GEEKOM IT8 SE คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงสามารถย่อส่วนให้มีขนาดเล็กมากๆ ช่วยให้ประหยัดพื้นที่บนโต๊ะทำงานได้ อีกทั้งยังสามารถติดที่ด้านหลังจอมอนิเตอร์ที่รองรับ VESA Mount ได้ด้วยอุปกรณ์ที่มีครบมาให้ในกล่อง ซื้อเครื่องเดียวจบด้วยสเป็คที่พร้อมใช้งาน ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro ในตัวด้วย แต่หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าแบรนด์ GEEKOM นี้มาจากประเทศไหน เชื่อถือได้หรือเปล่า เรามาดูประวัติแบรนด์นี้กัน
GEEKOM เป็นแบรนด์ IT จากประเทศไต้หวันที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ระดับโลก หลายๆ แบรนด์ก็มาจากประเทศนี้เช่นเดียวกัน สำหรับแบรนด์ GEEKOM ก่อตั้งมานานถึง 20 ปี และในเดือนตุลาคมนี้ทาง GEEKOM ก็พึ่งจะฉลองครบรอบ 20 ปีพอดี ถือเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาค่อนข้างนาน และเป็นที่เชื่อถือได้จากชื่อเสียงที่มีมาอย่างยาวนาน และตอนนี้ GEEKOM ก็เข้ามาทำตลาดในไทยได้สักระยะแล้ว สามารถหาซื้อได้ทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ
แกะกล่องใช้งาน GEEKOM IT8 SE
กล่องของรุ่น IT8 SE มีขนาดเล็กกะทัดรัด ที่หน้ากล่องมีระบุความเป็น Mini PC อยู่หน้ากล่อง ที่ด้านข้างกล่องยังมีโลโก้ Intel Core i3 8th Gen พร้อมชิป Intel IRIS Plus Graphic ที่ช่วยในการประมวลผลภาพ 3D ส่วนด้านหลังกล่องก็มีระบุสเป็คคร่าวๆ อย่าง Intel Core i3-8109U หน่วยความจำ RAM DDR4 8GB และ SSD ความจุ 256 GB และเมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- GEEKOM IT8 SE Mini PC
- อแดปเตอร์ 65 วัตต์
- สาย HDMI
- อุปกรณ์ติดตั้ง VESA Mount พร้อมน็อตสำหรับติดตั้ง
- การ์ดแสดงความขอบคุณ
- คู่มือการติดตั้ง และการใช้งาน
เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบกับ Mini PC ที่มีโฟมรอบด้านกันกระแทกไว้เป็นอย่างดี ตัว Mini PC ยังมีการห่อหุ้มพลาสติกเพื่อป้องกันรอยอีกชั้นหนึ่ง ส่วนอุปกรณ์ก็มีมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอแดปเตอร์แปลงไฟ, สาย HDMI สำหรับใช้งานกับจอมอนิเตอร์ หรือจอสมาร์ททีวี อุปกรณ์สำหรับติดตั้ง VESA Mount ที่ด้านหลังมอนิเตอร์พร้อมน็อตครบชุด นอกจากนี้ยังมีการ์ดแสดงความขอบคุณสำหรับการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของ GEEKOM ด้วย
Mini PC ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ
หลังจากแกะกล่องออกมาทำให้เราแปลกใจกับขนาดที่เล็กเกินความคาดหมายมาก เทียบกับ iPhone 15 Pro Max ยังดูเล็กกว่า แต่มีความหนามากกว่า ตัวเครื่องมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจตุรัส ใช้โทนสีดำ ที่ด้านบนเครื่องมีชื่อแบรนด์ GEEKOM พร้อมสัญลักษณ์ Intel Inside
ด้านหน้ามีพอร์ต USB-C และ USB-A มาให้อย่างละ 1 พอร์ตสำหรับเสียบ Thumb drive หรือเสียบเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ โดยที่ไม่ต้องเอื้อมไปเสียบที่ด้านหลังเครื่อง ถัดมาเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. หรือจะเสียบสายลำโพงก็ได้เช่นกัน ถัดมาเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่องพร้อมไฟแสดงสถานะการทำงาน
ด้านหลังมีช่องระบายอากาศของซีพียู และหากมองเข้าไปก็จะเป็นฮีทซิงค์สำหรับระบายความร้อน มีพัดลมเป่าขณะใช้งาน ซึ่งหากใช้งานไม่หนักมากก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงพัดลมตรงนี้เลย แต่หากทำงานหนักๆ อย่างเช่นเล่นเกมก็จะมีเสียงพัดลมให้ได้ยินบ้างแต่ไม่ดังมาก นอกจากนี้ด้านหลังยังมีช่องเสียบต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่องเสียบสายอแดปเตอร์, ช่อง Mini DisplayPort, ช่องเสียบสาย LAN, ช่องเสียบสาย USB 3.2 2 ช่อง, ช่องเสียบสาย USB-C 1 ช่อง และช่องเสียบสายสัญญาณภาพ HDMI
ด้านข้างซ้ายมีช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำแบบ SD Card สำหรับโอนถ่ายข้อมูล ส่วนมากจะใช้ในกล้องดิจิตอล ทำให้โอนถ่ายข้อมูลได้สะดวก ส่วนด้านข้างขวามีช่องคล้องสาย Kensington Lock เป็นสายคล้องสำหรับกันการขโมยตัวเครื่อง ด้านข้างทั้งสองนี้ยังมีตระแกรงสำหรับดูดลมเย็นจากด้านข้างเพื่อนำไประบายความร้อนให้กับซีพียู และจะเป่าลมร้อนออกที่ด้านหลังเครื่อง ทำให้อากาศหมุนเวียน ไม่สะสมความร้อนที่ต้วเครื่อง
ด้านล่างเราจะเป็นจุกยางทั้ง 4 มุมสำหรับวางบนโต๊ะทำงาน โดยเราจะเห็นน็อตอยู่ในจุกยางนี้ด้วย เป็นจุดสำหรับถอดฝาออกมาเพื่ออัพเกรด RAM, HDD และ SSD ให้กับตัวเครื่อง นอกจากนี่ยังมีช่องใส่น็อตอีก 2 ตัวเพื่อยึดเข้ากับ VESA Mount ด้วย
อัพเกรด Hardware ได้ง่าย เพียงแค่เปิดฝาใต้เครื่อง
สำหรับผู้ใช้ที่อยากจะขยับขยาย Harddisk หรือเพิ่ม RAM ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยตัวเอง เพียงแค่ไขน็อตที่อยู่ในจุกยางออกให้หมด จากนั้นทำการงัดขอบด้วยเหล็กปลายแหลม พร้อมๆ กับดึงจุกยางทั้ง 4 มุมขึ้นมาเบาๆ ซึ่งจุดนี้ต้องระวังนิดนึง เพราะหากดึงแรงไปอาจจะกระชากสาย SATA ขาดเสียหายได้
ตัวเครื่องมาพร้อม Slot หน่วยความจำ RAM 2 Slot โดยในเครื่องที่วางจำหน่ายจะมี RAM แบบ DDR4 Bus 2666 ขนาด 8 GB มาให้ 1 แถว สามารถอัพเกรดเพิ่มได้อีก 1 Slot โดยเราแนะนำว่าหากจะอัพเกรดควรซื้อ RAM 8 GB มาอีก 1 แถว รวมเป็น 16 GB หรือหากต้องการใช้งานมากกว่านั้นก็สามารถอัพเกรดได้เป็น 16 GB 2 แถว รวมสูงสุดได้ถึง 32 GB
ใกล้ๆ กันจะมี M.2 SSD ขนาดความจุ 256 GB มาให้ แต่หากต้องการเพิ่มก็สามารถถอดเปลี่ยนเพิ่มขนาดได้ตามต้องการ รองรับความจุสูงสุด 1 TB
นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่ม Harddisk drive แบบ SATA ขนาด 2.5″ ได้อีก 1 ช่องสำหรับจัดเก็บไฟล์ข้อมูลได้ตามความต้องการ และเมื่ออัพเกรดเสร็จเรียบร้อยก็สามารถปิดฝา และไขน็อตให้แน่นก็พร้อมใช้งานทันที ถือว่าเป็นรุ่นที่อัพเกรด Hardware ด้วยตัวเองได้ค่อนข้างง่ายทีเดียว
ติดตั้งได้ง่าย ไม่เปลืองพื้นที่ รองรับ VESA Mount ติดด้านหลังจอมอนิเตอร์
นอกจากขนาดที่เล็กกะทัดรัด ไม่เปลืองพื้นที่บนโต๊ะแล้ว ภายในกล่องยังมีแผ่นโลหะสำหรับติดตั้งที่ด้านหลังจอมอนิเตอร์ที่รองรับ VESA Mount เพียงแค่นำแผ่นโลหะไปติดตั้งที่ด้านหลังจอมอนิเตอร์และขันน็อตให้ครบทั้ง 4 ตัว จากนั้นก็นำน็อตอีก 2 ตัวมาใส่ที่ด้านล่างของตัวเครื่องก็สามารถแขวนไว้ที่ด้านหลังจอได้ทันที ไม่เปลืองพื้นที่ ไม่เกะกะโต๊ะทำงาน
ทดสอบติดตั้ง และใช้งานจริง
จากการทดสอบใช้งานเราจะติดตั้งวางไว้ใต้จอแสดงผลเพื่อความสะดวกในการใช้งาน และเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสาย เราจะใช้หลักๆ แค่ 2 เส้นเท่านั้น คือสายไฟจากอแดปเตอร์ และสาย HDMI ส่วน Mouse และ Keyboard เราจะใช้เป็นแบบไร้สาย ส่วนหูฟังใช้การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และใช้สายสัญญาณให้น้อยที่สุด
ในการเปิดใช้งานครั้งแรกจะต้องทำการตั้งค่า Windows 11 Pro และเชื่อมต่ออินเตอร์เน็นผ่าน WiFi ให้พร้อมใช้งานก่อน ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที จากนั้นก็ใช้งานได้ทันที
หลังจากที่ทำการตั้งค่า Windows 11 Pro เรียบร้อยแล้ว การเปิดเครื่องทำได้อย่างรวดเร็วทันใจ เพียงไม่กี่วินาทีก็เข้าสู่หน้า Desktop พร้อมใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถติดตั้งโปรแกรมต่างๆ ที่ต้องการได้ทันที หรือจะดาวน์โหลดจาก Microsoft Store ก็มีให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย ทั้งแอปฯ ในด้านการทำงาน ความบันเทิง หรือดาวน์โหลดเกมก็ได้เช่นกัน
สำหรับสเป็คของเครื่องที่ใช้งานนั้นเหมาะกับการทำงานเอกสารออฟฟิศ เปิดเบราเซอร์ค้นหาข้อมูลต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต หรือในด้านความบันเทิงก็สามารถดูภาพยนตร์จาก Netflix, Disneyplus, Viu, WeTV ฯลฯ หรือวิดีโอสตรีมมิ่งอื่นที่มีให้บริการได้ทั้งหมด โดยเราได้ทำการทดสอบเล่นวิดีโอความละเอียด 4K พบว่าทำได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด ถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ให้ความบันเทิง นำไปต่อกับสมาร์ททีวีดูภาพยนตร์บนจอใหญ่ได้อย่างเต็มอารมณ์
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผล
หน่วยประมวลผลของรุ่นนี้ใช้ซีพียู Intel Core i3 8109U 2 Core – 4 Treads ความเร็ว 3.0 GHz เป็นหน่วยประมวลที่ให้ประสิทธิภาพสูง พร้อมประหยัดพลังงาน ทำงานร่วมกับชิป Intel IRIS Plus 655 Graphic ที่ช่วยประมวลผลภาพ 3D ในการเล่นเกม แต่ด้วยสเป็คระดับนี้อาจจะเล่นเกม 3D แบบหนักๆ ไม่ไหว อาจจะต้องปรับความละเอียดลงมาที่ต่ำสุด แต่การใช้งานทั่วไปรับรองได้เลยว่าลื่นไหลอย่างแน่นอน
