เปิดตัวไปแล้วหลายรุ่นกับหูฟังตระกูล FreeBuds หูฟัง True Wireless ที่ Huawei ตั้งใจทำออกมาเพื่อนักฟังเพลงโดยเฉพาะ มาถึง FreeBuds SE ที่มีจุดเด่นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพเสียงที่มีความคมชัด สวมใส่สบาย มีระบบตัดเสียงรบกวน ที่สำคัญ ราคาเปิดจองสุดเกินต้านเพียง 1,099 บาทเท่านั้น ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรมาลองฟังใช้งานกันครับ
แกะกล่องลองฟัง Huawei FreeBuds SE
FreeBuds SE ที่เราได้มาทดสอบเป็นสีขาว อยู่ภายในกล่องสีขาวสะอาดตาเช่นกัน ด้านหลังกล่องมีคุณสมบัติต่างๆ บ่งบอกชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพเสียง Crystal clear, ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 24 ชม., ดีไซน์หูฟังแบบ Semi In-ear, ระบบไมโครโฟน 2 ตัวช่วยตัดเสียงรบกวน และการรองรับระบบปฏิบัติการ Android, iOS และเมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- Huawei FreeBuds SE สีขาว จำนวน 1 คู่
- Charging case
- ซิลิโคนครอบหู (Ear tips) 3 ขนาด S, M และ L
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C แบบสั้น
- เอกสารคู่มือการใช้งาน
ภายในกล่องก็มีอุปกรณ์มาให้เท่าที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นสายชาร์จแบบ USB-C ความยาว 10 ซม. สำหรับชาร์จกับอแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟน หรือจะชาร์จกับพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์ก็ได้เช่นกัน ส่วนอุปกรณ์อีกอย่างที่สำคัญคือ Ear tips ที่มีมาให้ 3 ขนาดตามรูปแบบของใบหู สามารถถอดเปลี่ยนได้ตามต้องการ ส่วนคู่มือการใช้งานที่นอกจากจะแนะนำการใช้งานแล้ว ยังมี QR Code ให้สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอพฯ AI Life เพื่อใช้ตั้งค่าต่างๆ ของหูฟัง
HUAWEI FreeBuds SE ดีไซน์พรีเมี่ยม ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก
ดีไซน์การออกแบบของ FreeBuds SE สีขาวที่เราได้มาทดสอบใช้วัสดุมันเงา ดูสะอาดตา หรูหราพรีเมี่ยมไม่แพ้รุ่น Pro ตัวเครื่อง Charging case ถูกออกแบบมาให้มีขนาดค่อนข้างเล็ก น้ำหนักเบาพกพาสะดวก เมื่อเปิดฝาออกมาก็จะพบกับหูฟังกึ่งอินเอียร์ มีก้านออกมาเป็นไมโครโฟนรับสัญญาณเพื่อให้คุณภาพการรับเสียงสนทนาที่ดีที่สุด
ภายนอกของ Charging case มีลักษณะทรงกระบอกโค้งมน เป็นสีขาวดูเงางาม ที่ด้านหน้าจะมีไฟ LED บอกสถานะการทำงาน และแบตเตอรี่ของเคส เป็นสีเขียว, เหลือง, แดง หรือหากเป็นสีขาวกระพริบแสดงถึงโหมดพร้อมเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ และเมื่อปิดฝาพับลงมาก็จะปิดการทำงานตัวเครื่องทั้งหมด
ที่ด้านหลังของ Charging case เป็นพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ สามารถใช้สายที่มีมาให้ในกล่อง หรือจะใช้สายของสมาร์ทโฟนที่มีอยู่แล้วชาร์จไฟก็ได้เช่นกัน
เมื่อเปิด Charging case ออกมาก็จะพบกับหูฟังทั้งสองข้างวางไขว้กันเพื่อประหยัดพื้นที่การจัดเก็บ จึงทำให้ Charging case มีขนาดเล็กกะทัดรัด ภายในยังมีปุ่มสำหรับกดเพื่อเข้าสู่โหมด Paring เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทวอช หรือใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์
ตัวหูฟังด้านนอกมีไมโครโฟนรับเสียง และตัดเสียงมาให้ 2 ตัวเพื่อให้เสียงสนทนา และเสียงจากหูฟังชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนที่ก้านหูฟังเป็นส่วนแตะสั่งงาน และสามารถแตะเลื่อนขึ้นลงเพื่อปรับระดับเสียงได้
ส่วนที่หูฟังด้านในที่หูฟังมีจุดดำเล็กๆ เป็นเซ็นเซอร์อินฟราเรดตรวจจับการสวมใส่ พร้อมทั้งหยุดเล่นเพลงอัตโนมัติเมื่อถอดออก มี Ear tips ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ 3 ขนาด หรือถอดออกไปทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ถัดลงมามีไมโครโฟนตัวที่ 3 และที่ก้านหูฟังมีจุดโลหะเป็นหน้าสัมผัสในการชาร์จแบตเตอรี่
การถอด Ear tips ก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ดึงออกมาเบาๆ และสามารถใส่กลับเข้าไปได้ง่ายเช่นกัน เลือกปรับเปลี่ยนตามขนาดของใบหูได้ตามต้องการ
เชื่อมต่อได้อย่างง่ายดายด้วยระบบ Pop-up Connection รองรับการใช้งานทุกแบรนด์
ในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth 5.2 ก็ทำได้อย่างง่ายดาย โดยหากใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Huawei เมื่อเปิดฝาหูฟังขึ้นมาและวางใกล้ๆ กับสมาร์ทโฟนจะมี Pop-up เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ เพียงกด Connect ก็เชื่อมต่อพร้อมใช้งานทันที สะดวก และรวดเร็วมากๆ แต่หากใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ HarmonyOS, Android และ iOS แต่ต้องเชื่อมต่อผ่านเมนู Bluetooth ตามปกติ
และเพื่อการใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพควรใช้ร่วมกับแอพพลิเคชั่น Huawei AI Life สามารถดาวน์โหลดได้จาก Huawei AppGallery, Play Store ของระบบปฏิบัติการ Android หรือ AppStore ของระบบปฏิบัติการ iOS
สำหรับการใช้งานแอพฯ AI Life ร่วมกับหูฟัง FreeBuds SE สามารถดูระดับแบตเตอรี่ของหูฟังทั้งสองข้าง และดูระดับแบตเตอรี่ของ Charging case ได้ เลือกตั้งค่าการแตะสั่งงานทั้งหูฟังด้านซ้าย หูฟังด้านขวา และยังอัพเดท Fimware ของชุดหูฟังได้จากแอพฯ นี้
เสียงใส เบสแน่นด้วยไดนามิกไดร์เวอร์ขนาดใหญ่ 10 มม. พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Environmental Noise Cancellation
ด้วยไดร์เวอร์ขนาด 10 มม. ทำให้การฟังเพลงที่มีเสียงเบสลึกทำได้ค่อนข้างดี ส่วนเสียงกลางและเสียงแหลมก็ทำได้ดีเช่นกัน เหมาะกับการฟังเพลง ดูคลิปวิดีโอ ซี่รี่ย์ หรือภาพยนตร์ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเลือกปรับโทนเสียงแบบต่างๆ ได้ ส่วนการเล่นเกมอาจจะมีเสียงดีเลย์ไปบ้าง แต่ก็ยังพอที่จะเล่นได้ สำหรับระบบตัดเสียงรบกวน Enviromental Noise Cancellation ก็ทำได้ค่อนข้างดี แต่ด้วย Ear tips เป็นแบบ Semi In-ear อาจจะมีเสียงจากภายนอกเล็ดรอดเข้าไปบ้าง แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้กับหูฟังราคาระดับนี้
บทสรุปการใช้งาน HUAWEI FreeBuds SE จากความเห็นของ What Phone
แรกเห็นหูฟัง FreeBuds SE รุ่นนี้คิดว่าต้องมีราคา 2-3 พันบาทแน่นอน เพราะเป็นหูฟังที่มีดีไซน์ค่อนข้างสวย แต่พอเปิดตัวราคาเพียง 1,899 บาทเท่านั้น ถือว่าเป็นหูฟังที่มีราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพเสียง สนทนาได้ชัดเจน เสียงไมค์จากปลายหูฟังมีเสียงชัดเจน หูฟังใช้งานได้นาน 6 ชั่วโมง และเมื่อชาร์จร่วมกับ Charging case จะใช้งานได้นานรวม 24 ชม. และยิ่งมีโปรโมชั่นลดถึง 800 บาทเมื่อทำการจองในระยะเวลาที่กำหนด (รายละเอียดด้านล่าง) จะเหลือเพียง 1,099 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกมาก คุ้มค่าที่สุดในเวลานี้ ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด
สเป็ค Huawei FreeBuds SE
- ขนาดหูฟัง 20.6 x 20 x 38.1มม., น้ำหนัก 5.1 กรัม
- ขนาด Charging case 70 x 33.5 x 27.5 มม., น้ำหนัก 35.6 กรัม
- แบตเตอรี่หูฟังข้างละ 37 mAh, Charging case 410 mAh
- ระยะเวลาการใช้งาน 6 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมงเมื่อชาร์จกับ Charging case
- ระบบชาร์จผ่านสาย USB-C
- ขนาด Driver 10 มม.
- Bluetooth Version : 5.2
- มาตรฐานกันน้ำ IPX4
- ระบบตัดเสียงรบกวน Environmental Noise Cancellation
- มีให้เลือก 2 สี ขาว และฟ้า
โปรโมชั่น และช่องทางจำหน่าย HUAWEI FreeBuds SE
- ราคาและโปรโมชั่น (เผยแพร่ได้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 00 น. เป็นต้นไป )
- ราคาสบายกระเป๋า 1,899 บาท
- วางจำหน่ายพร้อมกันในวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 ทางช่องทางออนไลน์เท่านั้น
- สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 18-27 พฤษภาคม 2565
- สั่งซื้อได้ที่นี่ https://bit.ly/3PiJ4CA
โปรโมชันพรีออเดอร์
- HUAWEI Store: ชำระค่ามัดจำ 100 บาท รับ Code ส่วนลดมูลค่า 800 บาท ระหว่างวันที่ 18-27 พฤษภาคม 2565 และสามารถใช้ Code ส่วนลดได้ในระหว่างวันที่ 22-27 พฤษภาคม 2565
- Lazada / Shopee: สามารถพรีออเดอร์ในราคา 1,099 THB ระหว่างวันที่ 18-27 พฤษภาคม 2565
- Thisshop: แจ้งโปรโมชันเพิ่มเติมในสัปดาห์ที่ 9 พฤษภาคม 2565