เราไม่ค่อยได้เห็นอะไรฉีกแนวแปลกใหม่จากค่าย Samsung มาหลายปีแล้ว แต่ในปีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของค่ายนี้เพราะน่าจะมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ หลายอย่างที่ทาง Samsung เตรียมเปิดตัว เริ่มประเดิมด้วย รีวิว Samsung Galaxy A80 สมาร์ทโฟนกล้อง 3 ตัวที่สามารถฟลิบมาเป็นกล้องหน้าได้ คราวนี้จะถ่ายภาพ Selfie ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สวย เพราะใช้กล้องเดียวกับกล้องหลักเลย
แกะกล่อง รีวิว Samsung Galaxy A80
หลังจากที่ได้เครื่องมาทดสอบพบว่ากล่องของรุ่นนี้มีรูปแบบคล้ายๆ กับ Samsung A Series รุ่นอื่นๆ แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยจนสังเกตได้ ที่หลังกล่องยังชูจุดเด่น 3 อย่างด้วยกันคือ New Infinity Display หน้าจอแบบเต็มขอบไร้รอยบาก, Rotating camera กล้องหมุนได้ และ Super Fast Charging ระบบชาร์จเร็วที่พึ่งเปิดตัวใช้อย่างเป็นทางการ
เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับตัวเครื่องสี Angle Gold แปลตรงๆ ก็สีทองนางฟ้า ซึ่งหากดูจริงๆ จะออกไปทางสีชมพูอ่อนๆ เหมาะกับคุณผู้หญิง หรือจะผู้ชายถือก็ดูไม่แปลก เพราะไม่ได้ออกไปทางสีชมพูจ๋า ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานเช่นเดียวกับ A Series รุ่นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น
- ตัวเครื่อง Samsung Galaxy A80
- อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ Super Fast Charging
- สายชาร์จแบบ USB-C ทั้งสองด้าน
- ชุดหูฟังแบบ USB-C
- เคสแบบแข็งสีเดียวกับตัวเครื่อง
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- คู่มือการใช้งาน Quick Start Guide
ความพิเศษของรุ่นนี้คือจอแสดงผล Infinity display ไม่มีติ่ง ไม่มีบากบนหน้าจอมารบกวนสายตา เปิดดูคลิปวิดีโอต่างๆ ได้เต็มหน้าจอ 6.7 นิ้ว โดยใช้จอภาพแบบ Super AMOLED ที่ให้สีสันสวยงามสมจริง ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล โดยส่วนบนของหน้าจอไม่มีลำโพงสนทนา ไม่มีเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้เห็น ซึ่งลำโพงสนทนาจะถูกฝังอยู่ใต้หน้าจอโดยใช้คลื่นเสียง Ultra sonic ส่งผ่านหน้าจอขึ้นมา จากการทดสอบสนทนาโทรศัพท์ก็ได้ยินเสียงปกติไม่ต่างจากมือถือทั่วไป
พลิกมาที่ด้านหลังจะพบกับกล้องดิจิตอลทั้ง 3 เลนส์พร้อมไฟแฟลชและเซ็นเซอร์อินฟราเรดสำหรับวัดระยะ ซึ่งจะอยู่แถบบนแยกส่วนกัน ซึ่งส่วนนี้จะยกขึ้นด้วยกลไกเพื่อพลิกกล้องไปด้านหน้าเมื่อต้องการถ่ายภาพเซลฟี่
ที่ด้านข้างซ้ายมีเพียงปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนที่ด้านข้างขวามีปุ่มเปิด/ปิดเครื่องเท่านั้น
ด้านล่างเป็นช่องเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C ใกล้ๆ กันมีลำโพงเครื่อง และช่องใส่ถาดซิมการ์ด แต่ไม่มีช่องใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD
มาดูที่อุปกรณ์ในกล่องกันบ้าง เริ่มจากอแดปเตอร์ Super Fast Charging กำลังไฟ 25 วัตต์ และสายชาร์จเป็นแบบ USB-C สามารถเสียบด้านไหน ฝั่งไหนก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียบผิดด้าน ซึ่งต่อไปน่าจะกลายเป็นมาตรฐานให้กับรุ่นใหม่ๆ อย่างแน่นอน
