ถ้าหากดูภาพรวมสมาร์ทวอชของ Garmin จะมีหลายรุ่นหลายซีรี่ย์ แต่ละรุ่นก็มีให้เลือกตามการใช้งานที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับซีรี่ย์ Venu จะเป็นสมาร์ทวอชที่ใช้งานได้ในทุกวัน มีดีไซน์ที่เรียบง่าย ซึ่งตอนนี้มาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว มีการปรับปรุงในเรื่องของการใช้งานต่างๆ มากมาย ส่วนการใช้งานจะมีอะไรให้เราได้ใช้งานบ้างนั้น เรามาแกะกล่องดูกันเลยครับ
แกะกล่องลองเล่น Garmin Venu 3
เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- Garmin Venu 3 ขนาด 45 มม. สี Black
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- คู่มือการใช้งาน
- สติ๊กเกอร์
Garmin Venu 3 ดีไซน์เรียบง่าย น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย
Garmin Venu 3 สีดำที่เราได้มาทดสอบเป็นสมาร์ทวอชแบบ Diary Use ที่สามารถใช้งานได้ในทุกๆ วัน มีดีไซน์ที่เรียบง่าย เข้ากันได้กับการแต่งกายทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะชุดทำงาน หรือชุดไปเที่ยว สวมใส่ได้ทุกโอกาส มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์จากรุ่นก่อนเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วยังคล้ายเดิม วัสดุที่ใช้ก็มีความแข็งแรง โดยหน้าจอใช้วัสดุกระจก Corning® Gorilla® Glass 3 แบบเดียวกับที่ใช้ในกระจกสมาร์ทโฟน ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี ตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีล มีความแข็งแรง ทนทาน แต่มีน้ำหนักเบา สายนาฬิกาใช้วัสดุเป็นซิลิโคน น้ำหนักเบา มีความนุ่มนวล ไม่ระคายผิวหนัง วัสดุโดยที่นำมาใช้ล้วนมีน้ำหนักเบา ทำให้นาฬิกามีน้ำหนักเพียง 47 กรัมเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสีขาว Whitestone ให้เลือกอีกด้วย
จอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 1.4 นิ้ว เป็นจอภาพแบบ AMOLED ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ให้ความละเอียด และสีสันสวยงามสมจริง จอแสดงผลแบบ AMOLED ยังมีคุณสมบัติเปร่งแสงเฉพาะพิกเซลได้ จึงรองรับการแสดงผลแบบ Always on Display ที่ใช้พลังงานต่ำ สามารถเปิดแสดงผลได้ตลอดเวลา จึงดูเหมือนนาฬิกาจริงๆ หน้าจอไม่ดำมืดเหมือนสมาร์ทวอชรุ่นอื่นๆ สามารถดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกาเพิ่มเติมได้ผ่านแอปฯ Connect IQ ทำให้ปรับเปลี่ยนหน้าจอทุกๆ วันได้ไม่จำเจ
ตัวเรือนด้านข้างตัวเครื่องทำจากสแตนเลนสตีล ให้ความแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา และที่ด้านข้างขวาของตัวเรือนมีปุ่มมาให้ 3 ปุ่ม ทำหน้าที่ต่างๆ ดังนี้
- ปุ่มบน ทำหน้าที่เปิดเครื่อง และเข้าสู่เมนูการใช้งานต่างๆ หากกดค้างจะเข้าสู่เมนูการควบคุม อย่างเช่นล็อคหน้าจอ, ปรับระดับเสียง, ปรับความสว่างหน้าจอ เป็นต้น
- ปุ่มกลาง ทำหน้าที่เข้าสู่เมนูที่เข้าล่าสุด (Recent app) และหากกดค้างจะเข้าสู่เมนูคำสั่งเสียง
- ปุ่มล่าง ทำหน้าที่เป็นปุ่มย้อนกลับ (Back) หากกดค้างจะเข้าเมนูการต้ังค่าต่างๆ ของนาฬิกา
ด้านข้างซ้ายมีลำโพงสำหรับส่งเสียงเตือนต่างๆ อย่างเช่นการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน, การแจ้งเตือนขณะออกกำลังกาย และยังทำหน้าที่เป็นลำโพงสำหรับสนทนาโทรศัพท์เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ให้เสียงที่ดัง คมชัด มีเสียงใสดีทีเดียว
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับชีพจรแบบออฟติอลด้วย LED ที่มากถึง 6 ดวง หากเป็นการวัดในการเก็บข้อมูลสุขภาพตลอดวันจะเปล่งแสงเพียง 2 ดวงเพื่อประหยัดพลังงาน แต่เมื่ออยู่ในโหมดออกกำลังกายจะเปล่งแสงทั้งหมด 6 ดวงเพื่อให้มีความแม่นยำในการตรวจวัดที่มากขึ้น
