Apple iPad Air 2 (Wi-Fi + Cellular)
รุ่นต่อยอดจาก iPad Air รุ่นเดิม แต่สำหรับ iPad Air 2 รุ่นนี้มีน้ำหนักที่เบา 444 กรัม มีน้ำหนักมากกว่ารุ่น Wi-Fi อย่างเดียวเพียงเล็กน้อย พร้อมกับตัวเครื่องที่บางลงถึง 6.1 มิลลิเมตร โดยทาง Apple เคลมว่าเป็นแท็บเล็ตที่บางที่สุดในโลกด้วย หน้าจอก็ยังมีการปรับเปลี่ยนมาใช้จอแบบ Full Lamination ที่บางลงด้วยการผสาน 3 เลเยอร์ของหน้าจอให้เหลือเลเยอร์เดียว ทำให้มีสีสันและภาพคมชัดขึ้นมากกว่าเดิม และยังเคลือบสารกันแสงสะท้อนมาให้ ทำให้มองเห็นหน้าจอชัดขึ้นตอนใช้งานกลางแจ้ง ยิ่งบวกกับหน้าจอ Retina ยิ่งคมชัดมากขึ้น และรุ่นนี้ได้เพิ่ม Touch ID สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคตัสเครื่องและดาวน์โหลดแอพมาให้ด้วย ตัวเครื่องของ iPad Air 2 ยังคงขึ้นรูปจากอะลูมิเนียมชิ้นเดียวแบบ Unibody อยู่ ให้ความรู้สึกเรียบหรู ไร้รอยต่อและรุ่นนี้มีสีทองเพิ่มเข้ามาให้เลือกใช้งานกันอีกด้วย
iPad Air 2 มาพร้อมกับขุมพลังใหม่ ชิปประมวลผล A8X แบบ 64 บิต และโปรเซสเซอร์ร่วม M8 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหว ซึ่งทำงานได้เร็วกว่า iPad Air ที่ใช้ชิพ A7 ถึง 40% รันระบบปฏิบัติการ iOS 8.1.2 เวอร์ชั่นล่าสุดของ Apple พร้อมใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Apple Health, Widget และ Metal เทคโนโลยีใหม่บน iOS 8 ที่จะดึงประสิทธิภาพด้านกราฟิกของชิพ A8X ออกมาได้เต็มที่ ทำให้การเล่นเกมลื่นไหลและภาพกราฟิกที่คมชัดและสวยงามขึ้น และชิพประมวลผล A8X ยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ให้ใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 10 ชั่วโมง สำหรับ iPad Air 2 มีหน่วยความจำให้เลือก 3 รุ่นเช่นเคย ได้แก่ 16, 64 และ 128GB
Physical Overview
Apple iPad Air 2 มาพร้อมกับหน้าจอภาพแบบ Full Lamination ขนาดใหญ่ 9.7 นิ้ว ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล ที่ 264 ppi เคลือบสารกันรอยนิ้วมือและกันแสงสะท้อนสำหรับเวลาใช้งานกลางแจ้ง มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
ใต้หน้าจอแสดงผลมีปุ่มTouch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคหรือซื้อแอพ ซึ่งใช้ร่วมกับปุ่ม Home
ย้ายมาดูที่ด้านขวาของ iPad Air 2 สำหรับรุ่นนี้ Apple ได้ตัดปุ่ม Silent ออก และแทนที่ด้วยไมโครโฟน ถัดลงจะพบกับปุ่มปรับระดับเสียงสนทนา
ถัดลงมาจะเป็นช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM ซึ่งต้องใช้เข็มจิ้มถาดซิมออกมาก่อนถึงจะสามารถใส่ซิมการ์ดได้
ขึ้นมาดูที่ด้านบนของ iPad Air 2 จะพบกับช่องต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และแถบพลาสติกยาวซึ่งทำหน้าที่เป็นเสาอากาศสำหรับการใช้งานเชื่อมต่อ 3G หรือ 4G และอีกด้านจะเป็นปุ่มล็อคและปลดล็อคตัวเครื่องซึ่งปุ่มนี้จะใช้ร่วมกับปุ่ม Power
ลงมาดูด้านล่างกันต่อ จะมีพอร์ต Lighthing สำหรับเสียบสายชาร์จหรือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ วางอยู่ตรงกลางระหว่างลำโพงสเตอริโอ
พลิกมาดูด้านหลังจะพบกับกล้องถ่ายภาพความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เลนส์ 5 ชิ้น รูรับแสง f/2.4 มีรูไมโครโฟนสำหรับบันทึกวิดีโอวางอยู่ข้างๆ ตรงกลางมีโลโก้ของ Apple วางอยู่เช่นเคย เนื่องจากตัวเครื่องเป็น Unibody จึงไม่สามารถถอดฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
