หากย้อนกลับไปใครเลยจะคิดว่านาฬิกาที่เราใส่กันทุกวันนี้จะสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และตรวจจับความเคลื่อนไหวต่างๆ ของร่างกายได้ มาถึงยุคนี้ใครจะไปคิดว่านาฬิกาสามารถวัดความดันโลหิตได้เช่นกัน ซึ่งปกติแล้วเครื่องวัดความดันจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ก็มีการพัฒนาให้เล็กลงจนสามารถพกพาใส่กระเป๋าติดตัวไปได้ มาถึงวันนี้ HUAWEI ได้พัฒนาให้นาฬิกา หรือสมาร์ทวอชวัดความดันโลหิตได้บนข้อมือ ตรวจวัดได้ทุกที่ที่ต้องการได้แล้ว นั่นก็คือ HUAWEI WATCH D สมาร์ทวอชรุ่นแรกที่วัดความดันโลหิตได้ การใช้งานจะเป็นอย่างไรนั้น มาแกะกล่องดูกันเลยครับ
แกะกล่องลองเล่น Huawei WATCH D
- HUAWEI WATCH D
- สายนาฬิกา พร้อม Air Bag 2 ขนาด M และ L
- ผ้าหุ้ม Air Bag สำรอง 2 ขนาด M และ L
- สายวัดขนาดข้อมือ
- แท่นชาร์จไร้สาย
- ฝาปิดช่องปั๊มลม Air Bag (เมื่อไม่ต้องการใช้งานวัดความดันโลหิต)
- คู่มือการใช้งาน
อุปกรณ์ภายในกล่องของ WATCH D จะมีอุปกรณ์มาให้ค่อนข้างเยอะ ภายในกล่องจะมีสายมาให้ 2 ขนาด นั่นก็คือสายขนาด M ที่เหมาะสำหรับผู้หญิง และขนาด L ที่เหมาะกับผู้ชายที่มีข้อมือใหญ่ ก่อนเลือกใช้งานควรทำการวัดขนาดข้อมือด้วยสายวัดที่มีมาให้ในกล่อง เพราะขนาดของสายจะมีผลกับการเลือก Air Bag หรือถุงลมที่เอาไว้ใช้วัดความดันโลหิตด้วย ส่วนแท่นชาร์จไร้สายเป็นรุ่นเดียวกันกับ HUAWEI WATCH GT 3 Pro สามารถใช้งานร่วมกันได้
สำหรับผ้าหุ้ม Air Bag มีสำรองมาให้ 2 ขนาด สามารถถอดสลับผ้าหุ้ม Air Bag ออกไปทำความสะอาดได้โดยใช้ผ้าหุ้มสำรองใส่เข้าไปแทน นอกจากนี้ยังมีฝาปิดช่องปั๊มลมของ Air Bag เมื่อไม่ต้องการใช้ระบบวัดความดันโลหิต ซึ่งจะทำให้สายนาฬิกาบางลง หากเปิดไว้อาจจะทำให้น้ำเข้าได้ ส่วนคู่มือของรุ่นนี้ค่อนข้างหนา แนะนำให้อ่านขั้นตอนการใช้งานให้เข้าใจ เพราะสายนาฬิกาของรุ่นนี้จะมี Air Bag ที่จะใช้งานร่วมกับสายนาฬิกาด้วย
ทำความรู้จักกับส่วนต่างๆ ของ HUAWEI WATCH D
หากเทียบกับสมาร์ทวอชรุ่นอื่นๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาด ถือว่า HUAWEI WATCH D เป็นสมาร์ทวอชที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีสายขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน แต่ในความใหญ่ของมันก็ซ่อนไปด้วยเทคโนโลยีที่ยังไม่มีสมาร์ทวอชแบรนด์ไหนทำได้ นั่นก็คือการวัดความดันโลหิตที่จะอยู่บนข้อมือตลอดเวลา มาดูส่วนประกอบต่างๆ ของสมาร์ทวอชรุ่นนี้กันครับ
หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสแบบสี่เหลี่ยมขนาด 1.64 นิ้ว เป็นจอภาพแบบ AMOLED ความละเอียด 456 x 280 พิกเซล ให้สีสันจัดจ้าน สวยงาม รองรับการแสดงผลแบบ Always on Display สามารถเปิดแสดงผลได้ตลอดเวลา จึงดูเหมือนนาฬิกาจริงๆ ไม่ดำมืดเหมือนสมาร์ทวอชรุ่นอื่นๆ
ตัวเรือนทำจากวัสดุอลูมิเนียมที่มีความทนทาน น้ำหนักเบา รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านข้างขวามีปุ่มมาให้ 2 ปุ่ม คือปุ่มเมนู ทำหน้าที่เปิดปิดเครื่อง และเป็นปุ่ม Home ด้วย ส่วนด้านล่างเป็นปุ่ม Health มีขอบสีแดง สามารถตั้งค่าให้เข้าสู่เมนูลัดต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการวัดความดันโลหิต, วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือเมนูออกกำลังกาย
ด้านหลังของตัวเรือนมีเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมเทคโนโลยี HUAWEI TruSeen™ 5.0 + ที่แม่นยำยิ่งขึ้นด้วยโฟโตไดโอด 8 ตัว เพื่อการรับแสงที่มากขึ้น ใช้ฟิล์มแบบ Micro Nano ที่เพื่อช่วยให้แสงส่องผ่านได้ดีขึ้น และยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิผิวหนัง, เซ็นเซอร์ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด ส่วนล่างมีปุ่มสำหรับถอดสาย Air Bag วัดความดันโลหิต สามารถกดเพื่อถอด Air Bag ได้อย่างง่ายดาย เมื่อกดปุ่มนี้หน้าจอจะเตือนให้ปิดฝาให้เรียบร้อย เพราะอาจจะมีน้ำเข้าไปได้ หากไม่ต้องการวัดความดันโลหิตก็สามารถถอดสาย Air Bag และใช้ฝาปิดที่มีมาให้ในกล่องเพื่อป้องกันน้ำเข้าไปได้ ที่ด้านหลังนี้ยังเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายด้วย
สายนาฬิกาของรุ่นนี้ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนๆ จะเห็นว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ตามขนาดของ Air Bag ตัวสายทำจากวัสดุ Fluoroelastomers (ฟลูออโรอีลาสโตเมอร์) มีลักษณะเหนียว ยืดหยุ่นได้คล้ายยาง สวมใส่ได้โดยไม่เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองผิวหนัง ด้านในจะมีตัวเลขบอกขนาดตามที่ใช้สายวัดที่มีมาให้ในกล่อง สายนาฬิกาเป็นแบบบานพับโลหะ สามารถสวมใส่ที่ข้อมือแล้วพับข้อต่อเพื่อล็อคได้ทันที
วิธีการติดตั้งสายนาฬิกา และ Air Bag วัดความดันโลหิต
อย่างที่บอกไปแล้วว่าก่อนใช้งานควรทำการวัดขนาดข้อมือก่อนการใช้งาน เพื่อที่จะเลือกขนาดของสาย และ Air Bag ในการวัดความดันโลหิต ซึ่งการวัดนี้ยังต้องนำตัวเลขไปปรับเลือกช่องสายนาฬิกา เพื่อที่จะทำให้การสวมใส่สมาร์ทวอชพอดีสำหรับการวัดความดันโลหิตด้วย
เมื่อทำการวัดขนาดข้อมือของผู้สวมใส่แล้วเลือกขนาดสาย M หรือ L เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเป็นการติดตั้งสายนาฬิกาตามปกติ ใช้ข้อล็อคแบบบานพับไปยังตำแหน่งหมายเลขที่วัดได้ จากนั้นขั้นตอนสุดท้ายทำการติดตั้ง Air Bag ที่ด้านในของสายนาฬิกา การติดตั้งทำได้ไม่ยากสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
สำหรับการทำความสะอาดก็ทำได้ง่าย เพียงแค่กดปุ่มถอดสาย Air Bag ออกมา แล้วดึงผ้าหุ้ม Air Bag นำไปซัก หรือทำความสะอาดได้ทันที อาจจะใช้ผ้าหุ้ม Air Bag สำรองถอดสลับกันไปทำความสะอาดด้วยเช่นกัน หรือหากไม่ต้องการใช้งานวัดความดันโลหิตก็สามารถนำฝาปิดช่องปั๊มลมเพื่อป้องกันน้ำเข้าปิดเอาไว้ได้
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยแอพฯ Huawei Health
