อีกหนึ่งแก็ดเจ็ตสั่นสะเทือนวงการส่งท้ายปลายปี กับ DJI Osmo Pocket แอคชั่นคาเมร่าระดับ 4K ที่มาพร้อมกับกิมบอล จอแสดงผลแบบสัมผัส และมือจับในตัว ในขนาดเล็กกะทัดรัดระดับจับใส่กระเป๋ากางเกงได้สบายๆ งานนี้ใครที่กำลังจะซื้อกล้องวิดีโอตัวจิ๋วอาจต้องมีชะงักกันบ้าง เพราะเจ้า Osmo Pocket นี่คือซื้อ 1 แล้วได้ครบทั้งไม้กันสั่นและกล้อง หรือจะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนอื่นๆ ก็ทำได้ ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์อื่นๆ ให้เมื่อยและแบกกันหนักๆ อีกต่อไป แต่การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ทางเราก็ไปทดสอบมาให้คุณได้อ่านกันแล้ว
Action Camera+Gimbal ขนาดย่อส่วน
หลายคนน่าจะเคยเห็นภาพ OSMO หรือ Osmo Mobile ที่นำสมาร์ทโฟนใส่เข้าไปแท่นหนีบแล้วถ่ายวิดีโอได้แบบนิ่งสนิทแทบไม่สั่นไหวเลย สำหรับใครที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะใช้สมาร์ทโฟน แอคชั่นแคมใส่ไม้กันสั่น หรือ Osmo รุ่นปกติถ่ายวิดีโอดีนะ เพราะแต่ละอย่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ซึ่ง Osmo Pocket เข้ามาลบจุดด้อยเกือบทั้งหมด ทั้งขนาดตัวเครื่องรวมกล้องและกิมบอลที่มีขนาดเล็กมากๆ น้ำหนักเบาเพียง 116 กรัม พกพาได้ ถือถ่ายในมือเดียว มีหน้าจอแสดงผลในตัว (แม้จะมีขนาดเล็กจิ๋วก็ตาม แต่ก็มีวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ที่จะกล่าวถึงต่อไป) แต่นั่นทำให้ Osmo Pocket ไม่มีคุณสมบัติกันน้ำแต่อย่างใด ถ้าใครยังเน้นกิจกรรมทางน้ำเป็นหลัก Osmo Pocket อาจยังไม่ใช่คำตอบ
ความละเอียดภาพนิ่ง 4000 x 3000 พิกเซล ส่วนความละเอียดวิดีโอ รองรับทั้ง Full HD และ 4K ในตัว
ถัดจากส่วนของกล้องและข้อต่อกิมบอล ก็คือหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสได้ เพื่อการสั่งงานหลักๆ แพนกล้องไปมา และโฟกัสภาพ รวมทั้งเมนู แกลอรี่แสดงภาพและเมนูตั้งค่าไว้ทั้งหมด ถัดลงมาคือพอร์ตเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน (มีอแดปเตอร์ Lightning และ USB-Type C แถมมาให้ในกล่อง) ไฟแจ้งเตือนสถานะ ช่องไมโครโฟน ปุ่มจุดแดงทางซ้ายคือปุ่มกดอัดวิดีโอและชัตเตอร์ภาพนิ่ง และปุ่มฟังก์ชั่นข้างๆ คือปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
เมื่อหันมาด้านข้างจะพบกับช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดแบบกดเพื่อให้การ์ดเข้าไปหรือเด้งออกมาเวลาถอดออก ซึ่งจุดนี้ไม่มีฝาปิดมาให้แต่อย่างใด
ชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB Type-C ใช้สายชาร์จมือถือทั่วไปก็ชาร์จได้ แถมยังชาร์จเร็วใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนนึงน่าจะมาจากแบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ 875 มิลลิแอมป์ในตัว
เริ่มต้นการใช้งาน
การใช้งาน DJI Osmo Pocket จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือการใช้งานออสโมแบบเดี่ยวๆ และการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน เมื่อเปิดเครื่องแล้ว สามารถเลือกเมนูและการตั้งค่าต่างๆ ได้จากขอบหน้าจอทั้งซ้าย ขวา บน ล่าง
เมื่อปัดหน้าจอจากทางขวา จะเป็นโหมดถ่ายภาพ 5 โหมดหลักๆ ทั้งภาพนิ่ง วิดีโอ สโลว์โมชั่น TimeLapse และพาโนรามา
เมนูเมื่อปัดจอจากด้านล่าง มีทั้ง Recenter ปรับให้เลนส์กล้องกลับมาอยู่ในทิศทางปกติ Flip พลิกเลนส์เพื่อเซลฟี่ได้ Slow/Fast Follow สำหรับเวลาถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวหรือเวลาที่ต้องวิ่งถ่ายแบบเร็วๆ และปุ่มสำหรับล็อค/ปลดล้อคก้านกิมบอล