8 Mega Pixel iSight Camera
iPad Air 2 มาพร้อมกับกล้อง iSight ตัวใหม่ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ออโตโฟกัส ชุดเลนส์ 5 ชิ้น รูรับแสงกว้าง f/2.4 เก็บภาพที่ความละเอียด 3264 x 2448 พิกเซล ในเรื่องการจับโฟกัส Apple ทำได้ดีมาทุกรุ่นจั้งแต่ iPhone แล้ว และ iPad Air 2 นี้ก็ถ่ายรูปได้ง่าย เพียงแค่เปิดกล้องระบบออโตโฟกัสก็จะทำการจับโฟกัสให้ทันที หรือหากไม่พอใจก็สามารถแตะเพื่อทำการโฟกัสจามจุดที่ต้องการได้ และสามารถปรับ f-stop ได้ 4 ระดับด้วยการแตะที่ไอคอนรูปแสงสว่าง จากนั้นเลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงเพื่อปรับ และยังมี HDR มาให้ใช้งานสำหรับถ่ายในที่แสงน้อย, Panorama ความละเอียดสูง 43 ล้านพิกเซล, ถ่ายภาพต่อเนื่อง 10 ภาพต่อวินาที, ตั้งเวลาถ่ายภาพ สำหรับการบันทึกวิดีโอจะบันทึกที่ความละเอียด Full HD 1080p มีโหมด Slo-Mo ถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่นที่ 120fps ด้วยความละเอียด 720p สามารถเลือกช่วงโสว์โมชั่นได้ภายหลังได้ และยังมีโหมด Time-Lapse เร่งความเร็วให้กับวิดีโอ แค่เลือกโหมดนี้และบันทึกวิดีโอระบบก็จะทำวิดีโอเร่งความเร็วงให้เอง iPad Air 2 มีกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอที่ระดับ HD 720p พร้อมไมโครโฟนคู่ ช่วยในการลดเสียงรบกวนรอบข้าง และจะสลับไมค์อัตโนมัติเมื่อเปลี่ยนสลับกล้องหลังและกล้องหน้า
Entertainment
iPad Air 2 ถูกสร้างมาเพื่อเน้นการใช้งานด้านความบันเทิงเป็นหลักอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง, ฟังเพลง ก็สามารถใช้งานผ่านหน้าจอ Retina ที่มีความคมชัดของภาพสูง และลำโพงสเตอริโอที่ให้เสียงระดับคุณภาพ โดยจะใช้แอพหลักที่ให้มาในเครื่อง Music และ Videos โดยจะต้องทำการซิงค์เพลงและหนังจาก iTunes บนคอมพิวเตอร์ หรือจะซื้อเพลงและหนังจาก iTunes Store จาก iPad Air 2 ก็ได้ หรือจะอ่านหนังสือผ่านแอพ iBooks ก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังมีแอrด้านความบันเทิง iMovie, Garage Band และด้านการทำงาน Pages, Keynote และ Numbers ให้ดาวน์โหลดฟรีสำหรับผู้ใช้งาน iPad Air 2 ด้วย
Connectivity
ใส่ซิมการ์ดแบบ Nano-SIM เพื่อใช้งาน 4G LTE คลื่นความถี่ 700/800/850/900/1800/1900/2100/2600 MHZ และ 3G ที่คลื่นความถี่ 850/900/1700/1900/2100 MHz ซึ่งสามารถใช้งานด้านข้อมูลได้อย่างเดียว ไม่สามารถใช้โทรผ่านเครือข่ายได้ หากต้องการโทรจะต้องใช้งาน Facetime แบบเสียงและแบบวิดีโอคอลล์ หรือจะโทรผ่านแอปพลิเคชั่นอื่นๆแทน นอกจากนี้ยังรอบรับการเชื่อมต่อมาตรฐานอย่าง Wi-Fi, Bluetooth 4.0 มี A-GPS และ Glonass สำหรับการระบุพิกัดในแผนที่ สามารถใช้งานเป็น Wi-Fi Hotspot แชร์สัญญาณอินเตอร์เน็ทจาก iPad Air 2 ไปยังอุปกรณ์อื่นๆที่รองรับการใช้งาน Wi-Fi ได้
Final Opinion & Conclusion
iPad Air 2 เป็นแท็บเล็ตที่มีน้ำหนักเบาและบาง สะดวกในการพกพา และถือใช้งานได้นาน หน้าจอคมชัดขึ้นเพราะจอแบบ Full Lamination พร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อน ทำให้ใช้งานตามสถานที่ได้ครอบคลุมมากขึ้น กล้องที่ให้มาก็เป็นกล้อง iSight แบบใหม่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับลูกเล่นที่เหมือนใน iPhone 6 น่าเสียดายที่ไม่มีไฟแฟลชมาให้ ใช้ชิปประมวลผล A8X ตัวใหม่แรงกว่า iPad Air รุ่นก่อน หากคุณกำลังที่สนใจจะมองหาแท็บเล็ต iPad อยู่แล้วล่ะก็ iPad Air 2 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะหน้าจอใหญ่ แต่กลับมีน้ำหนักเบา และหน่วยความจำแบบ 64GB ดูจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด หากเป็น 16GB อาจจะไม่เพียงพอสำหรับยุคสมัยแอพพลิเคชั่นที่มีขนาดเพิ่มขึ้นในทุกวันนี้ และเป็นรุ่น Wi-Fi + Cellular สามารถใส่ซิมการ์ดแล้วเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจากเครือข่าย ทำให้เราพก iPad Air 2 ออกไปใช้งานข้างนอกได้ด้วย
Strength
– หน้าจอ Retina แบบ Full Lamination ให้ความคมชัดมากขึ้น
– ระบบปฏิบัติการ iOS 8.1.2 พร้อมใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ
– กล้อง iSight ตัวใหม่ ความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านพิกเซล ออโตโฟกัส
– บันทึกวิดีโอที่ระดับ Full HD 1080p มีลูกเล่น Time-Lapse, Slo-Mo
– ชิปประมวลผลตัวใหม่ A8X และโปรเซลเซอร์ร่วม M8 สำหรับประมวลด้านการเคลื่อนไหว
– น้ำหนักเบาเพียง 444 กรัม และบางเพียง 6.1 มิลลิเมตร
– ลำโพงสเตอริโอ
– Touch ID สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคและดาวน์โหลดแอป
Weakness
– น่าเสียดายไม่มีไฟแฟลช LED มาให้
– เพิ่มหน่วยความจำไม่ได้
– ตัวเครื่องบางมาก อาจจะงอได้ง่าย หากไม่ระวังในการใช้งาน
รูปตัวเครื่อง iPad Air 2
รูปหน้าจอ iPad Air 2
ข้อมูลทั่วไป |
ราคา 16 GB-21,400/64 GB-24,4900/128 GB-28,800 บาท |
ขนาด, น้ำหนัก | 240 x 169.5 x 6.1 มิลลิเมตร, 444 กรัม |
ระบบ | GSM 850/900/1800/1900MHz HSPA 850/900/1700/1900/2100 MHzLTE 700/800/850/900/1800/1900/2100/2600 MHZ |
แบตเตอรี่ | Li-Polymer 7,340 mAh |
หน่วยความจำภายใน | 16/64/128 GB, RAM 2 GB |
หน่วยความจำภายนอก | ไม่รองรับ |
ระยะเวลาสแตนด์บาย | – |
ระยะเวลาสนทนา | ท่องเว็บผ่าน Wi-Fi ดูวิดีโอ หรือฟังเพลงได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง |
สมุดโทรศัพท์ | |
หน่วยความจำ | ไม่จำกัดจำนวน |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 8.1.2 |
หน่วยประมวลผล | Apple A8X แบบ 64 bit, M8 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหว |
จอแสดงผล | |
ขนาด | 2048 x 1536 พิกเซล (ขนาด 9.7 นิ้ว) 264 ppi |
ชนิดและจำนวนสี | LED-backlit IPS, Capacitive touch screen, 16.7 ล้านสี |
ข้อความ | |
ระบบสะกดคำอัตโนมัติ | ไทย, อังกฤษ |
MMS | ไม่รองรับ |
รองรับ | |
เสียง | |
ชนิด | Polyphonic, M4A |
การใช้คำสั่งเสียง | มี |
การโทรออกด้วยเสียง | มี |
แฮนด์ฟรี | มี |
มัลติมีเดีย | |
กล้องดิจิตอล | มี (8 ล้านพิกเซล, ออโต้โฟกัส, รูรับแสง f/2.4, ชุดเลนส์ห้าชิ้น, กล้องหน้า 1.2 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.4) |
กล้องวิดีโอ | มี (Full HD 1080p, กล้องหน้า HD 720p) |
วิทยุ FM | ไม่มี |
เครื่องเล่นเพลง MP3 | มี |
เครื่องเล่นวิดีโอ | มี |
จาวา (JAVA) | ไม่รองรับ |
การเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูล | |
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก | Bluetooth 4.0, Lighthing, Wi-Fi |
3G | HSDPA สูงสุด 42.2 Mbps |
4G LTE | DL สูงสุด 150 Mbps |
อื่นๆ | iCloud Drive, Touch ID, บันทึกวิดีโอ Slo-Mo, บันทึกวิดีโอ TIME-LAPSE |