Huawei nova 5T สมาร์ทโฟนระดับกลางที่แฝงด้วยประสิทธิภาพระดับ P Series โดยถอดชิพประมวลผล Kirin 980 ตัวเดียวกันกับ P30 Series มาให้ในราคาเพียงหมื่นนิดๆ เท่านั้นเอง คราวนี้ยังดีไซน์โลโก้ Nova แบบใหม่ให้ดูทันสมัยสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นด้วย
Huawei nova 5T ดีไซน์ใหม่ สำหรับ Gen Z โดยเฉพาะ
พูดได้ว่าดีไซน์ของ nova 5T นั้นออกแบบมาได้ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะด้านหลังที่เราได้เครื่องมาทดสอบเป็นสี Midsummer purple โดยมาพร้อมกับลวดลายโลโก้ nova ทั่วทั้งฝาหลัง เมื่อสะท้อนแสงก็จะเห็นเป็นลวดลายสะท้อนสวยงามมาก นอกจากนี้ฟิล์มลวดลายที่อยู่หลังกระจกยังดูเหมือนกับเป็นกระจกเว้า ยิ่งดูแปลกตาไม่เหมือนใคร แต่หากดูนานๆ แล้วอาจจะรู้สึกมึนงงแบบแปลกๆ ต้องลองมองด้วยตาตัวเองถึงจะรู้
ที่ด้านหน้าจอแสดงผลมีขนาดใหญ่ 6.26 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) เป็นจอภาพแบบ Huawei Punch FullView Display ให้สีสันสวยงาม และหากใช้ร่วมกับ Theme ที่มีภาพสีสวยๆ ก็จะยิ่งดูมีสีสันมีชีวิตชีวา และที่มุมบนขวามีกล้อง หรือเลนส์รับภาพที่มีรูเล็กลงกว่าเดิม เท่าที่ใช้งานไม่พบว่าเป็นอุปสรรคในการใช้งานแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง คลิปวิดีโอ ภาพยนตร์ ส่วนบริเวณช่องหูฟังสนทนาก็มีไฟ LED แสดงสถานะการแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งแจ้งเตือนโซเชียล หรือแบตเตอรี่ใกล้หมดด้วย
ด้านหลังอย่างที่ได้กล่าวไป โลโก้ nova ที่อยู่ทั่วทั้งฝาหลังจะมีเฉพาะสี Midsummer purple เท่านั้น เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะรุ่นนี้ หากเป็นสีอื่นจะมีเพียงสีเรียบๆ ไม่มีลวดลายอะไร สำหรับกล้องดิจิตอลเรียงมาเป็นแนวตั้งแถบเดียวกัน 3 เลนส์พร้อมไฟแฟลชแบบ LED แต่เลนส์ Super macro จะอยู่แยกออกจากแถบนี้ อาจจะรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่รวมมาอยู่ในแถบเดียว แต่ดูรวมๆ แล้วดีไซน์กล้องแบบนี้ก็ดูลงตัวดี ไม่รู้สึกเกะกะสายตาแต่อย่างใด
ที่ด้านข้างซ้ายมีเพียงช่องใส่ถาดซิมการ์ด แบบ 2 ซิม ไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยเพิ่มเติมได้ ส่วนที่ด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด/ปิดเครื่องพร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว หากใครยังไม่เคยใช้สแกนลายนิ้วมือด้านข้างอาจจะไม่ถนัดในช่วงแรก แต่หากใช้งานสักพักก็จะชินไปเอง ส่วนนิ้วที่สะดวกที่สุดในการปลดล็อค หากเป็นมือซ้ายก็จะใช้นิ้วชี้สแกนได้สะดวกกว่า หากเป็นมือขวาก็ควรจะใช้นิ้วโป้งเพราะเวลาถือนิ้วเราจะอยู่บริเวณนั้นพอดี
ด้านบนมีเพียงไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และพอร์ตอินฟราเรดสำหรับใช้สั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ส่วนด้านล่างมีพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และเสียบอุปกรณ์เสริมต่างๆ ด้านข้างยังมีรูไมโครโฟนสนทนา และลำโพงของตัวเครื่อง
สำหรับการใช้งานชุดหูฟังของรุ่นนี้จะไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ แต่จะมีอแดปเตอร์แปลงพอร์ต USB-C เป็น 3.5 มม. แถมมาให้ในกล่อง อาจจะดูไม่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ที่มีชุดหูฟังบลูทูธไร้สาย หากยังใช้หูฟังแบบมีสายก็สามารถใช้อแดปเตอร์นี้ใช้งานได้
สมาร์ทโฟนระดับหมื่นนิดๆ แต่ประสิทธิภาพไม่เป็นรองใคร
ถ้ายังจำกันได้ Huawei P30 Series ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีใช้ชิพประมวลผล Kirin 980 และสำหรับรุ่นนี้ทาง Huawei ก็ได้เลือกใช้ชิพเซ็ตตัวนี้มาใช้กับรุ่นนี้ด้วย ซึ่งจะมอบพลังในการประมวลผลที่รวดเร็ว และประหยัดพลังงาน จากการทดสอบใช้งานทั่วไปอย่างเช่นดูเฟสบุ๊ค ไลน์ ยูทูปก็ทำได้อย่างรวดเร็ว ลื่นไหล ซึ่งหน่วยประมวลผลระดับนี้เอาอยู่อยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านี้ยังสามารถปรับความละเอียดเกม 3D ที่ใช้กราฟฟิคหนักๆ อย่างเช่น PUBG Mobile ที่ได้รับความนิยม และเป็นเกมที่เรามักจะนำมาทดสอบก็สามารถปรับได้จนสุด เล่นได้ไม่กระตุกด้วยชิพประมวลผล Mali-G76 มาให้ด้วย