ชุดหูฟังแบบ USB-C ที่ให้มาเป็นแบบ In-Ear ให้เสียงดีทีเดียว ทั้งเสียงเบส เสียงกลาง และเสียงแหลม ชุดหูฟังมาพร้อมไมโครโฟน ปุ่มรับสายวางสาย ปุ่มปรับระดับเสียงมีมาให้ครบตามมาตรฐานชุดหูฟังทั่วไป
First Rotating Triple Camera
ส่วนที่เด่นที่สุดของรุ่นนี้เห็นจะเป็นกล้องหลังที่สามารถหมุนฟลิบสลับมาเป็นกล้องหน้าได้ด้วยกลไกการยกส่วนของกล้องขึ้นมา โดยจะทำงานเมื่อเข้าโหมดการถ่ายภาพแล้วเลือกใช้กล้องหน้า โดย Samsung เคลมว่าเป็นรุ่นแรกที่เป็นกล้อง 3 ตัวแบบหมุนฟลิบได้เครื่องแรก ซึ่งหากยังจำกันได้เคยมีแบรนด์อื่นทำมาแล้ว แต่เป็นกล้องตัวเดียวที่ฟลิบได้ ส่วนรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นแรกของ Samsung ที่ทำกล้องแบบหมุนได้แบบนี้ ซึ่งการสลับใช้งานกล้องจะกินเวลาไม่นานประมาณ 1 วินาที ใช้เวลาพอๆ กับการสลับกล้องของรุ่นอื่นๆ
ข้อดีของการสลับกล้องหลังมาเป็นกล้องหน้าคือคุณจะได้ภาพที่คมชัดเหมือนกับกล้องหลัง ซึ่งกล้องของ A80 มีมาให้ใช้งานถึง 3 ตัว คือกล้องหลักความละเอียดถึง 48 ล้านพิกเซล F2.0, กล้อง Ultra Wide เก็บภาพกว้าง 123 องศาความละเอียด 8 ล้านพิกเซล F2.2 และกล้อง 3D Depth ความละเอียด HQVGA มีไฟแฟลชแบบ LED ช่วยส่องสว่างขณะถ่ายภาพ
สำหรับลูกเล่น หรือโหมดการถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานพอๆ กับตระกูล S เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ Night mode, Panorama, Hyperlapse, โหมด Pro หรือ Live Focus ที่เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลหน้าชัดหลังละลาย และโหมด Super Slow-mo 480 เฟรมต่อวินาที และนอกจากนี้ยังทำ AR Emoji หรือภาพการ์ตูนเคลื่อนไหวแสดงแทนใบหน้าเราได้
การถ่ายคลิปวิดีโอทำได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K หรือหากปรับลดลงมาที่ความละเอียด Full HD จะได้เฟรมเรท 60 เฟรมต่อวินาที ทำให้ภาพเคลื่อนไหวสมูทกว่า และหากใช้งานร่วมกับระบบ Super Steady ก็จะช่วยลดการสั่นไหวของภาพได้ด้วย
สำหรับการใช้งาน Live focus นอกจากจะใช้ละลายฉากหลังในการถ่ายภาพนิ่งแล้ว Samsung Galaxy A80 ยังใช้เป็น Video Live focus ละลายฉากหลังขณะถ่ายวิดีโอได้ด้วย ซึ่งการทำเช่นนี้จะต้องใช้หน่วยประมวลผลช่วยในการขัดขอบบุคคลเพื่อละลายฉากหลัง บ่งบอกได้ว่ารุ่นนี้ใช้หน่วยประมวลผลที่แรงพอสมควร
วัดระยะเสมือนด้วย Quick Measurement
ด้วยเทคโนโลยีกล้อง ToF และเทคโนโลยี AR ที่ช่วยให้วัดระยะ หรือวัดขนาดวัตถุแบบคร่าวๆ ได้ด้วยแอพฯ Quick Measurement เริ่มด้วยการใช้กล้องสแกนพื้นที่เพื่อหาความตื้นลึกของวัตถุ จากนั้นก็เลือกจุดแล้วลากกล้องไปตามแนวที่ต้องการวัด ทำให้ง่ายต่อการหาความยาววัตถุ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ เตียง หรืออะไรก็ได้หมด ไม่ต้องวิ่งหาไม้บรรทัด หรือตลับเมตรให้วุ่นวาย
ประสิทธิภาพและการทำงาน
