หลังจากที่ปล่อยไปแล้ว 2 รุ่น ก็พัฒนามาถึง Fitbit Versa 3 ที่ได้เพิ่มความสามารถต่างๆ เข้าไปหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาครับสัญญาณ GPS ในตัว รองรับ Google Assistant, ปรับเปลี่ยนปุ่มด้านข้างเป็นปุ่มแบบสัมผัส และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีก มาดูกันว่ารุ่นนี้จะมีอะไรเพิ่มเติม แตกต่างจากรุ่นก่อนยังไงบ้าง
แกะกล่องลองเล่น Fitbit Versa 3
กล่องของ Versa 3 รุ่นนี้มีขนาดเล็กลง แต่หนากว่ารุ่นก่อนพอสมควรภายในกล่องก็มีอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ครบเช่นเคย
- Fitbit Versa 3 สี Soft Gold
- สายนาฬิกาสี Midnight ขนาด S และ L
- สายชาร์จแบตเตอรี่
- เอกสาร คู่มือการใช้งาน
ดูจากภายนอกแล้ว Versa 3 ดูเหมือนกับ Versa 2 มาก จะต่างกันก็ตรงปุ่มกดด้านข้างที่รุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้เป็นปุ่มแบบสัมผัสแทน ตัวเรือนเป็นอลูมิเนียมสี Soft Gold หรือสีทองอ่อน ดูสวยงามมากเมื่อตัดกับสายสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งทาง Fitbit เรียกสีนี้ว่าสี Midnight
หน้าจอแสดผลแบบสัมผัสขนาด 1.5 นิ้ว เป็นจอภาพแบบ OLED ที่แสดงสีสันได้สวยงาม สามารถแตะสั่งงาน หรือแตะค้างเพื่อเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้
ด้านหลังของตัวเรือนเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ เป็นเซ็นเซอร์แบบ Optical มีไฟ LED สีเขียวตรวจจับเมื่อสวมใส่กับข้อมือ และยังเป็นหน้าสัมผัสสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ด้วย นอกจากนี้เรายังสังเกตเห็นสัญลักษณ์ไอคอนเล็กๆ 3 ไอคอน นั่นก็คือไมโครโฟน, GPS และสัญลักษณ์กันน้ำลึกถึง 50 เมตรอยู่ด้วย
การชาร์จแบตเตอรี่ก็ทำได้ง่ายกว่ารุ่นก่อน เพียงแค่นำแป้นชาร์จมาทาบไว้ที่ด้านหลังของนาฬิกา หากถูกด้าน แม่เหล็กจะดูดติดกันพร้อมชาร์จแบตเตอรีทันที แต่หากผิดด้าน แม่เหล็กจะผลักออกเพื่อไม่ให้ชาร์จผิดด้าน
ที่ด้านหลังยังมีสลักปลดล็อคสายนาฬิกาแบบใหม่ ต่างจากรุ่นเก่าตรงที่เป็นสลักแบบเข็มที่ถอดเปลี่ยนได้ยากกว่ารุ่นนี้
ด้านข้างซ้ายมีปุ่มแบบสัมผัส ซึ่งจะต้องออกแรงกดเล็กน้อยจึงจะทำงาน ป้องกันการกดเผลอแบบไม่ได้ตั้งใจ ใกล้ๆ กันยังมีช่องไมโครโฟนสำหรับรับคำสั่งเสียง และใช้สนทนาโทรศัพท์ด้วย ส่วนด้านข้างขวาเป็นช่องลำโพงของตัวเครื่อง
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยแอพฯ Fitbit
ก่อนอื่นจำเป็นต้องดาวน์โหลดแอพฯ Fitbit ที่สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งจาก App Store ของ iOS และ Play Store ของ Android เมื่อดาวน์โหลดมาแล้วให้ทำการเสียบสายชาร์จเพื่อเริ่มต้นการตั้งค่าเชื่อมต่อ จากนั้นทำการขั้นตอนบนหน้าจอ อาจจะต้องมีการอัพเดทซอฟท์แวร์บนสมาร์ทวอช ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที จากนั้นก็สามารถใช้งานได้ทันที
