ หูฟัง EarPods พร้อม Lightning, อะแดปเตอร์ชาร์จ 5W ที่คุ้นเคยกันดี และสายเคเบิล Lightning สำหรับชาร์จไฟและโอนถ่ายข้อมูลความยาว 1 เมตร
ดีไซน์คุ้นเคย แต่ก็ยังสวยงาม
ขอบตัวเครื่องอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 เกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศและมีสีเดียวกับกระจกด้านหลังเพื่อความสวยงาม ซึ่งขอบตัวเครื่องของรุ่นนี้เป็นสีดำด้านสวยงามและลงตัวมากๆ อีกทั้งยังออกแบบมาให้ทนฝุ่นและน้ำระดับ IP67 อีกด้วย
หน้าจอ 4.7 นิ้ว และ Touch ID
มาพร้อมจอภาพ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว การแสดงผลแบบ True Tone ที่จะปรับไวท์บาลานซ์บนหน้าจอให้ตรงกับอุณหภูมิสีของแสงรอบๆ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ขอบเขตสีกว้างและความแม่นยําของสีช่วยให้จอภาพแสดงสีสันได้อย่างสมจริงและมีคอนทราสต์สูง พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
มี TouchID มาให้ใช้งานสำหรับการสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคหน้าจอและด้านความปลอดภัยในการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ โดยใช้ร่วมกับปุ่มโฮม โดยยังดีไซน์ที่มีด้านบนและด้านล่างของหน้าจอที่หนาอยู่
กล้องไวด์ความละเอียด 12MP
สำหรับระบบกล้อง เป็นกล้องไวด์ความละเอียด 12MP รูรับแสงขนาด ƒ/1.8 ถึงแม้จะเป็นกล้องเดี่ยว แต่ก็มีโหมดถ่ายภาพบุคคลพร้อมกับฟีเจอร์การจัดแสงภาพถ่ายบุคคลมาให้ใช้งานพร้อมกับ QuickTake ที่ช่วยให้ถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอได้รวดเร็วขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนโหมด และบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 30 fps หรือ 60 fps ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 7MP บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p ที่ 30 fps
ประสิทธิภาพระดับสูง
ใช้ชิปประมวลผล A13 Bionic แบบเดียวกันกับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ที่เรียกได้ว่าเร็วและแรงที่สุดในไอโฟนแล้ว และยังช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น สามารถรับชมวิดีโอได้นานต่อเนื่องสูงสุด 13 ชั่วโมง และรองรับชาร์จเร็วขนาด 18 วัตต์ (อะแดปเตอร์จำหน่ายแยกต่างหาก) เพื่อเริ่มชาร์จจาก 0 จนถึง 50% ได้ในเวลา 30 นาที รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi รองรับการใช้งานซิมคู่ โดยใช้ซิมการ์ดและแบบ eSIM ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G LTE ระดับ Gigabit, Wi-Fi 6, NFC และ Bluetooth 5.0
ราคาและการวางจำหน่าย
iPhone SE รุ่นที 2 วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว และ (PRODUCT)RED
- ความจุ 64GB ราคา 14,900 บาท
- ความจุ 128GB ราคา 16,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 20,900 บาท