ห่างหายไปนานสำหรับสมาร์ทโฟนสเปคสุดคุ้มจากเอซุส ในที่สุดได้เปิดตัวออกมาให้ทุกท่านได้สัมผัสกันซึ่งคราวนี้ก็เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นที่สี่ หรือ ASUS Zenfone 4 Series โดยในบทความนี้ผมจะรีวิวรุ่นระดับกลางที่นอกจากสเปคจะมีความน่าสนใจแล้ว ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสูง และมีฟีเจอร์จ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นได้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก ASUS Zenfone 4 Max (ZC520KL) นั่นเอง
ASUS Zenfone 4 Max
ตัวเครื่องนั้นถึงจะมีหน้าจอและแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างใหญ่ๆมาก แต่รูปร่างและน้ำหนักโดยรวมแล้วไม่หนักเท่าที่คิดเอาไว้ พร้อมกับรูปลักษณ์ทรงโลหะผิวด้านโค้งคลุมรอบตัวเครื่องตามสมัยนิยม นอกจากนี้ ASUS Zenfone 4 Max (ZC520KL) มีตัวเครื่องขนาดพอๆกับกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป โดยจะมีความหนากว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีให้เลือกทั้งสีดำ สีทอง และสีชมพูแวววาว โดยวัสดุและการประกอบตัวเครื่องถือว่าคุณภาพดีทีเดียว
ASUS Zenfone 4 Max (ZC520KL) ไม่ได้ใหญ่แค่แบตเตอรี่นะ หน้าจอแสดงผลก็ขนาดใหญ่ใช้ได้เลยเพราะมาพร้อมหน้าจอ 5.2 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD (720 x 1280 พิกเซล) การแสดงผลอยู่ในระดับใช้ได้ แต่ที่น่าสนใจคือจอสู้แสงได้ดีเลย ด้านอินเตอร์เฟซเมนูเหมือนจะเป็นเวอร์ชั่นเดิม ASUS ZenUI 3.0 เพราะฉะนั้นใครที่เคยใช้สมาร์ทโฟนเอซุสมาก่อนสบายใจได้ ใช้ง่ายแน่นอน
ASUS Zenfone 4 Max (ZC520KL) มาพร้อมหน่วยประมวลผลทั้งชิพเซต Qualcomm Snapdragon 425 Quad-core 1.4GHz ร่วมกับ RAM 3GB และพื้นที่ภายในเครื่อง (ROM) 32GB (ใช้งานได้จริงประมาณ 22GB) นอกจากนี้ยังมีช่องใส่การ์ดแบบ 3-Slot ใส่ครบๆทั้งสองซิมและการ์ด microSD ด้านระบบปฏิบัติการเป็นแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 7.0 (Nougat) ถึงจะไม่ได้เวอร์ชั่นใหม่ แต่รองรับว่าอนาคตได้อัพเดตต่อ Android 8.0 พร้อมกับ ZenUI 4.0 แน่นอน เอซุสคอนเฟิร์ม
การใช้งานทั่วไปถือว่าทำได้ไหลลื่นดีมาก ต้องขอบคุณอานิสงค์จากแรมที่มีความจุค่อนข้างสูง เปิดหลายแอพได้ไม่หน่วง พร้อมฟีเจอร์เปิดสองแอพในหน้าจอเดียวก็ทำได้ การเล่นเกมนั้นถือว่าเล่นได้ในระดับทั่วไป ซึ่งใครที่จพนำมาเล่นเกมหนักๆ กินสเปสคูงจะไม่แนะนำเท่าไหร่ แต่เท่าที่ลองเกมส์ขวัญใจมหาชนอย่าง RoV นั้นถือว่าลื่นไหลจนน่าตกใจอยู่ เพราะ FPS ที่ได้อยู่ในช่วง 20-30 พร้อมเปิดกราฟฟิคสูงสุดแล้ว ใครที่จะซื้อมาเล่น RoV ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆตัวนึง มีฟีเจอร์อัดวิดีโอและปรัปรุงประสิทธิภาพตอนเล่นเกมส์ติดมาให้ด้วย
แบตเตอรี่นั้นจะไม่พูดถึงก็ไม่ได้ เพราะเป็นจุดขายหลักของรุ่นนี้เลย ที่มาพร้อมความจุสูงถึง 4,100 มิลลิแอมป์ บอกเลยว่าเท่าที่ลองนั้นใช้งานได้เต็มวันแน่นอน (ถ้าเล่นเกมส์ตลอดอาจจะลดไว้นิดนึง) พร้อมฟีเจอร์จ่ายไฟให้อุปกณ์ได้เหมือนพาวเวอร์แบงก์ สามารถยืดอายุแบตมือถือเพื่อนๆได้ยามคับขัน แถมยังเอาใจใส่ในความปลอดภัยด้วยแอพพลิเคชั่น Power Master ที่คอยดูแลและจัดการพลังงานของมือถือ พร้อมโหมดพิเศษที่ยืดอายุการใช้งานได้ 2 เท่าอีกด้วย
กล้องถ่ายภาพในตัว ASUS Zenfone 4 Max (ZC520KL) ก็น่าสนใจ เริ่มด้วยกล้องหลังคู่ความละเอียด 13 และ 5 ล้านพิกเซล โดยตัว 13 ล้านพิกเซลจะเป็นเลนส์ปกติ ส่วน 5 ล้านพิกเซลเป็นเลนส์ไวด์มุมมอง 120 องศา ซึ่งในแอพกล้องก็จะมีฟังก์ชั่นให้เลือกครบครัน และสามารถเปลี่ยนเลนส์กล้องไปมาระหว่างทั้งสองเลนส์ได้ พร้อมชูโรงด้วยโหมดถ่ายบุคคลตามสไตล์กล้องคู่ แต่เป็นการประมวลผลเบลอด้วยซอฟต์แวร์ล้วนๆ และจุดสังเกตุก็คือการถ่ายเบลอจะถ่ายก็ต่อเมื่อกล้องตรวจจับใบหน้าคน สัตว์ สิ่งของ(ที่มีลักษณะเป็นใบหน้า)ได้เท่านั้น
ด้านกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลนั้นมีไฟแฟลชแถมมาด้วย จะเซลฟี่แสงน้อยก็ทำได้ แถมยังถ่ายโหมดภาพบุคคลได้ด้วยนะ และนอกจากนี้ยังมีแอพแยกเสริมเอาใจสาวๆหรือผู้ที่ต้องการโหมดหน้าใสด้วยแอพพลิเคชั่น Selfie Master ที่มีฟีเจอร์อัพหรือไลฟ์วิดีโอหน้าสวยลงโซเชียลได้ด้วย
คุณภาพของภาพถ่ายที่ออกมาถือว่าทำได้ดีในสภาวะแสงที่เพียงพอ แต่ถ้าต้องการถ่ายกลางคืนจริงๆ อาจจะต้องพิจารณาดูว่าภาพที่ได้โอเครึเปล่า เพราะภาพถ่ายจะมีสัญญาณจุดสีรบกวน (Noise) พอสมควรเลยล่ะ
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ASUS Zenfone 4 Max (ZC520KL) ก็มาครบจากแอพพลิเคชั่นของ Google และ ASUS เอง ทั้งแผนที่นำทางจาก Google Maps, การเชื่อมต่อที่รองรับทั้ง 4G LTE, 3G, Wi-Fi, รวมถึงการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบนาโนซิม และสามารถใส่ microSD พร้อมกันได้ในถาดเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีแอพพลิเคชั่นจาก ASUS ที่อำนวยความสะดวกอีกมากมายซึ่งสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานผ่าน Googe Play ได้เลย
Final Opinion & Conclusion
เท่าที่ใช้งานมาแล้วนั้นขอบอกเลยว่า ASUS Zenfone 4 Max (ZC520KL) เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นการใช้งานทั่วไป เน้นการถ่ายภาพและการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งรุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ไปเต็มๆ แถมยังมีจุดเด่นเพิ่มเติมทั้งสเปคที่จัดเต็มด้วยแรมขนาด 3GB เล่น RoV ลื่น หรือใครชอบไลฟ์วิดีโอลงโซเชียลหรืออัดวิดีโอในโหมดหน้าสวย ด้วยราคาไม่เกิน 6,000 บาท ขอบอกได้เลยว่าหาคู่แข่งกินยากมากๆ เลยล่ะ
Physical Overview
มีกล้องหน้าตัวใหญ่ 8 ล้านพิกเซลบริเวณเหนือขอบจอ พร้อมลำโพง เซ็นเซอร์และไฟแฟลช
ช่องใส่ microSD และซิมการ์ดสองซิมที่ขอบตัวเครื่องด้านซ้ายพร้อมไมโครโฟนตัดเสียง
ปุ่มวอลลุ่ม ปุ่มพาวเวอร์ที่ด้านขวา
ด้านบนมีช่องหูฟังอย่างเดียว
ด้านล่างมีพอร์ต microUSB ลำโพงมัลติมีเดียและไมโครโฟนอีกตัว
กล้องหลังคู่ 13+5 ล้านพิกเซลและไฟแฟลชบริเวณด้านหลัง
หน้าจอ
หน้าจอหลัก
หน้ารวมเมนู
แอนดรอยด์ 7.0
RAM 3 GB
ROM 32 GB
แอพพลิเคชั่น Power Master
แอพกล้องโหมด Pro
โหมดกล้องหลัง
ทดสอบเล่นเกม RoV
On Focus
- รองรับการอัดวิดีโอในโหมดหน้าสวย พร้อมไลฟ์ลงโซเชียล
- แบตเตอรี่ขนาด 4,100 มิลลิแอมป์พร้อมฟีเจอร์จ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นๆได้ผ่าน USB-OTG
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก ASUS Zenfone 4 Max
Strength
- ชิพประมวลผล Qualcomm Snapdragon 425 Quad-core 1.4GHz
- ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 0 (Nougat) พร้อม ZenUI 3 / รองรับอัพเดต Android 8.0 พร้อม ZenUI 4 ในอนาคต
- พื้นที่ตัวเครื่อง (ROM) 32GB / RAM 3GB / เพิ่ม microSD ได้
- กล้องถ่ายภาพด้านหลังแบบคู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซลและ 5 ล้านพิกเซล
- รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบนาโนซิมและใส่ microSD ได้พร้อมกัน
- รองรับการอัดวิดีโอในโหมดหน้าสวย พร้อมไลฟ์ลงโซเชียล
- แบตเตอรี่ขนาด 4,100 มิลลิแอมป์พร้อมฟีเจอร์จ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นๆได้ผ่าน USB-OTG
ข้อมูลทั่วไป
ขนาด, น้ำหนัก | 150.5 x 73.3 x 8.73 มิลลิเมตร, 156 กรัม |
SIM Card | Nano SIM+Nano SIM |
แบตเตอรี่ | Li-Polymer 4,100 mAh |
เครือข่าย
เครือข่าย 2G | 850 / 900 / 1800 / 1900 MHz |
เครือข่าย 3G | 850 / 900 / 2100 MHz |
เครือข่าย 2G | 800 / 850 / 900 / 1800 / 2100 / 2300 / 2600 MHz |
หน่วยความจำ
หน่วยความจำภายใน | 32 GB / RAM 3 GB |
หน่วยความจำภายนอก | microSD สูงสุด 256 GB |
จอแสดงผล
ขนาด | 5.2 นิ้ว |
ความละเอียดและความหนาแน่น | 720 x 1280 พิกเซล (282 PPI) |
ชนิดและจำนวนสี | IPS LCD 16 ล้านสี |
ระบบ
หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) | Qualcomm MSM8917 Snapdragon 425 Quad-core 1.4 GHz |
หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) | Adreno 308 |
ระบบปฏิบัติการและอินเทอร์เฟซ | Android 7.0 (Nougat) ครอบด้วย ASUS ZenUI 4.0 |
การเชื่อมต่อ
Wi-Fi | รองรับ Wi-Fi Hotspot, Wi-Fi Direct |
Bluetooth | รองรับ |
NFC | รองรับ |
USB | microUSB 2.0, USB OTG สามารถจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นๆได้ |
ระบบระบุตำแหน่ง (GPS) | รองรับ (A-GPS) |
มัลติมีเดีย
กล้องถ่ายภาพนิ่ง | |
ความละเอียด | 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช / 13 ล้านพิกเซล (เลนส์ปกติ) + 5 ล้านพิกเซล (เลนส์มุมกว้าง 120 องศา) พร้อมไฟแฟลช |
คุณสมบัติ | ปรับค่าชดเชยแสง / ปรับอัตราส่วนภาพ / เอชดีอาร์ / โหมดถ่ายภาพบุคคล / ตั้งเวลาถ่ายภาพ / โหมดมืออาชีพ / โหมดหน้าสวย / โหมดขยายขนาดภาพ / โหมด GIF / พาโนรามา / Time-Lapse / เพิ่มลายน้ำ |
กล้องวิดีโอ | |
ความละเอียด | 1920 x 1080 (FHD) |
วิทยุ | ไม่มี |
อื่นๆ | ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ 3-Slot
ระบบสแกนลายนิ้วมือ |
ราคา 5,990 บาท
เนื้อข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> Asus Zenfone 4 ได้รับอัพเดทเป็น Android 8.0 Oreo <<
> มาแล้วพรีวิว Asus Zenfone Max Plus ก่อนใคร เปิดจองเพียง 5,870 บาท <<