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ CPU แรงสุดในตลาด แต่ก็ถือรุ่นนี้มีประสิทธิภาพการทำงานที่แรงพอสำหรับการใช้งานหนักๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ พร้อมกันหลายแอพฯ และด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ของรุ่นนี้สามารถใช้ฟีเจอร์ Multi Windows ที่สามารถแบ่งหน้าจอออกเป็น 2 จอใช้งานพร้อมกัน 2 แอพฯ จะดูคลิปวิดีโอ เล่น Facebook หรือแชทไปด้วยก็ทำได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด
เบื้องหลังการใช้งานเหล่านี้ทำงานด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 730 ชิพประมวลผลภาพ 3D Adreno 618 พร้อม RAM ขนาด 8 GB ที่รองรับการเปิดแอพฯ หลายตัวได้พร้อมกัน และหน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้ อาจจะต้องอาศัย Cloud storage อย่าง Google Drive, Google Photo หรือ OneDrive ที่ทาง Samsung มอบสิทธิพิเศษให้ใช้งานฟรี 100 GB เลยทีเดียว
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลด้วยแอพฯ Antutu Benchmark สามารถทำคะแนนได้สูงถึง 206,441 ส่วนการเล่นเกม 3D หนักๆ อย่าง PUBG Mobile ตัวเกมก็แนะนำให้เปิดการใช้งานที่ความละเอียดสูงสุดเพื่อความสวยงามของภาพขณะเล่นได้ด้วย
ปลดล็อคการใช้งานด้วย On Screen Fingerprint
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของรุ่นนี้ถูกฝังมาไว้ที่ใต้จอแสดงผล เพื่อลดพื้นที่ไม่ให้เกะกะทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยสามารถบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 3 นิ้ว จากการทดสอบใช้งานจริงสามารถปลดล็อคได้ดีในระดับหนึ่ง ใช้ปลดล็อคได้สำเร็จประมาณ 80% อาจจะมีบ้างที่สแกนไม่ติดทั้งที่วางนิ้วตรงแล้ว โดยเฉพาะหากนิ้วมือเปียกหรือมีความชื้นจากเหงื่อจะสแกนไม่ค่อยติด ต้องรอให้นิ้วมือแห้งสนิทก่อน หากไม่สามารถปลดล็อคได้จริงๆ ก็สามารถใช้รหัส หรือ Pattern ในการปลดล็อคได้
น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่มีการปลดล็อคด้วยใบหน้า อาจจะด้วยรุ่นนี้ไม่มีกล้องหน้าโดยตรง หากมีระบบสแกนใบหน้าจริงๆ ต้องอาศัยการฟลิบกล้องขึ้นมา ทำให้ไม่สะดวกในการใช้งาน ทาง Samsung จึงตัดฟีเจอร์นี้ออกไป แต่ถึงอย่างไรอาจจะมีฟีเจอร์นี้กลับมาใน Firmware เวอร์ชั่นใหม่ในอนาคต
บทสรุป รีวิว Samsung Galaxy A80 ตามความคิดเห็นของ What Phone
ด้วยค่าตัว 21,990 บาทกับความสามารถที่ได้ถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้ เพราะด้วยกล้องของ Samsung Galaxy A80 นั้นทำได้ดีจริงๆ ส่วนตัวใช้ Galaxy S10+ เทียบความสว่างของภาพพบว่า A80 ทำได้ดีกว่า ภาพสว่างกว่าเล็กน้อย ซึ่งกล้องหลักของรุ่นนี้ยังสามารถฟลิบกลับมาใช้ถ่ายภาพเซลฟี่ได้อีกด้วย คุณภาพที่ได้จึงเท่ากัน พร้อมทั้งยังได้ใช้เลนส์ Wide และเลนส์ 3D Depth ได้ครบอีกด้วย ส่วนขนาดของตัวเครื่องอาจจะใหญ่ไปเล็กน้อย น้ำหนักเครื่องก็ถือว่าหนักพอสมควร และระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า ระบบสแกนนิ้วมือบนหน้าจออาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมอีกหน่อย คาดว่าใน Firmware รุ่นใหม่ๆ น่าจะแก้ไขในจุดนี้ได้ ส่วนใครที่เป็นสาวก BlackPink แนะนำให้จัดชุด BlackPink Edition ไปเลย เพราะมีของแถมมาให้ใช้งานครบครัน ถ้าชอบกล้องและ Rotating Camera ที่ไม่เหมือนใครแนะนำเลยครับสำหรับรุ่นนี้
ตัวอย่างภาพจากกล้อง Samsung Galaxy A80