เมื่อปัดจอด้านซ้าย จะเป็นหน้ารวมทั้งรูปภาพและวิดีโอที่ถ่ายไว้ทั้งหมดเพียงเลื่อนขึ้น-ลง หากเลื่อนทางซ้ายอีกรอบจะเป็นการเลือกกด favourite หรือ delete ลบรูป
แสดงข้อมูลต่างๆ เพียงเลื่อนหน้าจอจากด้านบน
ปรับความสว่างของหน้าจอได้ 3 ระดับ เพียงแตะหน้าจอ
เลือกสัดส่วนของภาพนิ่งก็ทำได้ที่ตรงนี้เลย
เสียบมือถือได้แบบไม่ต้องใช้สาย
หากใครที่คิดว่าหน้าจอของ Osmo Pocket เล็กจิ๋วจนใช้งานไม่ถนัดตาเอาเสียเลย ยิ่งคนมือใหญ่นิ้วใหญ่นี้ แพนกล้องนิดเดียวนิ้วก็บังจอหมดแล้ว ซึ่งมีวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ได้ด้วยการเสียบเครื่องเข้ากับสมาร์ทโฟนเสียเลย! แต่ก่อนจะทำการใดๆ แนะนำให้ดาวน์โหลด DJI Mimo ลงสมาร์ทโฟนเสียก่อน เพราะนี่เป็นตัวเชื่อมต่อหลักเข้ากับ Osmo Pocket รวมถึงทำหน้าที่ตัดต่อคลิปวิดีโอจาก Osmo Pocket แบบง่ายๆ ทั้งตัดวิดีโอ ใส่ข้อความ ธีมสีและเพลงได้ จากนั้นให้นำไปเสียบใช้งานร่วมกับอแดปเตอร์ Lightning ของไอโฟนและ USB Type-C (ในการรีวิวครั้งนี้ ใช้งานร่วมกับ Sasmung Galaxy Note9)
จากนั้นให้ทำการเชื่อมต่อ ซึ่งอันนี้ให้เลือกเมนูแรก Smartphone Adapter
หน้าจอใช้งานบนสมาร์ทโฟนก็ดูดีทีเดียว บอกข้อมูลละเอียดยิบทั้งชนิดไฟล์รูปและวิดีโอ แบตเตอรี่ของ Osmo Pocket จำนวนรูปที่ยังถ่ายได้ (หากอยู่ในโหมดวิดีโอจะเป็นจำนวนนาที) ส่วนด้านล่างมีปุ่ม Flip, Recenter ปุ่มชัตเตอร์ โหมดการใช้งานและส่วนแกลอรี่เพื่อดูภาพและวิดีโอ และยังสามารถแพนกล้องได้จากหน้าจอสมาร์ทโฟนได้เลย
ตัวอย่างการปรับค่าต่างๆ เมื่ออยู่ในโหมดวิดีโอ
ตั้งค่าไอเอสโอ สปีดชัตเตอร์และ EV ได้ทั้งแบบออโต้และแมนนวล
รองรับทั้ง Full HD และ 4K รวมถึงเฟรมเรตและคุณภาพวิดีโอ
ไปจนถึงการตั้งค่าอื่นๆ ระดับละเอียด
ส่วนการตั้งค่าภาพนิ่งก็คล้ายๆ กับการถ่ายวิดีโอ ทั้งขนาดภาพ สัดส่วนภาพและอื่นๆ
และฟีเจอร์พิเศษที่มีใน Osmo Pocket รุ่นนี้ก็คือ หากลากนิ้วให้ขึ้นกรอบสีเขียวในทิศทางที่ต้องการ กล้องจะหันไปจุดที่เราลากกรอบไว้ทันที หากใครที่ไม่ถนัดแพนกล้องหรือคิดว่าการแพนกล้องตามทิศทางเป็นเรื่องชักช้า ก็สามารถใช้วิธีนี้เพื่อหันกล้องไปมาอย่างรวดเร็วได้ อย่างเช่นตัวอย่างภาพบนที่กล้องแหงนขึ้น แต่เมื่อลากกรอบสีเขียวปุ๊บ กล้องก็แพนลงมาทันที
สามารถดึงไฟล์ภาพและวิดีโอลงสมาร์ทโฟนผ่านอแดปเตอร์ได้เลย
ตัวอย่างวิดีโอ Full HD 60fps ของ DJI Osmo Pocket เทียบกับ GoPro Hero 7 Black
ตัวอย่างวิดีโอ 4K 30fps ของ DJI Osmo Pocket เทียบกับ GoPro Hero 7 Black
ตัวอย่างวิดีโอ 4K 60fps ของ DJI Osmo Pocket เทียบกับ GoPro Hero 7 Black
ตัวอย่างภาพนิ่งจาก DJI Osmo Pocket
สรุปและความเห็นจากวอทโฟน
ถ้าคุณกำลังมองหากล้องตัวเดียวเพื่อพาไปเที่ยวแบบครบๆ จบในเครื่องเดียว ไม่ต้องซื้อไม้กันสั่น ไม้เซลฟี่ กิมบอลใดๆ DJI Osmo Mobile นี่แหละ ตัวเลือกใหม่ที่ใช่สุดๆ ด้วยขนาดที่เล็กกว่ากล้องคอมแพ็คบางรุ่นหรือมือถือบางรุ่นด้วยซ้ำ แต่สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างสนุกสนานแบบไม่ต้องกลัวภาพสั่นไหว แม้จะเป็นรุ่นแรกที่หลายคนอาจคิดว่า นี่เป็นรุ่นหนูทดลองเพื่อโยนหินถามทางสำรวจตลาดและคนซื้อหรือเปล่า แต่ว่านี่ก็เป็นกล้องตัวเก่งที่เพียบพร้อม เข้าได้กับไลฟ์สไตล์ การใช้งานส่วนใหญ่จำพวกถ่ายวิดีโอพร้อมตัดต่อเร็วๆ แน่นอน ส่วนราคา 13,500 บาทนั้นจะได้สิ่งที่คุ้มค่าสำหรับคุณหรือไม่ แนะนำให้ไปลองเล่นลองจับกันก่อน หรือใครจะซื้อก็สามารถซื้อได้แล้วตามร้านแก็ดเจ็ตชั้นนำ หรือไปดูที่ลิงค์นี้ได้เลยจ้า
ขอขอบคุณร้าน lnwgadget ที่เอื้อเฟื้อเครื่องในการทดสอบ