หน่วยความจำของรุ่นนี้มี RAM มาให้ 8 GB, ROM 128 GB เพียงพออยู่แล้วสำหรับการเก็บข้อมูลอย่างเช่นแอพพลิเคชั่น ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ แต่หากชอบถ่ายคลิปวิดีโออาจจะไม่เพียงพอ และไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ อาจจะต้องถ่ายโอนเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์บ่อยๆ หรืออาจจะใช้บริการ Cloud อย่างเช่น Google drive เป็นต้น
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลหลัก และหน่วยประมวลผลภาพ 3D เราก็ได้ใช้แอพฯ Antutu 3D* ในการทดสอบ โดยสามารถทำคะแนนได้ 287628 ซึ่งก็ถือว่าทำคะแนนได้น่าประทับใจกับราคาระดับหมื่นนิดๆ
*ในแอพฯ Antutu Benchmark เป็นรุ่น Honor 20 แต่วางจำหน่ายในไทยเปลี่ยนเป็นชื่อ Huawei nova 5T
จัดเต็มกล้อง 4+1 ตัว คมชัดทุกระยะ
ไม่เพียงความคุ้มค่าในเรื่องของประสิทธิภาพ แต่ในด้านการถ่ายภาพก็ไม่เป็นรองใครด้วยกล้องที่มีมาให้ 4 เลนส์ เลือกถ่ายได้ 4 ระยะ ไม่ว่าจะเป็นมุมมองปกติความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.8 เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1/2 นิ้ว ซึ่งถือว่าเซ็นเซอร์ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม, เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.2, เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4 และเลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4 เรียกได้ว่าจะถ่ายใกล้ ถ่ายไกลก็ทำได้หมด โดยเลนส์ Super Macro สามารถถ่ายได้ใกล้สุดที่ 4 ซม. ทำให้เรามองเห็นมุมต่างๆ ที่ตาเราแทบจะมองไม่เห็น
โหมดการถ่ายภาพก็มีให้เลือกหลากหลาย แต่ที่ทำให้เราประทับใจนั่นก็คือ Night mode ที่สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ในที่มืดได้สว่าง และคมชัด โดยกล้องสามารถปรับค่า ISO หรือค่าความไวแสงได้ถึง 102400 เลยทีเดียว อีกทั้งยังมีรูรับแสงที่กว้างถึง f/1.8 ทำให้รับแสงผ่านเลนส์ได้เต็มๆ สำหรับการถ่ายคลิปวิดีโอก็สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียด 4K ถึงแม้ว่าจะคมชัดมาก แต่ก็แลกมาด้วยพื้นที่หน่วยความจำที่ใช้ค่อนข้างมากทีเดียว
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซลที่ฝังอยู่ใต้จอแสดงผลก็สามารถ Selfie ได้สวยงาม คมชัด และสามารถปรับใบหน้าให้เนียนสวยได้โดยไม่ต้องพึ่งแอพฯ ใดๆ เพิ่มเติม และสามารถถ่าย Selfie หน้าชัดหลังละลายได้ด้วยเลนส์เพียงตัวเดียว และยังสามารถนำภาพมาแต่งเพิ่มเติมภายหลัง ปรับสี ปรับความเบลอของฉากหลังได้อีกด้วย
ชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วด้วยระบบ SuperCharge 22.5 วัตต์
แบตเตอรี่ขนาด 3,750 mAh ที่ถือว่าไม่ได้ใหญ่มากเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ อาจจะเป็นเพราะตัวเครื่องที่มีขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่จนเกินไป และยังมาพร้อมระบบ SuperCharge 22.5 วัตต์ ซึ่งจากการทดสอบชาร์จจาก 1% ไปถึง 50% ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ถือว่าทำได้ค่อนข้างเร็วทันใจ และหากชาร์จถึง 100% ก็ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นเอง งานนี้ไม่ต้องจ่ายแพงก็ได้เทคโนโลยีระดับ Flagship
บทสรุป รีวิว Huawei nova 5T จากความคิดเห็นของ What Phone
ในเรื่องของความคุ้มค่ากับเทคโนโลยีที่ได้ Huawei nova series ก็ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้แล้ว ไม่แปลกที่รุ่นนี้จะยังได้รับความนิยมจากผู้ใช้หลายๆ คน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพครบครันแบบนี้ แต่ใช่ว่า nova 5T จะดีเพอร์เฟ็คไปเสียหมด ก็ยังมีจุดด้อยอย่างเพิ่มการ์ดหน่วยความจำไม่ได้ และไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้ จะขัดใจตรงที่ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมๆ กับการฟังเพลงผ่านหูฟังแบบมีสายได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงมีทางออกด้วยชุดหูฟังบลูทูธ แต่เชื่อว่าราคา 10,990 บาทที่สุดจะคุ้มค่านั้นจะทำให้จุดด้อยที่ว่านั้นเป็นเรื่องเล็กไปเลย
หน้าจอการใช้งาน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง