ในปีที่แล้ว Huawei เปิดตัวสมาร์ทแบนด์จอสีราคาประหยัดเพียง 999 บาท ซึ่งเป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์ขั้นพื้นฐานเท่านั้น มาปีนี้ Huawei เปิดตัวสมาร์ทวอชจอสีราคาประหยัดอย่าง Huawei Watch Fit ลงสู่ตลาดในราคาเพียง 3,499 บาทเท่านั้น ฟีเจอร์การใช้งานค่อนข้างครบครัน มาดูกันว่าราคาเท่านี้มีอะไรโดดเด่นบ้าง
แกะกล่องลองใส่ Huawei Watch Fit
- Huawei Watch Fit
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB
- คู่มือการใช้งาน
สมาร์ทวอชรุ่นนี้มีอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่มาเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นสายชาร์จแบบ USB-A ที่สามารถเสียบชาร์จได้กับอแดปเตอร์สมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น หรือจะเสียบเข้ากับ USB คอมพิวเตอร์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ก็ได้เช่นกัน การเสียบชาร์จจะมีแม่เหล็กกำลังสูงดูดให้แป้นชาร์จติดกันพอดี แต่หากเสียบผิดด้าน แม่เหล็กจะผลักไม่ให้ชาร์จ ส่วนคู่มือก็มีภาษาไทยมาให้ด้วย
Huawei Watch Fit มีหน้าปัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัวเรือนมีลักษณะโค้งรับกับข้อมือเล็กน้อย จอแสดงผลมีขนาด 1.64 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 280 x 456 พิกเซล เป็นจอภาพแบบ AMOLED ให้สีสันสวยงาม สู้แดดได้ดี มองเห็นได้ชัดเจนเมื่ออยู่กลางแจ้ง และยังมีฟีเจอร์ Always on Display ที่จะแสดงเวลาบนหน้าจอตลอด แต่ก็จะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วเช่นกัน
ด้านข้างขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นปุ่ม Home และปุ่มเมนูอีกด้วย
ด้านหลังของตัวเรือนมี Heart rate sensor แบบ Optical ซึ่งจะปล่อยแสงสีเขียวออกมาตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจบนผิวหนัง มีพอร์ตสำหรับชาร์จแบตเตอรี่
สายนาฬิกาใช้วัสดุเป็นซิลิโคนเป็นสีเดียวกันกับตัวเรือน โดยเครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสีดำ แต่ก็ยังมีสีอื่นๆ อีกเช่นสีชมพู สีเขียว สีส้มให้เลือก
ส่วนหัวท้ายของตัวเรือนจะมีสลักยืดสายนาฬิกาเอาไว้ จะต้องใช้เหล็กแหลมจิ้มเข้าไปที่ร่องแล้วงัดสลักขึ้นมา อาจจะดูยากสักหน่อย แต่หากรู้จังหวะแล้วก็จะง่ายขึ้น แต่ต้องระวังเวลางัด เพราะสลักอาจจะกระเด็นหายไปได้
เชื่อมต่อกับแอพฯ Huawei Health
เมื่อแกะกล่องเสร็จเรียบร้อยอาจจะชาร์จแบตเตอรี่ก่อน หรือเชื่อมต่อกับแอพฯ Huawei Health ก่อนก็ได้ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพฯ จาก AppGallery จากสมาร์ทโฟน Huawei หรือหากเป็นแบรนด์อื่นๆ ก็ดาวน์โหลดได้จาก Play Store หรือ iOS ก็ดาวน์โหลดจาก AppStore จากนั้นก็เปิดสมาร์ทวอช แล้วเลือกเพิ่มอุปกรณ์ จากนั้นทำตามขั้นตอนเพียงไม่กี่อึดใจก็เชื่อมต่อสำเร็จพร้อมใช้งาน
การปรับเปลี่ยนหน้าปัด หรือ Watch Faces สามารถทำได้จากแอพฯ หรือจากเมนูในสมาร์ทวอช แต่หากต้องการดาวน์โหลดหน้าปัดใหม่ๆ จะต้องไปเลือกดาวน์โหลดที่แอพฯ Huawei Health ซึ่งตอนนี้มีให้เลือกดาวน์โหลดมากถึงร้อยกว่าแบบ มีทั้งแบบเข็ม แบบตัวเลข และเป็นภาพกราฟฟิคเคลื่อนไหวได้ นอกจากนี้ยังใช้ภาพถ่ายจากกล้องของเรามาเป็นภาพพื้นหลังหน้าปัดนาฬิกาได้ด้วย
รองรับการออกกำลังกายสูงสุด 96 โปรแกรม พร้อมระบบตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ
Watch Fit รองรับการออกกำลังกายในแบบต่างๆ มากถึง 96 แบบ ไม่ว่าจะเป็นเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, โยคะ, เทควันโด, ต่อยมวย, เตะบอล, เต้นบัลเลต์ หรือแม้กระทั่งบันจี้จั๊มก็สามารถตรวจจับการออกกำลังกายได้ อีกทั้งยังมีภาครับสัญญาณ GPS ในตัว ช่วยในการติดตามเส้นทางการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการออกกำลังกายแบบสั้นๆ ตั้งแต่ 3 นาทีไปจนถึง 18 นาที เหมาะกับผู้ใช้ที่ไม่มีเวลาออกไปฟิตเนส สามารถออกกำลังกายตามท่าต่างๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา หมดข้ออ้างที่บอกว่าไม่มีเวลาออกกำลังกายไปได้เลย
Heart rate sensor ที่ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมทั้งบอก Zone การเต้นของหัวใจบนหน้าจอ ช่วยให้เราไม่หักโหมจนหัวใจเต้นเร็วจนเกินไป ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สามารถตรวจวัดได้คือค่า VO2Max เป็นค่าตัวเลขที่จะบ่งบอกอัตราการใช้ออกซิเจนในร่างกายเมื่อออกกำลัยกายจนถึงขีดสุด หรืออีกนัยหนึ่งคือตัวเลขที่บอกค่าความฟิตของร่างกายนั่นเอง
และสำหรับผู้ใช้ที่ออกกำลังกายแต่ลืมกดนาฬิกา ระบบก็สามารถตรวจสอบการออกกำลังกายได้พร้อมแจ้งเตือนอัตโนมัติ ทำให้เราเก็บสถิติได้อย่างไม่ขาดตอน
แทร็คการเดิน การนอนหลับ ความเครียด อัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมวัดระดับออกซิเจนในเลือด
ถือเป็นฟีเจอร์ขึ้นพื้นฐานของสมาร์ทแบนด์ หรือสมาร์ทวอชที่จะต้องมีระบบตรวจจับการเดิน การวิ่ง การออกกำลังกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่ง Watch Fit รุ่นนี้ก็มีคุณสมบัติตรวจจับที่ว่ามาทั้งหมด ซึ่งระบบจะตรวจจับข้อมูลต่างๆ บนข้อมือของเราตลอด 24 ชั่วโมง สามารถเปิดดูข้อมูลแบบคร่าวๆ ได้จากบนหน้าจอสมาร์ทวอช หรือหากต้องการดูแบบละเอียดก็สามารถเปิดสมาร์ทโฟนดูได้จากแอพฯ Huawei Health ก็ได้เช่นกัน
โดยข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาวิเคราะห์การใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เคลื่อนที่ หรือออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น และตัวสมาร์ทวอชยังมีระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวที่จะช่วยเตือนเมื่อนั่งอยู่กับที่นานเกินไป เป็นตัวช่วยเตือนให้เราลุกออกมาเดิน ผ่อนคลาย ออกมาสูดอากาศก่อนกลับเข้าไปนั่งทำงานต่อไป