ไฟ LED สีเขียวสำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และหากเปล่งแสงสีแดงจะเป็นการตรวจจับออกซิเจนในเลือด นอกจากนี้ยังมีพอร์ตสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ด้วย โดยสายชาร์จเป็นแบบ Universal Charging Cable ที่เป็นมาตรฐานของทาง Garmin เอง แต่สายชาร์จของรุ่นนี้ได้ปรับเปลี่ยนพอร์ตจาก USB-A มาเป็น USB-C หากมีอแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ก็สามารถนำมาใช้ได้ หรือหากไม่มีก็สามารถชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ของคอมพิวเตอร์ได้เช่นกัน
สายนาฬิกาใช้วัสดุเป็นซิลิโคนผิวเรียบ มีความนุ่ม ไม่อมความชื้น ทำให้ไม่ระคายผิวหนังจากการใส่ทั้งวัน หรือขณะออกกำลังกาย สายนาฬิกาเป็นแบบ Quick Release สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย เพียงแค่กดสลักที่อยู่ด้านหลังออกก็ถอดเปลี่ยนได้ทันที
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนง่ายๆ ด้วยแอปฯ Garmin Connect
ในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็รองรับทั้งสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android และ iOS สามารถดาวน์โหลดแอปฯ Garmin Connect ได้ทั้งจาก Play Store ของ Android และ AppStore ของ iOS เมื่อติดตั้งแอพฯ เรียบร้อยแล้วก็ทำการเชื่อมต่อตามขั้นตอนที่อธิบายบนหน้าจอไม่กี่ขั้นตอนก็พร้อมใช้งาน
เมื่อทำการเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว สามารถตั้งค่าต่างๆ ที่อยู่บนนาฬิกา และซิงค์ข้อมูลจากนาฬิกาเพื่อดูข้อมูลสุขภาพแบบละเอียดได้บนหน้าจอสมาร์ทโฟน มีการแสดงผลแบบกราฟที่ดูเข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการเดิน การนอน การออกกำลังกาย แคลอรี่ที่เผาผลาญ อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด นอกจากนี้ยังมี Challenge ต่างๆ และหน้า Feed การออกกำลังกายของเพื่อนๆ ที่เป็นเหมือนโซเชียลมีเดียในการออกกำลังกายโดยเฉพาะ
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ปรับเปลี่ยนหน้าปัดด้วยแอปฯ Garmin Connect IQ
อีกแอปฯ ที่เราแนะนำให้ดาวน์โหลดเพิ่มคือ Garmin Connect IQ ที่สามารถดาวน์โหลดหนัาปัดนาฬิกาใหม่ๆ ได้ มีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ ทั้งนาฬิกาแบบดิจิตอล หรือแบบเข็ม มีทั้งแบบฟรี และแบบเสียตังค์ซื้อ นอกจากนี้ยังสามารถนำภาพส่วนตัวมาใช้เป็นหน้าปัดได้อีกด้วย
รองรับการออกกำลังกายกายแจ้ง และในร่ม 30 โหมด
ในการออกกำลังกาย Venu 3 ก็มีให้เลือกทั้งกีฬากลางแจ้ง และกีฬาในร่มกว่า 30 แบบ ไม่ว่าจะเป็นเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, โยคะ, ตีกอล์ฟ, ไต่เขา, กรรเชียงบก ฯลฯ ตัวเครื่องยังมีภาครับสัญญาณ GPS ในตัว ช่วยในการติดตามเส้นทาง ความเร็ว ความสูงในการออกกำลังกาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องพกสมาร์ทโฟนไปด้วยในกรณีที่ออกกำลังกายอยู่ใกล้ๆ บ้าน แต่หากต้องไปทำกิจกรรมไกลๆ กลางป่าเขาก็ควรจะพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปในกรณีที่ต้องการติดต่อขอความช่วยเหลือ
จากการทดสอบนำไปวิ่งกลางแจ้ง สามารถตรวจจับ GPS ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งแทร็คเส้นทางการออกกำลังกายได้อย่างแม่นยำ โดยทุกๆ 1 กิโลเมตรจะมีเสียงพูดคอยบอกเป็นระยะๆ ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องยกนาฬิกาขึ้นมามองบ่อยๆ นอกจากนี้ยังบอกโซนอัตราการเต้นของหัวใจได้ค่อนข้างแม่นยำ ช่วยให้ผู้ออกกำลังกายไม่หักโหมจนเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายจากอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วกินไป และเมื่อออกกำลังกายเสร็จก็จะมีสรุปค่าต่างๆ พร้อมทั้งระยะเวลาการฟื้นตัว (Recovery) ให้เราได้ทราบอีกด้วย
เก็บข้อมูลด้านสุขภาพ ติดตามความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชม. แม้กระทั่งนอนหลับ