ตัวแอพฯ สามารถดูข้อมูลต่างๆ อย่างละเอียดที่ Fitbit Versa 3 เก็บมาได้ ไม่ว่าจะเป็นก้าวเดิน, แคลอรี่ที่เผาผลาญ, อัตราการเต้นของหัวใจ, การนอนหลับ เป็นต้น โดยตัวแอพฯ จะแสดงผลเป็นตัวเลข และกราฟอย่างละเอียด ช่วยให้เรานำข้อมูลมาวิเคราะห์ได้ เช่นการเดินในแต่ละวัน หากเห็นว่าที่ผ่านมาเดินน้อยไป เราสามารถปรับพฤติกรรมในแต่ละวันให้เดินมากขึ้น หรือหากนอนน้อยไปก็ปรับพฤติกรรมให้นอนเร็วขึ้น เป็นต้น
ตัวอย่างข้อมูลการนอนหลับ พร้อมระบบการให้คะแนน Sleeping Score ตรวจวัดการนอน และข้อมูลเชิงลึก บ่งบอกระดับการนอนแต่ละระดับทั้ง หลับลึก หลับไม่สนิท และช่วงหลับฝัน ทำให้ผู้ใช้สามารถประเมินคุณภาพการนอนได้ทุกเช้าหลังตื่นนอน พร้อมวัดค่า SpO2 หรือวัดค่าระดับออกซิเจนในเลือด
โหมดการออกกำลังกายให้เลือก 20 แบบ ระบบ GPS ในตัว พร้อมกันน้ำ กันเหงื่อมาตรฐาน IP68
มาถึงรุ่นนี้ก็อัพเกรดให้มีภาครับสัญญาณดาวเทียม GPS ในตัวแล้ว สามารถใส่ Versa 3 ไปออกกำลังกายนอกบ้านได้โดยไม่จะเป็นต้องพกสมาร์ทโฟนไปด้วย และยังสามารถดาวน์โหลดเพลงเก็บไว้ในหน่วยความจำขนาด 2.5 GB เพื่อฟังเพลงผ่านบลูทูธได้อีกด้วย ในด้านการออกกำลังกายก็มีให้เลือกประเภทของการออกกำลังกายถึง 20 แบบ ไม่ว่าจะป็นการเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, โยคะ, ตีกอล์ฟ เป็นต้น สามารถดูข้อมูลได้อย่างละเอียด ทั้งระยะทาง ความเร็ว เส้นทาง สำหรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจก็มาพร้อมเทคโนโลยี Pure Pulse 2.0 ที่สามารถวัดได้แม่นยำกว่าเดิม และนอกจากนี้ยังสามารถบอกเป็น Heart rate zone ได้ 4 ระดับ
- Below zones คือโซนที่อัตราการเต้นของหัวใจที่ยังไม่มีผลต่อการเผาผลาญไขมัน ในโซนนี้เหมาะกับการวอร์มอัพร่างกายก่อนออกกำลังกาย
- Fat burn คือโซนอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมสำหรับการเผาผลาญไขมัน อีกทั้งยังเป็นโซนที่หัวใจไม่เต้นเร็วเกินไป
- Cardio คือโซนอัตราการเต้นของหัวใจที่ร่างกายเริ่มนำคาร์โบไฮเดรทไปใช้ และยังช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดมากขึ้น ช่วยลดการอุดตันของไขมันเส้นเลือด
- Peak คือโซนที่อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในระดับสูงสุด หากอยู่ในโซนนี้เป็นเวลานานอาจจะเป็นอันตรายต่อหัวใจได้
ปรับเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้ง่ายๆ หลากหลายรูปแบบ
แอพฯ Fitbit ยังสามารถปรับเปลี่ยน และดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกา หรือที่เรียกว่า Clocks Faces มีให้เลือกมากมายกว่าพันแบบ และยังมีให้เลือกดาวน์โหลดแบบฟรีๆ และแบบเสียเงินซื้อ เลือกเปลี่ยนได้ไม่ซ้ำแบบในแต่ละวัน
และนอกจากนี้ตัวนาฬิกายังมีฟีเจอร์ Always on display เป็นหน้าจอแสดงผลแบบติดตลอด ทำให้สมาร์ทวอชดูเหมือนกับนาฬิกาทั่วไปที่สามารถดูเวลาได้ตลอด ไม่ต้องกดปุ่ม แต่การใช้งานจะลดลงเนื่องจากฟีเจอร์นี้จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ค่อนข้างมาก สามารถใช้งานได้ 3-4 วัน ซึ่งหากปิดฟีเจอร์นี้จะสามารถใช้งานได้ประมาณ 7-10 วัน