แน่นอนว่าการใช้งานสมาร์ทวอชของ HUAWEI ต้องทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนให้เรียบร้อย และแอพฯ ที่ใช้งานเป็นแอพฯ ที่ชื่อว่า HUAWEI HEALTH สามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ของ HUAWEI หรือสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android หรือ iOS ค้นหาแอพฯ ที่ชื่อว่า HUAWEI HEALTH ทำการติดตั้งให้เรียบร้อย หากเป็นสมาร์ทโฟน Harmony OS เมื่อเปิดนาฬิกาแล้วนำไปวางใกล้ๆ สมาร์ทโฟน Huawei จะมี Pop-up เด้งขึ้นมาแจ้งเตือนให้เชื่อมต่อ จากนั้นทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
แอพฯ HUAWEI Health จะทำการซิงค์ข้อมูลต่างๆ ที่ WATCH D เก็บมาเพื่อสรุปและรายงานอย่างละเอียดบนหน้าจอ ทั้งข้อมูลการวัดความดันโลหิต การออกกำลังกาย การเดิน การวิ่ง และการนอน เพื่อการดูข้อมูลที่ละเอียดขึ้น และสามารถดูข้อมูลต่างๆ ย้อนหลังได้
นอกจากนี้หากต้องการเปลี่ยน Watch Faces หรือหน้าปัดนาฬิกาก็สามารถเข้ามาดาวน์โหลดหน้าปัดใหม่ๆ ได้จากแอพฯ นี้ โดยมีให้เลือกทั้งแบบฟรี และเสียเงินซื้อ ส่วนการอัพเดท Firmware เมื่อมีเวอร์ชั่นใหม่ๆ เข้ามาก็สามารถอัพเดทได้จากแอพฯ นี้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น
วัดความดันโลหิตได้ทุกที่ ทุกเวลา ง่ายๆ บนข้อมือ
เมื่อติดตั้งสายนาฬิกา ติดตั้งและเชื่อมต่อกับแอพฯ HUAWEI Health เรียบร้อยแล้วก็พร้อมใช้งานทุกฟังก์ชั่นทันที และฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของการวัดความดันโลหิตที่สามารถกดวัดได้ทุกที่ ทุกเวลาที่ต้องการ เหมาะกับผู้ใช้ที่มีอาการป่วยในเรื่องของระบบความดันโลหิตที่ต้องการวัดความดันเมื่อต้องการ หรือผู้ใช้ที่มีความดันโลหิตปกติ แต่อยากได้สมาร์ทวอชที่มีฟังก์ชั่นครบครันก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน
ระบบวัดความดันโลหิต และระบบวัดตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าของหัวใจของรุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ได้รับการอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้จัดเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ประเภทที่ 2 สามารถเป็นเครื่องตรวจวัดความดันโลหิตให้กับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงหรือต่ำได้ตลอดเวลาตามต้องการ หลักการทำงานวัดความดันโลหิตจะคล้ายกับเครื่องวัดความดันทั่วไป แต่ HUAWEI WATCH D ใช้สายรัดข้อมือที่มี Air Bag และปั๊มลมขนาดเล็กที่อยู่ในตัวเรือน ออกแบบมาโดยเฉพาะให้ตรวจวัดความดันโลหิตได้อย่างแม่นยำ
ปั๊มลมภายในมีขนาดเล็ก ปราศจากเสียงในขณะทำงาน สามารถทำแรงดันได้ถึง 40 kPa (กิโลปาสคาล) วัดความดันโลหิตได้สูงสุดที่ 230 mmHg (มิลลิเมตรปรอท) เทียบเท่าเครื่องวัดความดันโลหิตทั่วไป Air Bag หรือถุงลมออกแบบมาให้มี 2 ชั้น เมื่อถูกปั๊มลมเข้าไป ถุงลมจะพองออกและรัดข้อมือได้พอดี ช่วยให้ตรวจวัดความดันโลหิตได้แม่นยำมากขึ้น สำหรับเซ็นเซอร์วัดความดันมีความละเอียดสูง 0.01 mmHg ช่วยให้การวัดมีความละเอียดและแม่นยำมากขึ้น