Garmin Venu 3 รุ่นนี้สามารถเก็บข้อมูลการเคลื่อนที่ของเราตั้งแต่ตื่น ไปจนกระทั่งนอนหลับได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน, การนอน, อัตราการเต้นของหัวใจ, ระดับออกซิเจนในเลือด (Pulse OX), ความเครียด เป็นต้น สามารถเปิดดูข้อมูลแบบคร่าวๆ ได้จากบนหน้าจอสมาร์ทวอช หรือหากต้องการดูแบบละเอียดก็สามารถเปิดสมาร์ทโฟนดูได้จากแอปฯ Garmin Connect ก็ได้เช่นกัน มีข้อมูลต่างๆ ที่เก็บมาได้ที่จะบันทึกให้เราเลือกดูเป็นรายชั่วโมง รายวัน รายเดือน รายสัปดาห์ หรือเป็นรายปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามการผลักเพื่อเคลื่อนที่ด้วยโหมดวีลแชร์และ กิจกรรมการออกกำลังกายสำหรับผู้ใช้งานวีลแชร์ และอื่นๆ ด้วย
ให้คุณทราบระดับพลังงานของร่างกายแต่ละวันด้วย Body Battery
ฟีเจอร์ Body Battery ถือเป็นฟีเจอร์หนึ่งเดียวที่มีเฉพาะในสมาร์ทวอช Garmin เท่านั้น เป็นการวัดระดับพลังงานในร่างกายในแต่ละวัน โดยเราสามารถชาร์จ Body Battery ได้จากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อตื่นนอนขึ้นมาก็จะมี Body Battery เต็ม 100% แต่หากนอนน้อยเกินไป Body Battery ก็อาจจะไม่เต็ม 100% ก็เป็นได้ สำหรับปัจจัยที่ทำให้ Body Battery ลดลงในระหว่างวันก็มีหลายอย่าง โดยปกติแล้วจะมาจากการใช้พลังงานในชีวิตประจำวันอย่างเช่นการเดิน การวิ่ง ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่มีส่วนในทำให้ Body Battery ลดลงนั่นก็คือความเครียด และการออกกำลังกายที่จะส่งผลให้ Body Battery ลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็สามารถเพิ่มได้ด้วยการงีบหลับระหว่างวัน หรือการทำจิตใจให้สงบก็จะช่วยให้ระดับพลังงานในร่างกายลดช้าลงได้
รับสายโทรศัพท์ ตอบกลับข้อความง่ายๆ พร้อมการแจ้งเตือนภาษาไทย รองรับ Garmin Pay
Garmin Venu3 มีลำโพง และไมโครโฟนในตัว สามารถรับสายได้จากสมาร์ทโฟนได้ผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธ ใช้งานสะดวกในขณะที่มือไม่ว่างอย่างเช่นตอน ทำงาน หรือขับรถอยู่ก็สามารถกดรับสายเพื่อเปิดลำโพงคุยผ่านสมาร์ทวอชได้ทันที ส่วนการแจ้งเตือนอื่นๆ ก็รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ สามารถเลือกการแจ้งเตือนเฉพาะแอพฯ ที่ต้องการได้ หรือหากไม่ต้องการการแจ้งเตือนก็สามารถเปิดโหมดห้ามรบกวนเพื่อไม่ให้สมาร์ทวอชแจ้งเตือนได้ นอกจากนี้ยังรองรับ Garmin Pay โดยผูกกับบัตร Rabbit เพื่อใช้จ่ายตามร้านค้า หรือขึ้นรถไฟฟ้าก็ได้เช่นกัน
ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 14 วัน
สำหรับสมาร์ทวอชที่ใช้หน้าจอแบบ AMOLED ทั่วไปจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ค่อนข้างสูง ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว แต่สำหรับรุ่นนี้สามารถใช้งานได้นานถึง 14 วันจากการใช้งานปกติ จากการทดสอบใช้งานปกติ แต่เปิดวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือดตลอด 24 ชั่วโมง แบตเตอรี่จะลดไปเพียงวันละประมาณ 10% เท่านั้น คำนวนแล้วจะใช้งานได้ประมาณ 10 วัน และหากเปิด Always on Display หรือหน้าจอแบบติดตลอดจะใช้แบตเตอรี่ประมาณวันละ 30 % หรือประมาณ 3 วัน ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจมากทีเดียว
สรุปการใช้งาน Garmin Venu 3 จากความเห็นของ What Phone
หลังจากที่เราได้มาทดสอบใช้งานจริงประมาณ 5 วันถือว่าเป็นสมาร์ทวอชที่ทำให้เราประทับใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลที่มีสีสันสวยงาม ดีไซน์เรียบหรู น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ไม่อึดอัดแม้กระทั่งใส่นอนตลอดเวลา มีระบบการเก็บข้อมูลการออกกำลังกาย การเคลื่อนไหวอย่างละเอียดตลอด 24 ชั่วโมง ใช้งานได้หลายวันโดยไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ สำหรับราคาเปิดตัวอยู่ที่ 15,990 บาท อาจจะมีราคาสูงไปสักหน่อย แต่ถ้าเทียบกับ Garmin รุ่นใหญ่ ก็ถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อเก็บข้อมูลสุขภาพ และฟังก์ชั่นการออกกำลังกายก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว