HUAWEI FreeBuds 5 ถือเป็นหูฟัง True Wireless ที่มีดีไซน์สวยงามอีกรุ่นหนึ่งของ HUAWEI และคราวนี้มาพร้อมสีใหม่ที่สะดุดตากว่าเดิมอย่าง Coral Orange ผสานกับดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้หูฟังดูโดดเด่น เสมือนเครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่งบนใบหู มาแกะกล่องดูตัวจริงกันเลยว่าจะสวยงามแค่ไหน และการใช้งานเป็นอย่างไร
แกะกล่องลองฟัง Huawei FreeBuds 5
ที่ด้านหน้ากล่องมีรูปหูฟัง FreeBuds 5 พร้อมสีของชุดหูฟังที่บรรจุอยู่ในกล่อง ที่ด้านหน้ากล่องยังมีโลโก้ และ HWA Audio Wireless และ Hi-Res Audio Wireless กำกับอยู่ที่มุมล่างซ้าย ส่วนที่ด้านหลังกล่องมีบอกคุณสมบัตรเด่นๆ ของหูฟังรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียง Punchy Bass-Triple Adaptive EQ, ดีไซน์โค้งมนไร้รอยต่อ พอดีกับใบหู, ฟังเพลงได้นานต่อเนื่องสูงสุด 30 ชม. และระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Open-fit เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- Huawei FreeBuds 5 สี Coral Orange จำนวน 1 คู่
- Charging case
- ซิลิโคนครอบหูฟัง 2 คู่
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C แบบสั้น
- เอกสารรับประกัน และคู่มือการใช้งาน
HUAWEI FreeBuds 5 สีใหม่ Coral Orange ดีไซน์แบบ Prince Rupert’s Drop
อีกหนึ่งดีไซน์ใหม่จาก HUAWEI ที่มาพร้อมกับหูฟัง FreeBuds 5 ตัวหูฟังมีการออกแบบเป็นเส้นโค้งที่ไร้รอยต่อ ได้รับแรงบันดาลใจจากดีไซน์แบบ Prince Rupert’s Drop หยดน้ำของเจ้าชายรูเพิร์ต หรือเรียกอีกอย่างว่า “ลูกอ๊อดแก้ว” ที่สร้างขึ้นในระหว่างการพัฒนาและทดสอบ Kunlun Glass โดยมีการสังเกตปรากฏการณ์ที่สร้างความประทับใจให้กับนักวิจัย เมื่อแก้วที่หลอมละลายตกลงไปในถ้วยน้ำภายใต้แรงโน้มถ่วง จะทำให้เกิดเอฟเฟกต์ที่คล้ายกับดาวตกที่ตกลงมาจากท้องฟ้ายาม และเมื่อผลิตออกมาเป็นสี Coral Orange ก็ยิ่งทำให้หูฟังรุ่นนี้ดูโดดเด่นเมื่ออยู่บนใบหู
ตัวหูฟังเป็นแบบ Semi In-ear โดยหูฟังลักษณะนี้จะมีข้อดีตรงที่เวลาสวมใส่จะไม่รู้สึกอึดอัด แต่หากรู้สึกหลวมก็สามารถใส่ซิลิโคนที่มีมาให้ในกล่อง ซึ่งจะช่วยให้กระชับใบหูมากยิ่งขึ้น หูฟังแต่ละคู่ได้รับการปรับแต่งผ่านการจำลองตามหลักสรีรศาสตร์ ออกแบบให้สมมาตรพอดีกับหูโดยที่ไม่ต้องกลัวหลุด ก้านหูจะเอียง 32° เพื่อความพอดีที่มากขึ้น มีเส้นโค้ง Double-C ที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยการการออกแบบนี้สามารถใส่หูฟังเข้าไปในหูได้อย่างสบายเป็นเวลานานก็ไม่รู้สึกอึดอัด หรือระคายหู
ไม่เพียงแค่ดีไซน์ของหูฟัง แต่ดีไซน์ของ Charging case ก็ทำออกมาได้สวยงามไม่แพ้กัน โดยคราวนี้มาในรูปวงรีแนวตั้ง สามารถเปิดฝาออกมาได้อย่างง่ายดายด้วยมือเพียงข้างเดียว ตัวหูฟังกับ Charging case จะมีแม่เหล็กคอยดูดให้หูฟังติดอยู่กับ Charging case ช่วยให้การเก็บหูฟังทำได้อย่างง่ายดาย และชาร์จแบตเตอรี่เข้ากับหูฟังได้อย่างมั่นคง
ที่ด้านหน้ามีไฟ LED ดวงเล็กๆ บอกสถานะต่างๆ ของแบตเตอรี่ โดยเป็นไฟสีต่างๆ อย่างเช่นสีเขียว แสดงถึงแบตเตอรี่ของ Charging case เต็ม สีเหลือง แบตเตอรี่เหลือ 50% ถ้าเป็นสีแดงบอกถึงแบตเตอรี่ใกล้หมด และสีขาวบอกสถานะพร้อมการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ
ด้านข้างขวาของ Charging case มีปุ่มสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ สามารถเปิดโหมดการเชื่อมต่อได้เพียงแค่กดค้างไว้ประมาณ 3 วินาที จนไฟ LED ที่อยู่ด้านหน้ากระพริบเป็นสีขาว จากนั้นทำการเชื่อมต่อตามขึ้นตอน แต่หากใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน HUAWEI ก็จะมี Pop-up แจ้งเตือนให้กดเชื่อมต่อบนหน้าจอ ถือว่าสะดวกกว่าการเชื่อมต่อกับแบรนด์อื่นๆ
ที่ก้านหูฟังจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการแตะสั่งงาน สามารถแตะเพื่อรับสาย/วางสาย หรือแตะเปลี่ยนเพลง และยังสามารถแตะเลื่อนขึ้นลงเพื่อปรับระดับเสียงได้ และด้านในหูฟังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ หากถอดออกขณะฟังเพลงก็จะหยุดเล่น และเมื่อใส่หูฟังกลับเข้าไปก็จะเริ่มเล่นจากที่หยุดไว้อัตโนมัติ
และหากคิดว่าหูฟังหลวมเกินไปก็สามารถนำซิลิโคนมาครอบไว้ที่หูฟังเพื่อให้กระชับขึ้น ไม่หลุดออกจากหูได้ง่ายๆ
เชื่อมต่อง่ายด้วยระบบ Pop-up Connection รองรับการใช้งานทุกแบรนด์ และระบบปฏิบัติการ
ในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน HUAWEI ก็ทำได้อย่างสะดวก และง่ายดาย ในการใช้งานครั้งแรกเพียงแค่เปิดฝา Charging case ก็จะมี Pop-up Connection แจ้งเตือนให้กดเชื่อมต่อได้ทันที และในการใช้งานครั้งต่อไปเมื่อเปิดฝาใช้งานก็จะมี Pop-up แจ้งระดับแบตเตอรี่ของหูฟังทั้ง 2 ข้างและแบตเตอรี่ของ Charging case ด้วย
ส่วนการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ก็เพียงแค่กดปุ่มที่อยู่ด้านข้างขวาค้างไว้ประมาณ 3 วินาทีจนไฟกระพริบสีขาวแล้วทำการเชื่อมต่อ Bluetooth ตามขั้นตอนของแต่ละแบรนด์ รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ HarmonyOS, Android, iOS นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows หรือ macOS ก็ได้เช่นกัน
และเพื่อการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบควรใช้ร่วมกับแอปพลิเคชั่น HUAWEI AI Life หากใช้สมาร์ทโฟน HUAWEI สามารถดาวน์โหลดได้จาก HUAWEI AppGallery แต่หากใช้ระบบปฏิบัติการ Android สามารถดาวน์โหลดได้ที่เวบไซต์ของ HUAWEI และหากใช้ร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS ก็สามารถดาวน์โหลดได้จาก AppStore ได้ตามปกติ
สำหรับการใช้งานแอพฯ AI Life สามารถดูระดับแบตเตอรี่ของหูฟังทั้งสองข้าง และดูระดับแบตเตอรี่ของ Charging case ได้ เลือกปรับโทนเสียงได้จากรูปแบบที่มีไว้ให้เลือก หรือจะเลือกปรับแต่ง Equaliser ได้เองตามใจชอบ นอกจากนี้ก็ยังมีเลือกตั้งค่าการแตะสั่งงานทั้งหูฟังด้านซ้าย หูฟังด้านขวา, อัพเดท Fimware ของชุดหูฟัง และสั่งให้หูฟังส่งเสียงเรียกได้เมื่อหาหูฟังไม่เจอ
สะใจกับเสียงเบสเต็มพลังด้วยไดร์เวอร์แบบแม่เหล็ก พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Open-fit ANC 3.0
ในด้านการขับเสียงก็มาพร้อมกับไดรเวอร์ไดนามิกความไวสูง 11 มม. ด้วยวงจรแม่เหล็ก 2 ตัว ขับเสียงย่านต่ำได้ลึกถึง 16 Hz ที่ทํางานร่วมกับไดอะแฟรมคอมโพสิตโพลีเมอร์ที่ขับเคลื่อนเสียงโทนแหลม และตัวแปลงสัญญาณเสียง LDAC™ HD audio codec ส่งผลให้เกิดเสียงเบสในย่านต่ำได้ดี
สำหรับระบบตัดเสียงรบกวนของรุ่นนี้มีให้เลือก 3 โหมด Dynamic จะเป็นการปรับระบบตัดเสียงรบกวนโดยอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม, Cozy เป็นการตัดเสียงรบกวนในสถานที่ที่ไม่ได้มีเสียงดังมาก และ General จะเหมาะกับสถานที่ที่มีเสียงรบกวนมาก แต่เนื่องจากหูฟังเป็นแบบ Semi In-ear อาจจะยังมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินบ้าง เพราะตัวหูฟังไม่ได้ปิดหูสนิทเหมือนกับหูฟังแบบ In-ear แต่ก็ถือว่าติดเสียงรบกวนได้ดีในระดับหนึ่ง
คุณภาพเสียงระดับ Hi-res รองรับ L2HC และ LDAC
HUAWEI FreeBuds 5 ยังรองรับระบบเสียง Hi-Res Audio Wireless ที่มีการตอบสนองความถี่ที่กว้างขึ้นและเสียงความละเอียดสูงแบบไม่สูญเสียข้อมูลสําหรับการฟังเพลงในรูปแบบ HD ซึ่งมีเพียงไม่กี่รุ่นที่มีให้เรตราคานี้ สามารถควบคุมฮาร์ดแวร์อัลกอริทึม LDAC HD audio codec และเอฟเฟ็กต์ Multi-EQ เพื่อเล่นและส่งผ่านเสียง HD ด้วยการส่งผ่านที่รวดเร็วถึง 990 kbit/s เช่นเดียวกับเสียงสูงสุด 24-bit 96 kHz ด้วยเอฟเฟกต์ Multi-EQ สามารถเลือกระหว่าง Default Boost Bass และ Treble Boost หรือเสียงแหลมเพื่อสร้างประสบการณ์การฟังในแบบของคุณเอง
บทสรุปการใช้งาน HUAWEI FreeBuds 5 จากความเห็นของ What Phone
แรกเห็นก็สะดุดตาด้วยสีส้มที่ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร ประกอบกับดีไซน์ของหูฟังที่มีความโค้งเว้า เข้ากับสรีระของใบหู จึงทำให้ใส่หูฟังได้อย่างพอดี คุณภาพเสียงถือว่ามีมาให้ครบทั้งเสียงกลาง เสียงแหลม และเสียงเบสที่ฟังดูแล้วนุ่มทุ้มลึก ถึงแม้ว่าจะเป็นหูฟังแบบ Semi In-ear ก็ตาม และด้วยความที่เป็นหูฟังประเภทนี้จึงทำให้ระบบตัดเสียงรบกวนได้ไม่สุด เพราะยังมีเสียงที่เล็ดรอดเข้าไปได้บ้าง แต่ก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี และเหมาะกับผู้ใช้ที่ไม่ชอบใส่หูฟังแบบ In-ear ที่ค่อนข้างจะอึดอัดเมื่อใส่หูฟังไปนานๆ สำหรับราคาเปิดตัวนั้นอยู่ที่ 5,299 บาท แต่ในช่วงราคาพิเศษจะเหลือเพียง 3,999 บาท เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 5-8 พค. นี้ เราแนะนำว่าในราคาพิเศษนี้ควรรีบจับจองเป็นเจ้าของทันที ถือว่าคุ้มมากกับคุณภาพเสียงที่ได้
สรุปสเป็ค HUAWEI FreeBuds 5
- ขนาดหูฟัง 32.4 x 17.6 x 22.8 มม., น้ำหนัก 5.4 กรัม
- ขนาด Charging case 66.6 x 50.1 x 27.3 มม., น้ำหนัก 45 กรัม
- แบตเตอรี่หูฟังข้างละ 43 mAh, Charging case 505 mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 5 ชั่วโมง และ 30 ชั่วโมงเมื่อชาร์จกับ Charging case
- ระบบชาร์จผ่านสาย USB-C
- ขนาด Driver 11 มม.
- Bluetooth Version : 5.2
- มาตรฐานกันน้ำ IP54
- ระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation
- มีให้เลือก 3 สี Coral Orange, Silver Frost และ Ceramic White
โปรโมชั่น และช่องทางจำหน่าย HUAWEI FreeBuds5
HUAWEI FreeBuds5 ราคาพิเศษเพียง 3,999 บาท จากราคาปกติ 5,299 บาท เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2566 – 8 พฤษภาคม 2566 ที่ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Lazada รับฟรี กระเป๋า Canvas Bag มูลค่า 790 บาท และ ร่ม Huawei มูลค่า 390 บาท สำหรับลูกค้า 100 ท่านแรกเท่านั้น และนอกจากนี้ยังมีส่วนลดมูลค่า 100 บาท เมื่อใช้ร่วมกับคูปอง สามารถกดสั่งซื้อได้ที่นี่ https://bit.ly/41I9t29