การตรวจวัดค่าความดันโลหิตทำได้ง่ายๆ โดยก่อนการวัดควรนั่งพักผ่อน 5 นาที จากนั้นกดปุ่มสีแดง หรือเข้าสู่เมนูวัดความดันโลหิต นั่งตัวตรงหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกมือที่ใส่นาฬิกามาไว้บริเวณหน้าอกในระดับเดียวกันกับหัวใจ ไม่ควรทาบหรือกดสายนาฬิกาเข้ากับหน้าอก อีกมือให้ยกมาแตะที่ข้อศอกตามภาพ รอประมาณ 30-50 วินาทีจนนาฬิกาสั่นเป็นอันสิ้นสุดการวัด จากนั้นอ่านผลบนหน้าจอแสดงผล ค่าความดันโลหิตที่เหมาะสมในระดับต่างๆ มีค่าดังนี้
ค่าความดันโลหิตที่เหมาะสม Systolic น้อยกว่า120 | Diastolic น้อยกว่า 80
ความดันโลหิตเริ่มสูง Systolic 120-139 | Diastolic 80-89
ความดันโลหิตสูง Systolic 140-159 | Diastolic 80-99
ความดันโลหิตสูงมาก Systolic 160-179 | Diastolic 100-109
ความดันโลหิตในระดับอันตราย Systolic มากกว่า 180 | Diastolic มากกว่า 110
ในการวัดค่าความดันโลหิตทุกครั้งจะถูกบันทึกลงหน่วยความจำ และสามารถเปิดดูบันทึกการวัดค่าที่ผ่านมาได้ในแอพฯ HUAWEI Health
วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้เพียงปลายนิ้วด้วยเซ็นเซอร์ ECG
นอกจากการวัดความดันโลหิตแล้ว ยังสามารถวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วแตะลงบนเซ็นเซอร์ที่ปุ่ม Health โดยรุ่นที่วางขายในไทยสามารถใช้งาน ECG (Electrocardiography) ได้โดยได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตามใบรับแจ้งรายการละเอียดที่ 65-2-2-2-0003968 สามารถบันทึกผล ECG ได้โดยการวัดแบบ Single Lead เซ็นเซอร์จะรับสัญญาณรูปคลื่นภายใน 30 วินาที และสามารถตรวจจับจังหวะไซนัส และความเสี่ยงของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ พร้อมวิเคราะห์ผลได้แบบเรียลไทม์จากคลื่นของไฟฟ้าหัวใจ เมื่อวิเคราะห์แล้วสามารถแจ้งเตือนความผิดปกติของภาวะหัวใจเบื้องต้น โดยการตรวจวัดนี้มีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้เพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์
รองรับการออกกำลังกายมากกว่า 70 หมวด
ในด้านการรองรับการออกกำลังกายของรุ่นนี้ก็มีรองรับมากถึง 70 หมวด ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายขั้นพื้นฐานอย่างเช่นการเดิน การวิ่ง การปั่นจักรยาน กระโดดเชือก พายเรือ เป็นต้น มีภาครับสัญญาณดาวเทียม GPS ระบุพิกัดเส้นทางการออกกำลังกาย ระยะทาง ความเร็ว ความสูงได้โดยไม่จำเป็นต้องพกโทรศัพท์ออกไปด้วย มีคอร์สการออกกำลังกายสำหรับผู้ที่เริ่มออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสมรรภาพให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ตัวเรือนป้องกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเหงื่อ หรือน้ำเข้าขณะล้างมือ และเมื่อออกกำลังกายเสร็จก็สามารถดูผลการออกกำลังกายได้บนหน้าจอนาฬิกา หรือบนสมาร์ทโฟนแบบละเอียดก็ได้เช่นกัน
เก็บข้อมูลด้านสุขภาพ ตลอด 24 ชม.
สำหรับใครที่อยากทราบข้อมูลด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการเดินในแต่ละวัน ข้อมูลเต้นของหัวใจ ระดับความเครียด ระดับออกซิเจนในเลือด อุณหภูมิบนผิวหนัง HUAWEI WATCH D จะเก็บข้อมูลทุกอย่างตลอดเวลาที่สวมใส่ แม้กระทั่งข้อมูลการนอนหลับด้วยเทคโนโลยี HUAWEI TruSleep™ 2.0 เพื่อตรวจวัดแต่ละช่วงการนอน (Sleep Stage) อัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ และวัดการหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งหากพึ่งเคยใช้อาจจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในช่วงแรกๆ เพราะตัวเรือนมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่หากใช้ไปสักพักก็จะเริ่มชิน และข้อมูลทั้งหมดจะถูกซิงค์เก็บไว้ในสมาร์ทโฟน สามารถเปิดแอพฯ HUAWEI Health เพื่อดูข้อมูลย้อนหลังเป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือนได้นานถึง 1 ปี นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ HUAWEI Healthy Living Shamrock คอยแจ้งเตือนกิจวัตรต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ดื่มน้ำ รับประทานยาตามเวลา นับก้าว หรือเตือนเมื่อนั่งติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
สรุปการใช้งาน HUAWEI WATCH D จากความเห็นของ What Phone
จากที่ได้เห็นเครื่องวัดความดันโลหิตตามโรงพยาบาลเครื่องใหญ่ๆ จนมาเห็นเครื่องพกพาขนาดเล็กเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราทึ่งกับการออกแบบเครื่องวัดความดันที่ย่อขนาดลงมาเหลืออยู่บนข้อมือขนาดพอๆ กับนาฬิกาทั่วไป แถมยังวัดความดันโลหิตได้อย่างแม่นยำ ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่ต้องการสมาร์ทวอชเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน และเหมาะกับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตที่ต้องหมั่นวัดความดันอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังคงฟังก์ชั่นการออกกำลังกาย การเก็บข้อมูลด้านสุขภาพตลอด 24 ชม. ได้อีกด้วย สำหรับการทดสอบใช้งานจริงโดยเริ่มจากชาร์จแบตจนเต็ม เปิดการตรวจวัดทุกอย่าง ตรวจวัดความดันวันละ 2-3 ครั้ง เปิดหน้าจอ Always on Display พบว่าใช้งานได้ประมาณ 6-7 วัน ถือว่าใช้งานได้นานพอสมควร สำหรับราคาเปิดตัวอยู่ที่ 14,990 บาท ถือว่าไม่แพงเลยที่มีเครื่องวัดความดันโลหิตในตัวแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องพกเครื่องวัดความดันอีกต่อไป เรียกได้ว่าครบจบทุกเรื่องสุขภาพด้วย HUAWEI WATCH D เพียงเรือนเดียว
สรุปสเป็ค
- ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 2.1
- รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 2.0 ขึ้นไป, Android 6.0 ขึ้นไป, iOS 9.0 ขึ้นไป
- ขนาด 51 x 38 x 13.6 มม. น้ำหนัก 40.9 กรัม
- หน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 1.64 นิ้วแบบสัมผัส ความละเอียด 466 x 280 พิกเซล
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.1
- เซ็นเซอร์พร้อม Air Bag วัดความดันโลหิต และคลื่นหัวใจไฟฟ้า ECG
- เซ็นเซอร์ Acceleration sensor, Gyro sensor, Optical heart rate sensor, Differential pressure sensor, Hall sensor, Temperature sensor
- ภาครับสัญญาณดาวเทียม GPS, Beidou, GLONASS, GALILEO, QZSS ในตัว
- กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 7 วัน
- ราคา 14,990 บาท
โปรโมชันช่วงพรีออเดอร์: เมื่อสั่งซื้อสินค้าในช่วงพรีออเดอร์ ตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2565 ถึง 7 กรกฎาคม 2565 รับทันที HUAWEI Scale 3 มูลค่า 799 บาท
ช่องทางจัดจำหน่าย: หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee, Lazada และแอปพลิเคชัน My HUAWEI