หลังจากที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับกลางราคาประหยัด 2 รุ่นพร้อมกัน สมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 5G ในราคาประหยัดอย่าง Redmi Note 9T และ Redmi 9T ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานเครือข่าย 4G ที่ต้องการความคุ้มค่ากับสมาร์ทโฟนระดับกลาง มาดูกันว่าทั้งสองรุ่นจะแตกต่างกันอย่างไร จะยังคงความคุ้มค่าหรือไม่ มาแกะกล่อง รีวิว Redmi Note 9T และ Redmi 9T ดูกันเลยครับ
แกะกล่องลองเล่น Redmi Note 9T และ Redmi 9T
กล่องของทั้งสองรุ่นมาในแนวสีขาวเหมือนกัน จะแตกต่างกันที่หน้ากล่องที่เป็นรูป และชื่อรุ่นของแต่ละรุ่น และเมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ที่เหมือนๆ กัน มาแกะกล่องดูกันเลยว่าแต่ละรุ่นจะมีอะไรมาให้บ้าง
แกะกล่อง รีวิว Redmi Note 9T
- สมาร์ทโฟน Redmi Note 9T สี Nightfall Black
- อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่กำลังไฟ 20 วัตต์
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- เคสซิลิโคสแบบใส
- ฟิล์มกันรอยแบบติดมาพร้อมเครื่อง
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- คู่มือการใช้งาน
แกะกล่อง Redmi 9T
- สมาร์ทโฟน Redmi Note 9T สี Sunset Orange
- อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่กำลังไฟ 20 วัตต์
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- เคสซิลิโคสแบบใส
- ฟิล์มกันรอยแบบติดมาพร้อมเครื่อง
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- คู่มือการใช้งาน
จะเห็นว่าอุปกรณ์ในกล่องนั้นมีมาให้ค่อนข้างครบครัน จะขาดก็เพียงแค่หูฟังเท่านั้นเอง ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็หาซื้อไม่ยาก ราคาไม่แพง ทั้งแบบมีสาย และแบบไร้สาย นอกนั้นในกล่องมีมาให้ครบครัน ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเติม แกะกล่องออกมาก็พร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องกลัวเป็นรอย ส่วนอแดปเตอร์ที่มีมาให้ในกล่องทั้ง 2 รุ่นสามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 20 วัตต์ก็มีแถมมาให้ไม่มีกั๊กเหมือน Flagship บางรุ่น
ดีไซน์แบบ Texture Unibody Design
วัสดุของทั้งสองรุ่นเป็นแบบ Polycarbonate หรือเรียกง่ายๆ คือวัสดุทำจากพลาสติก พื้นผิวมีเส้นสายเล็กๆ ที่สะท้อนแสงแล้วเผยให้เห็นถึงลวดลายต่างๆ ซึ่งลวดลายเหล่านี้ยังทำให้ถือจับได้ถนัดมือ ไม่ทำให้ลื่นหลุดมือได้ง่ายๆ ด้านหลังของทั้งสองรุ่นยังมีดีไซน์โค้งรับกับอุ้งมือ ทำให้จับถือได้ถนัดมากยิ่งขึ้น
จอแสดงผลของทั้งสองรุ่นมีขนาดเท่ากันที่ 6.53 นิ้ว โดยมีความละเอียดระดับ FHD+ หรือความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล แต่ดีไซน์ของ Note 9T จะเป็นแบบ DotDisplay ซึ่งเป็นกล้องแบบเจาะรูที่มุมบนซ้าย ส่วนรุ่น 9T เป็นแบบ Dot Drop Display หรือดีไซน์แบบหยดน้ำตรงกลาง ส่วนสเป็คความสว่างของหน้าจอ Note 9T จะสว่างกว่าที่ 450 nits และในรุ่น 9T มีค่าความสว่างที่ 400 nits และทั้งสองรุ่นก็ได้รับมาตฐาน TÜV Rheinland Low Blue Light ที่จะช่วยถนอมสายตาจากแสงสีฟ้าด้วย
ด้านหลังของ Note 9T ที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Nightfall Black ไม่ได้เป็นสีดำซะทีเดียว แต่เป็นสีออกเทาไล่เฉดไปสีเทาเข้ม ได้แรงบรรดาลใจจากสีของท้องฟ้าก่อนที่กำลังจะมืดสนิท ในส่วนของกล้องนั้นดีไซน์เป็นวงกลมโดยมีเลนส์รับภาพทั้ง 3 และไฟแฟลช LED อยู่ในนี้ และส่วนล่างของตัวเครื่องยังมีสัญลักษณ์ 5G บ่งบอกถึงการรองรับเครือข่ายด้วย
ส่วนด้านหลังของรุ่น 9T เป็นสี Sunset Orange เป็นสีส้มของท้องฟ้ายามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตก เป็นสีส้มที่ดูสดใสสวยงาม ส่วนของเลนส์รับภาพนั้นดีไซน์เป็นสีเหลี่ยม มีเลนส์ทั้ง 4 เลนส์ และไฟแฟลชแบบ LED อยู่ในนี้ นอกจากนี้ยังมีโลโก้ Redmi ขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นวางอยู่ในแนวนอนของตัวเครื่อง
ด้านข้างของทั้งสองรุ่นมีปุ่มกด และช่องใส่ซิมการ์ดอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านซ้าย มีช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ 3 ช่อง แยกช่อง SIM1, SIM2 และ microSD แยกออกจากกัน
ส่วนด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียง ปุ่มเปิดปิดเครื่อง ซึ่งทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องมาให้ด้วย
ที่ด้านบน และด้านล่างของตัวเครื่องจะต่างกันเล็กน้อย โดยส่วนบนของ Note 9T มีช่องลำโพงตัวที่ 2 ที่ให้เสียงสเตอริโอ ถัดมาเป็นพอร์ตอินฟราเรด และช่องไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน แต่สำหรับรุ่น 9T จะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ด้วย
และที่ด้านล่างของ Note 9T จะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มีช่องลำโพง, ช่องเสียบสายชาร์จแบบ USB-C และช่องลำโพงสปีกเกอร์ของตัวเครื่อง ส่วนรุ่น 9T จะมีเพียงไมโครโฟนรับเสียง, ช่องเสียบสาย USB-C และช่องลำโพงสปีกเกอร์เท่านั้น
หน่วยประมวลให้เลือก 2 รุ่น 2 ประสิทธิภาพ พร้อมรองรับเครือข่าย 5G
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่รองรับเครือข่าย 5G และประสิทธิภาพที่ดีกว่าคงไม่ต้องอธิบายให้มากความว่าควรจะต้องเลือก Redmi Note 9T เพราะด้วยชิพประมวลผล MediaTek Dimensity 800U ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Redmi 9T ก็ต้องเพิ่มราคาอีกนิดหน่อย แต่ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 6,999 บาท ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีราคาถูกที่สุดในท้องตลาดตอนนี้ โดยหน่วยประมวลผลรุ่นนี้เป็นชิพแบบ Octa-core สถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร ความเร็ว 2.4 GHz มาพร้อมชิพประมวลผลภาพ 3D Mali-G57 มีหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB และ ROM ให้เลือกตั้งแต่ 64 ไปจนถึง 128 GB ส่วนระบบปฏิบัติการยังคงเป็น Android เวอร์ชั่น 10 อยู่ พร้อมครอบทับด้วย MIUI เวอร์ชั่น 12
ส่วนหน่วยประมวลผลของ Redmi 9T ใช้ชิพประมวลผลของ Qualcomm Snapdragon 662 Octa-core ความเร็ว 2.0 GHz สถาปัตยกรรม 11 นาโนเมตร มีหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB และ ROM มีให้เลือก 2 รุ่นคือ 64 GB และ 128 GB เช่นกัน ส่วนหน่วยประมวลผลภาพ 3D ใช้ชิพ Adreno 610 ซึ่งหากดูดโดยรวมแล้วประสิทธิภาพอาจจะดูไม่ต่างกัน เพียงแต่ใช้หน่วยประมวลผลคนละรุ่น แต่จากการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วยแอพฯ Antutu จะเห็นว่า Note 9T มีประสิทธิภาพเหนือกว่า และยังรองรับเครือข่าว 5G ด้วย
โดยคะแนนการทดสอบด้วยแอพฯ Antutu ของ Redmi Note 9T สามารถทำคะแนนได้ถึง 295,013 คะแนน ส่วน Redmi 9T ทำคะแนนได้ 184,705 คะแนน
และจากการทดสอบด้วยแอพฯ Geekbench 5 ในรุ่น Note 9T ทำคะแนนได้ คะแนน ส่วน Redmi 9T ทำคะแนนได้ คะแนน จะเห็นว่าประสิทธิภาพค่อนข้างต่างกันพอสมควร
นอกจากนี้การเล่นเกมที่ใช้ต้องการใช้ประสิทธิภาพกราฟฟิค 3D หนักๆ อย่างเกม PUBG Mobile ในรุ่น Redmi Note 9T สามารถปรับไปได้ที่สูง แต่สำหรับ Redmi 9T สามารถปรับไปได้ที่ระดับกลางเท่านั้น หากต้องการสมาร์ทโฟนที่เล่นเกม 3D แบบหนักๆ ควรจะเป็นรุ่น Redmi Note 9T
Redmi Note 9T และ Redmi 9T โดดเด่นคนละด้านในเรื่องของการถ่ายภาพ
สเป็คกล้องของทั้งสองรุ่นค่อนข้างต่างกันพอสมควร อย่างเช่น Note 9T มีกล้องหลังมาให้ 3 เลนส์ และ Redmi 9T มีกล้องมาให้ 4 เลนส์ แต่เลนส์หลักมีความละเอียดมาให้ 48 ล้านพิกเซลเท่ากัน นอกนั้นต่างกันตามสเป็คกล้องดังนี้
Redmi Note 9T มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ กล้องหน้า 1 เลนส์
- กล้องเลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.79
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.25
ภาพตัวอย่างจากกล้อง Redmi Note 9T
Redmi 9T มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ กล้องหน้า 1 เลนส์
- กล้องเลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.79
- กล้องเลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 120 องศา รูรับแสงกว้าง f/2.2
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.05
ตัวอย่างภาพจากกล้อง Redmi 9T
จากสเป็คกล้องจะเห็นว่า Redmi 9T ที่มีราคาถูกกว่าจะเด่นในเรื่องการถ่ายภาพมากกว่า โดยมีกล้องมาให้ถึง 4 เลนส์ ที่เพิ่มเข้ามาคือเลนส์ Ultra-wide ที่ Note 9T ไม่มี แต่สิ่งที่ Note 9T ชดเชยมานั่นก็คือการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K แต่สำหรับ Redmi 9T ถ่ายได้ที่ความละเอียดเพียง Full HD 1080p เท่านั้น คงต้องเลือกระหว่างการถ่ายภาพนิ่ง หรือการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง
แบตเตอรี่ความจุสูง พร้อมระบบชาร์จเร็ว 18 วัตต์
ทั้งสองรุ่นมีสเป็คการชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟ 18 วัตต์ และในกล่องยังแถมอแดปเตอร์ที่สามารถจ่ายไฟได้ถึง 22.5 วัตต์ ทำให้ทั้งสองรุ่นชาร์จได้อย่างรวดเร็วทันใน แต่ด้วยสเป็คของ Note 9T นั้นมีแบตเตอรี่ 5000 mAh ซึ่งจากการทดสอบชาร์จแบตเตอรี่จาก 1% ในช่วงแรกจะชาร์จได้เร็ว แต่ในช่วงท้ายๆ จะเริ่มช้า เมื่อถึง 100% เต็มจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ถือว่าทำได้ค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่
ส่วน Redmi 9T มีแบตเตอรี่ใหญ่กว่าที่ 6000 mAh ใช้งานได้อย่างยาวนาน 2 วันสบายๆ ส่วนการชาร์จใช้เวลาชาร์จประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง อาจจะดูนานสักหน่อย แต่ถ้าชาร์จไว้ก่อนนอน ตื่นมาก็จะเต็มพอดี แทบไม่ต้องพก Powerbank เลยทีเดียว
บทสรุป รีวิว Redmi Note 9T และ Redmi 9T จากความเห็นของ What Phone
จากการทดสอบใช้งาน และจากสเป็คของทั้งสองรุ่น พบว่าทั้งสองรุ่นมีจุดเด่น และจุดด้อยแตกต่างกันออกไป โดยรวมทั้งสองรุ่นเป็นสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพระดับกลางๆ ราคาไม่แพง แน่นอนว่า Redmi Note 9T นั้นมีสเป็คที่โดดเด่นกว่าหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการองรับเครือข่าย 5G, มีประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วกว่าด้วยชิพเซ็ตที่แรงกว่า แต่ก็มีราคาแพงกว่าเล็กน้อย จุดด้อยของรุ่นนี้ที่เราเสียดายคือไม่มีเลนส์ Ultra wide มาให้ จะมีเพียงเลนส์ระยะปกติ และเลนส์ Macro เท่านั้น ส่วน Redmi 9T ก็มีจุดเด่นตรงที่มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า กล้องหลังมี 4 เลนส์ พร้อมเลนส์ Ultra wide ที่เก็บมุมองได้กว้างกว่า แต่จุดด้อยก็คงจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานที่ช้ากว่าเล็กน้อย โดยรวมทั้งสองรุ่นก็ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่า คุ้มราคาตาม Redmi Series เช่นเคย
สรุปสเป็ค Redmi Note 9T
- ขนาด 161.9 x 77.3 x 9.05 มม. นัำหนัก 199 กรัม
- รองรับเครือข่าย 4G LTE และ 5G
- หน้าจอ DotDisplay FHD+ ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล, แสดงผล 60 Hz
- หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 800U Octa-core ความเร็ว 2.4 GHz
- หน่วยประมวลผลภาพ 3D Mali-G57
- ระบบปฏิบัติการ Android 10, MIUI 12
- หน่วยความจำ RAM 4 GB LPDDR4X, ROM 64/128 GB
- รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD
- ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง และปลดล็อคด้วยใบหน้า
- กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล f/2.25
- กล้องหลัง 3 เลนส์
- กล้องเลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.79
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟ 18 วัตต์
- การเชื่อมต่อ WiFi 2.4 และ 5 GHz, NFC, Bluetooth 5.1
- ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ
- มีให้เลือก 2 สี Nightfall Black, Daybreak Purple
- ราคาเปิดตัวรุ่น 64 GB ราคา 6,999 บาท, รุ่น 128 GB ราคา 7,499 บาท
สรุปสเป็ค Redmi 9T
- ขนาด 162.3 x 77.3 x 9.6 มม. นัำหนัก 198 กรัม
- รองรับเครือข่าย 4G LTE
- หน้าจอ Dot Drop Display FHD+ ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล, แสดงผล 60 Hz
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 662 Octa-core ความเร็ว 2.0 GHz
- หน่วยประมวลผลภาพ 3D Adreno 610
- ระบบปฏิบัติการ Android 10, MIUI 12
- หน่วยความจำ RAM 4 GB LPDDR4X, ROM 64/128 GB
- รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุด 512 GB
- ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง และปลดล็อคด้วยใบหน้า
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.05
- กล้องหลัง 4 เลนส์
- กล้องเลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.79
- กล้องเลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 120 องศา รูรับแสงกว้าง f/2.2
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- แบตเตอรี่ 6,000 mAh ชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟ 18 วัตต์
- การเชื่อมต่อ WiFi 2.4 และ 5 GHz, Bluetooth 5.0
- ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ
- มีให้เลือก 4 สี Carbon Gray, Twilight Blue, Sunrise Orange และ Ocean Green
- ราคาเปิดตัวรุ่น 64 GB ราคา 4,499 บาท, รุ่น 128 GB ราคา 5,299 บาท