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานเราได้ทดสอบด้วยแอปฯ Cinebench Release 15 ได้ผลทดสอบออกมาดังนี้
ผลการทดสอบด้วยแอปฯ Cinebench Release 20 ทำคะแนน CPU ได้ 596 คะแนน
ในการเชื่อมต่อ WiFi รองรับระบบ Dual Band กับอินเตอร์เน็ต Fibre ความเร็ว 1000 Mbps สามารถทำได้ที่ความเร็วสูงสุด 839 Mbps ถือว่าทำความเร็วได้น่าประทับใจ
บทสรุป GEEKOM IT8 SE เหมาะกับใคร
Mini PC IT8 SE เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สร้างความประทับใจให้เราต้ังแต่แกะกล่อง ด้วยขนาดที่เล็กเกินคาด แต่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ ใช้งานทั่วไปได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไม่มีอาการหน่วงให้เห็น เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นงานเอกสารออฟฟิศ เล่นอินเตอร์เน็ตผ่านเบราเซอร์ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมกราฟฟิคเบาๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา สำหรับตัวเครื่องมีเสียงที่เบามากจนแทบไม่ได้ยิน แต่หากใช้งานโปรแกรมที่ประมวลผลหนักๆ ก็อาจจะได้ยินเสียงพัดลมบ้าง แต่ไม่ดังมากนัก และยังไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนด้วย สำหรับราคาเปิดตัวอยู่ที่ 8,999 บาท มีจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ Lazada และ Shopee แถมยังมีโค้ดส่วนลดอีก 999 บาทในช่วงเดือน ตค. ถือว่าคุ้มมากในราคานี้
ช่องทางการสั่งซื้อผ่าน Lazada
ลิงค์สำหรับกดรับคูปองส่วนลด 999 บาท
หมดเขต 31 ตค. 2566
ช่องทางการสั่งซื้อผ่าน Shopee
https://th.xiapibuy.com/product/812467887/22929223823/
กรอกโค้ด GEEK09205 ลดเพิ่ม 999 บาท
หมดเขต 31 ตค. 2566
สรุปสเป็ค GEEKOM IT8 SE
- ขนาด 117 x 112 x 45.6 มม. น้ำหนัก 572.6 กรัม
- หน่วยประมวลผล Intel Core i3 8109U ความเร็ว 3.0 GHz (2 Core, 4 Threads)
- หน่วยประมวลผลภาพ Intel Iris Plus 655 Graphics
- รองรับการแสดงผลภาพ และวิดีโอความละเอียด 4K
- ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro
- Slot หน่วยความจำ 2 Slot รองรับ Dual Channel
- หน่วยความจำ RAM 8 GB DDR4 Bus 2666 เพิ่มได้สูงสุด 32 GB
- M.2 SSD 256 GB เพิ่มได้สูงสุด 1 TB
- Slot เพิ่ม Harddisk Drive SATA ขนาด 2.5″ 1 ช่อง
- WiFi Dual Band 2.4 GHz, 5 GHz
- Bluetooth V4.2
- ช่องเสียบ USB-A V3.2 Gen2 จำนวน 3 พอร์ต
- ช่องเสียบ USB-C V3.2 Gen2 จำนวน 1 พอร์ต
- ช่องเสียบ USB-C V3.2 Gen2 รองรับ DisplayPort จำนวน 1 พอร์ต
- ช่องเสียบ Mini DisplayPort จำนวน 1 พอร์ต
- ช่องเสียบ HDMI 1 พอร์ต
- ช่องเสียบสาย LAN 1000/1000 Mbps
- อแดปเตอร์ใช้พลังงานไฟฟ้า 65 วัตต์