Apple iPhone 5s
เดินทางมาถึงรุ่นที่ 7 แล้ว สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากค่าย Apple ที่มีชื่อว่า iPhone 5s ซึ่งมาพร้อมดีไซน์เรียบหรู มีรูปร่างหน้าตาและการจัดวางพอร์ตเชื่อมต่อ รวมไปถึงปุ่มกดทั้งหลายที่ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง iPhone 5 สักเท่าไหร่นัก แต่ถึงกระนั้นเจ้า iPhone 5s ก็ได้เปิดตัวสีใหม่อย่างสีทองแชมเปญโกลด์ออกมา แถมยังเป็นสีที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามด้วยยอดจองถล่มทลาย จนประสบกับภาวะของขาดตลาดในหลายๆ ประเทศ (รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย) โดยหน้าจอของ iPhone 5s ยังคงเป็นหน้าจอ Retina ขนาด 4 นิ้ว ที่แม้ว่าจะยังไม่อัดความละเอียดให้ถึงระดับ Full HD แต่หน้าจอก็ยังคงแสดงผลได้อย่างคมชัดเนียนตาด้วยค่าความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลที่ 326 ppi
อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับ iPhone 5s ก็คือปุ่ม Home ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับใช้งาน Touch ID เพื่อปลดล็อคหน้าจอได้แบบเก๋ๆ เพียงแค่สัมผัสนิ้วที่ทำการเก็บค่าเอาไว้บนปุ่ม Home นั่นเอง นอกจากนี้ระบบ Touch ID ยังทำหน้าที่ยืนยันตัวตนในการซื้อสินค้าผ่าน iTunes, iBooks และ App Store นอกจากนี้ iPhone 5s ยังได้รับการอัพเกรดหน่วยประมวลผลโดยใช้ CPU ที่มีสถาปัตยกรรมแบบ 64 bit เหมือนกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยให้ประมวลผลได้เร็วขึ้น แต่ในในระยะแรกแอพฯ บางตัวอาจจะยังใช้งานได้ไม่เต็มที่นัก ต้องรอให้นักพัฒนาแอพฯ เปลี่ยนซอฟท์แวร์ที่เขียนขึ้นมาเพื่อนรันบน CPU 32 bit เป็น 64 bit โดยชิพประมวลผลของ iPhone 5s เป็นรุ่น A7 ที่มีความเร็ว 1.3 GHz แบบ Dual-core มีการ์ดจอ PowerVR G6430 เสริมด้วยชิพโมชั่น M7 สำหรับตรวจจับความเคลื่อนไหวเพื่อลดภาระในการประมวลผลเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ CPU ตัวหลัก โดยใช้งานร่วมกับแอพฯ ประเภทออกกำลังกายก็จะได้ข้อมูลการเคลื่อนไหวที่ละเอียดขึ้น
Physical Overview
iPhone 5s มาพร้อมหน้าจอ Retina Display ขนาด 4 นิ้ว ประกบด้วยกระจกหน้าจอกันรอยอย่าง Gorilla Glass เจ้าเก่า พร้อมเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือที่หน้าจอ ด้านบนยังคงมีช่องลำโพงสนทนา และกล้อง Face Time ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล จัดวางอยู่ตรงกลางเหมือนกับ iPhone 5 ส่วนจุดสีดำเล็กๆ ด้านซ้ายของลำโพงก็คือตำแหน่งของ Proximity Sensor หรือเซ็นเซอร์วัดระยะห่าง สำหรับฟังก์ชั่นการปิดหน้าจอโดยอัตโนมัติเมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูนั่นเอง
ด้านล่างของหน้าจอยังคงเป็นตำแหน่งของปุ่ม Home ที่คุ้นเคย แต่ใน iPhone 5s นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาของปุ่ม Home เล็กน้อย โดยตัวปุ่มจะเป็นกระจกวงกลมเรียบๆ ล้อมกรอบด้วยอลูมิเนียมสีเดียวกับขอบตัวเครื่อง อีกทั้งยังฝังเซ็นเซอร์สำหรับใช้งานฟีเจอร์ใหม่อย่าง Touch ID หรือการปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือนั่นเอง
ที่รอบๆ ตัวเครื่องคือขอบอลูมิเนียมซึ่งฝังเสารับสัญญาณต่างๆ เอาไว้ เช่นเดียวกับรุ่นก่อนๆ โดยที่ด้านขวาจะเป็นตำแหน่งของถาดใส่ nano SIM ที่ต้องใช้งานร่วมกับคู่หูอย่างเข็มจิ้มถาดซิมซึ่งแถมมาให้ในกล่อง แต่ในกรณีฉุกเฉินเชื่อว่าเหล่าผู้ใช้งาน iPhone เกือบทุกท่านคงผ่านการเปิดถาดซิมด้วยคลิปหนีบกระดาษกันมาบ้างล่ะ
ย้ายมาดูที่ฝั่งซ้ายของ iPhone 5s จะพบกับสวิตช์เปิด-ปิดเสียง ถัดลงมาคือปุ่ม Volume +/- สำหรับปรับเพิ่ม/ลดเสียง นอกจากนี้ยังมีขีดเสาสัญญาณฝังอยู่ที่ขอบด้านบน และด้านล่าง เหมือนกับฝั่งขวาของตัวเครื่อง
สำหรับด้านบนของ iPhone 5s นั้นค่อนข้างโล่ง จะมีก็เพียงปุ่ม Power, Sleep/ Awake จัดวางอยู่ เอาไว้สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง และเปิด-ปิด หน้าจอ
ด้านล่างของ iPhone 5s มีช่องลำโพงที่ด้านขวา ถัดมาที่ตรงกลางคือพอร์ต Lightning สำหรับเสียบสายชาร์จ และสาย USB เพื่อโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ส่วนด้านซ้ายที่เจาะรูเป็นตะแกรงลักษณะเหมือนกับช่องลำโพงแท้จริงแล้วคือช่องไมโครโฟนสำหรับสนทนา ปิดท้ายที่มุมซ้ายสุดจะเป็นตำแหน่งของช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
พลิกมาที่ด้านหลังจะพบกับกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และแฟลช LED สองดวง ซึ่งในรอบนี้จะเป็นแบบ True Tone แฟลช โดยที่แฟลชดวงแรกจะส่องแสงสว่างสีขาวตามปกติ ส่วนอีกดวงจะส่องแสงในโทนสีอุ่นออกมา สำหรับเครื่องทดสอบนี้จะมีฝาหลังสีทองซึ่งเป็นสีใหม่ล่าสุด
8 MegaPixel iSight Camera
กล้องถ่ายภาพของ iPhone 5s หรือที่ Apple เรียกว่า iSight นั้นยังคงมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล แต่ได้มีการเพิ่มขนาดของเซ็นเซอร์ให้ใหญ่ขึ้น สามารถรับแสงได้มากขึ้นถึง 33% และมีรูรับแสงที่กว้างยิ่งขึ้นด้วยค่า f2.2 อีกทั้ง Apple ยังเคลมว่าสามารถจับโฟกัสได้รวดเร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังมี TrueTone Flash แฟลชแบบใหม่ที่ช่วยให้สีผิว หรือสีวัตถุในภาพถ่ายที่เปิดแฟลชดูไม่จ้าจนเกินไป ในส่วนของแอพกล้องยังคงเรียบง่าย มีเพียงโหมด HDR, Panorama และเปิดตารางจัดองค์ประกอบภาพให้เลือกเพียงเท่านั้น ซึ่งจากการทดสอบก็ต้องยอมรับว่า iPhone 5s ยังคงตอบโจทย์การถ่ายภาพแบบอัตโนมัติได้อย่างน่าพอใจ สามารถได้ภาพสวยๆ เพียงแค่หยิบกล้องมาถ่ายโดยไม่ต้องตั้งค่าให้วุ่นวาย นอกจากนี้ฟังก์ชั่นที่เพิ่มมาใน iOS 7 ก็เป็นเพียงแค่ส่วนของการตกแต่งสีสันของภาพด้วย Filter และการเลือกสัดส่วนของภาพให้ถ่ายมาเป็นสี่เหลี่ยมเพื่อนำไปแชร์ใน Instagram ได้ทันที สำหรับการถ่ายวิดีโอจะทำได้ที่ความละเอียด Full HD 1080p และรองรับการถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่น 120 เฟรมต่อวินาที ที่ความละเอียด HD 720p
iOS 7
ในส่วนของ iOS7 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ที่มาพร้อมกับ iPhone 5s นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตา UI ทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการ iOS ทั้ง 6 เวอร์ชั่นก่อนหน้า โดย Apple ได้เลือกใช้บริการของ Jonathan Ive ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์เจ๋งๆ มากมายให้กับ Apple มากุมบังเหียนดูแลการดีไซน์หน้าตาและรูปแบบการใช้งานของ iOS ตัวล่าสุด ซึ่งหน้าตา UI ของ iOS 7 นั้นจะออกมาในแนวเรียบง่าย เน้นกราฟิกแบบ 2 มิติ ด้วยไอคอนแบบ Flat ตามแนวทางการออกแบบของ Ive แถมยังโดดเด่นด้วยสีสันที่สดใส (ซึ่งหลายคนชอบ และมีอีกหลายคนที่ไม่ชอบสีลูกกวาดแนวนี้) แต่ในเรื่องของรูปแบบการใช้งานยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของ iOS ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายไม่ซับซ้อน พร้อมเพิ่มเติมฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ให้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Control Center ซึ่งรวมทางลัดสำหรับเปิด-ปิดการเชื่อมต่อต่างๆ และเข้าสู่แอพฯ เครื่องมือที่เราใช้งานบ่อยๆ โดยสามารถเข้าใช้งานได้ง่ายๆ เพียงแค่ตวัดนิ้วจากขอบล่างหน้าจอขึ้นมา, Notification Center ศูนย์รวมทุกการแจ้งเตือน, Air Drop โยนไฟล์ต่างๆ ไปยัง iPhone หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้งาน iOS 7 ได้รวดเร็วด้วย Wi-Fi และ Bluetooth ฯลฯ
Connectivity
ในเรื่องของการเชื่อมต่อ iPhone 5s ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทั้งการเชื่อมต่อผ่าน 3G ทุกคลื่นทุกเครือข่าย และรองรับการเชื่อมต่อ 4G บนเครือข่ายของ True move H ซึ่งจริงๆ แล้วตัว iPhone 5s นั้นรองรับการใช้งานคลื่นความถี่ต่างๆ ได้ทั่วโลก นอกจากนี้ในส่วนของ Wi-Fi, Bluetooth และตัวรับสัญญาณ GPS ก็ยังคงมีให้ใช้งานอย่างครบครัน จะขาดไปก็เพียงแค่ NFC ที่ Apple ยังใจแข็ง ไม่ยอมใส่มาให้ใช้งานกันบน iDevice ทั้งหลายสักที
Final Opinion & Conclusion
ถ้าไม่นับไปถึงเรื่องของ iOS 7 ที่ iPhone รุ่นเก่าๆ ตั้งแต่ iPhone 4 ขึ้นไปยังสามารถอัพเดทกันได้อยู่ (แต่ถ้าอัพแล้วยังพอใช้งานได้ลื่นไหลคงจะมีแค่ iPhone 5) โดยมาว่ากันที่เรื่องของ iPhone 5s ล้วนๆ ก็ต้องถือว่ามันยังมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ต่างจาก iPhone 5 มากนัก ในเรื่องของ CPU 64 bit ก็ยังคงต้องให้เวลานักพัฒนาแอพฯ ได้ปรับตัวกันสักพัก ส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดใน iPhone 5s ก็คงจะเป็น Touch ID ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการใช้งานอื่นๆ ยังคงใช้งานได้ดีตามมาตรฐานของ iPhone ไม่ว่าจะเป็นความลื่นไหลในการใช้งาน รวมไปถึงกล้อง iSight ที่ถ่ายง่ายแต่ได้ภาพสวย ทำให้ใครที่ยังถือ iPhone 5 อยู่ในมือ และไม่ได้ต้องการปลดล็อคหน้าจอแบบเท่ๆ ด้วยระบบสแกนนิ้วมือ อีกทั้งยังไม่ได้หลงใหลในสีใหม่อย่างสีทอง ก็คงไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนมาเป็น iPhone 5s ขนาดนั้น แต่ลองได้เป็นสาวก Apple แล้วเชื่อเถอะว่ายังไงมันก็ยากที่จะอดใจไหว อิอิ 🙂
Strength
– หน้าจอ Retina ขนาด 4 นิ้ว
– ระบบปฏิบัติการ iOS 7 รุ่นล่าสุด
– ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์เรียบหรูติดอันดับต้นๆ ของตลาด
– CPU 64 bit แบบ Dual-core ความเร็ว 1.3 GHz
– ระบบปลดล็อค, ซื้อแอพฯ, ซื้อเพลง ด้วยการสแกนลายนิ้วมือ (TouchID)
– มีหน่วยความจำภายในให้เลือกสูงสุด 64 GB
– กล้อง 8 ล้านพิกเซลระบบออโต้โฟกัส, f2.2, True Tone Flash
– ถ่ายวิดีโอ Full HD 1080p, ถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่น
– รองรับ 3G ทุกเครือข่าย และรองรับ 4G LTE
Weakness
– แอพฯ บางตัวยังใช้งานบน CPU 64 bit ได้ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก (รอการอัพเดทแอพฯ)
– ราคาสูงกว่ารุ่นท็อปจากค่ายอื่นๆ ในตลาดพอสมควร
– ยังคงไม่รองรับ NFC
– แบตเตอรี่ความจุน้อยไปหน่อย
รูปตัวเครื่อง Apple iPhone 5s
รูปหน้าจอ Apple iPhone 5s