รับสาย และคุยโทรศัพท์ได้ พร้อมผู้ช่วย Google Assistant และ Alexa
ถือเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ทาง Fitbit อัพเดทให้กับ Versa3 จากเดิมที่สามารถกดรับสายได้ แต่ต้องไปคุยที่สมาร์ทโฟน แต่เวอร์ชั่นนี้อัพเดทเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2563 สามารถกดรับสายพร้อมทั้งคุยโทรศัพท์ผ่านสมาร์ทวอชได้ทันที ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ทาง Fitbit อัพเดทให้ผู้ใช้ได้ใช้งาน ช่วยเพิ่มความสะดวกในการขับรถ หรือในขณะที่มือยังไม่ว่างถือโทรศัพท์
นอกจากนี้ยังรองรับผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Google Assistant และ Alexa ซึ่งจากการทดสอบใช้งานยังไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศไทย อาจจะต้องรออัพเดทกันอีกครั้ง
บทสรุปการใช้งาน Fitbit Versa 3 จากความเห็นของ What Phone
ถือเป็นการพัฒนาผสมผสานระหว่างสมาร์ทวอชอัจฉริยะ และดีไซน์ที่สวยงาม รองรับการใช้งานที่ครบครันทั้งการออกกำลังกาย และระบบการเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง ปรับเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้ตามความต้องการ และเวอร์ชั่นใหม่ยังสามารถคุยโทรศัพท์ได้จากตัวสมาร์ทวอชโดยตรง ถือว่าทำได้สะดวกมากๆ แต่ยังมีข้อที่ต้องสังเกตตรงที่ยังไม่รองรับการแจ้งเตือนที่เป็นภาษาไทย อาจจะต้องรออัพเดทเวอร์ชั่นต่อไป (อัพเดทภาษาไทยแล้วใน Fitbit OS เวอร์ชั่น 5.2) หากรองรับจะถือว่าเป็นสมาร์ทวอชที่ครบเครื่องครบครันมากทีเดียว สำหรับราคาวางจำหน่ายของรุ่นนี้จะอยู่ที่ 9,190 บาท อาจจะดูราคาสูงไปนิดนึง แต่จากประสบการณ์การใช้ Fitbit มาหลายรุ่นพบว่าระบบการเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลทั้งการเดิน การนอนของ Fitbit ถือว่าละเอียดที่สุด เข้าใจง่ายที่สุดแล้ว ถ้าอยากได้สมาร์ทวอช หรือสมาร์ทแทร็คเกอร์ระดับพรีเมี่ยม รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยทีเดียว
สรุปสเป็ค และจุดเด่น
- หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 1.5 นิ้ว จอภาพแบบ OLED
- แบตเตอรี่ Li-Po ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุด 6 วัน
- ภาครับสัญญาณ GPS + GLONASS ในตัว
- เทคโนโลยี PurePulse 2.0 ระบบวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- มีไมโครโฟนในตัว สามารถโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ได้
- รองรับคำสั่งเสียง Google Assistant และ Amazon Alexa Built-in
- มีระบบสั่นแจ้งเตือนในตัว
- มี NFC ในตัว รองรับการจ่ายเงินผ่าน Fitbit Pay
- หน่วยความจำสำหรับเก็บไฟล์เพลงขนาด 2.5 GB
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 และ WiFi 2.4 GHz
- กันน้ำ กันเหงื่อมาตรฐาน IP68 กันน้ำลึก 50 เมตร
- รองรับ iOS 12.2 ขึ้นไป และ Android 7.0 ขึ้นไป
- ราคาวางจำหน่าย 9,190 บาท