สำหรับการนอนหลับเราสามารถสวมใส่ Watch Fit นอนได้อย่างสบาย เพราะตัวเรือนมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใส่นอนในระยะแรกอาจจะไม่ถนัด แต่หากใส่จนชินก็สามารถสวมใส่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถตรวจจับการนอนได้ 3 ระดับคือ REM Sleep, Light Sleep และ Deep Sleep โดยระบบจะให้คะแนนการนอนหลับ ซึ่งจะช่วยให้เราทราบถึงคุณภาพการนอนของเรา หากต้องการคะแนนมากก็จะต้องรีบเข้านอนเพื่อให้ร่างกายได้นอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่มากขึ้น
อีกฟีเจอร์เด่นของสมาร์ทวอชรุ่นนี้คือการวัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือค่า SpO2 ซึ่งสามารถวัดได้แบบคร่าวๆ ไม่สามารถใช้ในทางการแพทย์ได้ และนอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์วัดความเครียด และฟีเจอร์ช่วยฝึกให้เราหายใจเป็นจังหวะ ช่วยให้เราได้รับออกซิเจนได้เต็มปอด อีกทั้งยังช่วยให้เราผ่อนคลายอีกด้วย
แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมระบบชาร์จเร็ว 10 นาทีเต็ม 40%
สิ่งที่เราค่อนข้างประทับใจคือระบบการชาร์จที่รวดเร็วมากๆ จากการทดสอบชาร์จ 0-40% ใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น เมื่อชาร์จต่อเนื่อง 20 นาทีแบตเตอรี่ก็ชาร์จไปถึง 80% เลยทีเดียว และเมื่อถึง 30 นาทีก็ชาร์จไปถึง 95% ถือว่าเร็วมากๆ เมื่อเทียบกับสมาร์ทวอชรุ่นอื่นๆ ส่วนการใช้งานเปิดทุกฟังก์ชั่น เปิดหน้าจอ Always on Display สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 4 วัน หากปิดหน้าจอ Always on Display จะใช้งานได้ประมาณ 6-7 วัน ซึ่งตามสเป็คสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 10 วัน ถือว่านานพอสมควร
สรุปการใช้งาน Huawei Watch Fit จากความเห็นของ What Phone
จากการใช้งานมาสักระยะถือว่าเป็นสมาร์ทวอชที่มีน้ำหนักเบา ใส่สบาย สามารถใส่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงแม้กระทั่งการนอนหลับ จากการทดสอบเปิดใช้งานทุกฟังก์ชั่น และเปิดหน้าจอ Always on Display สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องได้ยาวนาน ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานถือว่ามีมาให้อย่างครบครันไม่แพ้สมาร์ทวอชราคาแพง มีระบบการแจ้งเตือนภาษาไทยสมบูรณ์แบบ โดยรวมถือว่า Watch Fit เป็นสมาร์ทวอชที่มีดีไซน์สวย ราคาคุ้มค่า จ่ายเพียง 3,499 บาทสามารถใช้งานได้ทุกอย่าง หากมองหานาฬิกาดีๆ ฟีเจอร์ครบ ราคาไม่แพง เราขอแนะนำสมาร์ทวอชรุ่นนี้เลยครับ
สรุปสเป็ค
- ขนาด 46 มม. x 30 มม. x 10.7 มม. น้ำหนัก 21 กรัม (ไม่รวมสาย)
- หน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 1.64 นิ้วแบบสัมผัส ความละเอียด 280 x 456 พิกเซล
- หน่วยความจำภายใน 4 GB
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 BLE
- เซ็นเซอร์ 6-axis IMU sensor (Accelerometer sensor, Gyroscope sensor), Optical heart rate sensor
- ภาครับสัญญาณดาวเทียม GPS ในตัว
- กันน้ำลึก 50 เมตร (5 ATM)
- แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 10 วัน
- รองรับการใช้งานทั้ง Android และ iOS
- ราคา 3,499 บาท
- มีให้เลือกสี Graphite Black, Mint Green, Sakura Pink, Cantaloupe Orange