พัฒนาต่อเนื่องกับสมาร์ทวอชในตระกูล WATCH GT Pro มาถึงรุ่นที่ 3 อย่าง HUAWEI WATCH GT 3 Pro ที่ถูกเปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ที่ทาง HUAWEI พัฒนาขึ้นมาเอง โดยสมาร์ทวอชรุ่นนี้ยังคงความพิถีพิถันในการผลิต และเลือกใช้วัสดุที่แข็งแรง ทนทานเช่นเคย มาดูกันว่ารุ่นนี้จะมีอะไรพัฒนาขึ้นมาบ้าง
แกะกล่องลองเล่น Huawei WATCH GT 3 Pro
กล่องของ WATCH GT 3 Pro รุ่นนี้มาในแนวสีดำตัดกับตัวหนังสือสีทองดูหรูหรา พรีเมี่ยมน่าใช้งาน ที่มุมล่างขวาของกล่องยังมีโลโก้บ่งบอกถึงระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ที่ใช้กับสมาร์ทวอชรุ่นนี้ด้วย และเมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ที่จำเป็นดังนี้
- HUAWEI WATCH GT3 Pro Titanium Edition
- แท่นชาร์จไร้สาย
- คู่มือการใช้งาน
ภายในกล่องจะมีเพียงอุปกรณ์เป็นแท่นชาร์จมาให้เพียงชิ้นเดียว ไม่มีสายแบบสั้น หรือสายสำรองมาให้แต่อย่างใด สำหรับเอกสารก็มีเพียงเอกสารการคู่มือการใช้งานอย่างรวดเร็วมาให้ มีข้อมูลเป็นภาษาไทยให้ได้อ่านด้วย
HUAWEI WATCH GT 3 Pro Titanium Edition ที่สุดของสมาร์ทวอชระดับพรีเมี่ยม
สมาร์ทวอชของ HUAWEI นั้นมีมากมายหลายรุ่น แต่ถ้าพูดถึงความวัสดุ ความพรีเมี่ยม และความภูมิฐาน ต้องเป็นสมาร์ทวอชในตระกูล WATCH GT Pro สวมใส่ได้ทุกโอกาส ทุกเครื่องแต่งกาย ซึ่งตอนนี้มาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว ซึ่งในรุ่นนี้มาพร้อมวัสดุที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เริ่มจากกระจกหน้าจอใช้วัสดุเป็น Sapphire ที่มีความแข็งแกร่ง ทนทานต่อรอยขีดข่วน เสริมด้วยตัวเรือนจากวัสดุ Titanium ที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแกร่งทนทานเช่นกัน สายนาฬิกาใช้วัสดุหนังแท้ มีความนุ่มนวล ไม่ระคายผิวหนัง เมื่อประกอบขึ้นมาเป็น WATCH GT3 Pro ที่นอกจากจะดูภูมิฐานแล้ว ยังถือได้ว่าเป็นสมาร์ทวอชที่มีความแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ
หน้าจอที่ครอบทับด้วยกระจก Sapphire จึงไม่ต้องกังวลเรื่องรอยขีดข่วน จอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 1.43 นิ้ว เป็นจอภาพแบบ AMOLED ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล ให้ความละเอียด และสีสันสวยงามสมจริง อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเปร่งแสงเฉพาะพิกเซลได้ จึงรองรับการแสดงผลแบบ Always on Display ที่ใช้พลังงานต่ำ สามารถเปิดแสดงผลได้ตลอดเวลา จึงดูเหมือนนาฬิกาจริงๆ ไม่ดำมืดเหมือนสมาร์ทวอชรุ่นอื่นๆ หน้าปัดนาฬิกา หรือ Watch faces ของรุ่นนี้ของรุ่นนี้ยังถูกออกแบบมาใหม่ เข็มนาฬิกาดูมีมิติมากยิ่งขึ้นด้วยเงาที่ตกลงบนพื้นผิวของหน้าปัด จึงดูเหมือนหน้าปัดนาฬิกาจริงมากขึ้น หรือจะปรับเปลี่ยนดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ในแอพฯ HUAWEI Health
ตัวเรือนด้านข้างตัวเครื่องทำจากวัสดุ Titanium สแตนเลนสตีล ให้ความแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา และที่ด้านข้างขวาของตัวเรือนมีเม็ดมะยมที่สามารถกด และหมุนเพื่อเลื่อนเมนูได้ ทำให้ดูเหมือนกับนาฬิกาจริงๆ และเมื่อมองใกล้ๆ จะเห็น HUAWEI WATCH GT สลักอยู่ที่ด้านนอกของปุ่มด้วย ส่วนปุ่มที่ด้านล่าง เป็นปุ่มลัดเข้าสู่เมนูออกกำลังกาย หรือจะตั้งเป็นปุ่มเมนูลัดต่างๆ ได้อีกด้วย ส่วนตรงกลางยังมีช่องของสปีกเกอร์สำหรับส่งเสียงต่างๆ รวมไปถึงการใช้งานโทรศัพท์ด้วย
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องเป็นวัสดุแบบเซรามิคเงางาม มีเซ็นเซอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับชีพจรแบบออฟติอล (ไฟ LED สีเขียว), เซ็นเซอร์ตรวจจับออกซิเจนในเลือด (ไฟ LED สีแดง), เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิบนผิวหนัง เป็นต้น
สายนาฬิกาใช้วัสดุหนังแท้ เดินเส้นด้วยด้ายสีเทาที่เย็บอย่างประณีต ด้านนอกเป็นสีเทาดูกลมกลืนกับสมาร์ทวอช ส่วนด้านในเป็นหนังสีส้ม ให้ผิวสัมผัสนุ่ม ไม่ระคายผิว สามารถถอดเปลี่ยนสายแบบอื่นๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยการดึงสลักออกจากตัวเรือน
สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ทำได้ด้วยแท่นชาร์จแบบไร้สาย สามารถวางชาร์จได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลว่าจะวางผิดด้าน เพียงแค่วางนาฬิกาใกล้ๆ กับแท่นชาร์จก็จะถูกดูดด้วยแม่เหล็ก สามารถเสียบสายชาร์จได้กับอแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟน หรือเสียบเข้ากับพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์ก็ได้เช่นกัน
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนง่ายดายด้วยแอพฯ Huawei Health
สำหรับสมาร์ทโฟนที่จะนำมาใช้งานหากเป็นสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ของ HUAWEI ก็จะทำให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทุกฟังก์ชั่น แต่ WATCH 3 GT Pro ก็ยังรองรับสมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iOS เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพฯ HUAWEI Health ซึ่งเป็นแอพฯ สำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทวอช และสมาร์ทแบนด์ต่างๆ ของทาง HUAWEI เมื่อติดตั้งแอพฯ เรียบร้อยแล้วก็ทำการเชื่อมต่อตามขั้นตอนที่อธิบายบนหน้าจอไม่กี่ขั้นตอนก็พร้อมใช้งาน แต่หากใช้ครั้งแรกอาจจะมีอัพเดท Firmware ของนาฬิกา เพื่อปรับปรุงการทำงานของสมาร์ทวอชให้ดียิ่งขึ้น ใช้เวลาไม่นานก็สามารถใช้งานได้ทันที
การปรับเปลี่ยนหน้าปัด หรือ Watch Faces สามารถทำได้จากแอพฯ หรือจากเมนูในสมาร์ทวอช แต่หากต้องการดาวน์โหลดหน้าปัดใหม่ๆ จะต้องไปเลือกดาวน์โหลดที่แอพฯ Huawei Health ซึ่งตอนนี้มีให้เลือกดาวน์โหลดมากถึงร้อยกว่าแบบ มีทั้งแบบเข็ม แบบตัวเลข และเป็นภาพกราฟฟิคเคลื่อนไหวได้ นอกจากนี้หากใช้สมาร์ทโฟน Huawei ก็สามารถซื้อหน้าปัดนาฬิกาแบบใหม่ๆ เพิ่มเติมได้โดยใช้ Huawei ID ในการชำระเงิน และยังมี Watch Faces ของคนไทยที่พัฒนาออกมาวางจำหน่ายในนี้ด้วย แต่หากใช้ระบบปฏิบัติการอื่นๆ จะใช้ได้เพียงหน้าปัดที่มีมาให้ดาวน์โหลดฟรีเท่านั้น
รองรับการออกกำลังกายมากกว่าร้อยโหมด เพิ่มเติมคือโหมด Free diving และโหมด Golf
ในรุ่นก่อนมีโหมดการออกกำลังกายให้เลือกมากกว่าร้อยโหมด ไม่ว่าจะเป็นเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, ไตรกีฬา, โยคะ, เทควันโด, ต่อยมวย, การเต้น ฯลฯ มาถึงรุ่นนี้ได้เพิ่มโหมดการออกกำลังกายอย่างเช่นโหมดดำน้ำ หรือ Free dive สามารถดำน้ำจืด หรือน้ำเค็มได้ลึกสูงสุดถึง 30 เมตร บอกระยะความลึกแบบ Real time ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้ดำน้ำมาก สามารถเก็บสถิติการดำน้ำลึกสูงสุดที่ดำได้ มีฟีเจอร์คำนวนระยะเวลาที่ควรขึ้นสู่ผิวน้ำ สามารถตั้งการแจ้งเตือนได้ทั้งระบบเสียงและระบบสั่น จัดเก็บข้อมูลทั้งจำนวนครั้งการลงดำน้ำ หรือหากเป็นมือใหม่ก็มีโหมดฝึกกลั้นลมหายใจก่อนลงดำน้ำจริงมาให้ด้วย ส่วนโหมด Golf ก็มีฟีเจอร์ติดตามได้ทั้งท่วงท่า ความเร็ว จังหวะ และรายละเอียดอื่นๆ ของแต่ละวงสวิง พร้อมประเมินและให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์
ตัวเครื่องยังมีภาครับสัญญาณ GPS ในตัวถึง 5 ระบบ ไม่ว่าจะเป็น GPS, Beidou, GLONASS, GALILEO, QZSS ช่วยในการติดตามเส้นทางการออกกำลังกาย มีฟีเจอร์ Route back ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้หลงทาง สามารถวิ่งกลับเส้นทางเดิมได้อย่างถูกต้อง ส่วนในด้านการฝึกซ้อมก็สามารถวางเป้าหมายการวิ่ง และวางแผนฝึกซ้อมแบบรายสัปดาห์ด้วย AI Running Coach ที่สามารถเก็บสถิติ วิเคราะห์ และปรับแผนการฝึกซ้อมให้อัตโนมัติในสัปดาห์ต่อไป นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการออกกำลังกายแบบสั้นๆ มาให้ผู้ใช้ที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายด้วย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สามารถตรวจวัดได้คือค่า VO2Max เป็นค่าตัวเลขที่จะบ่งบอกอัตราการใช้ออกซิเจนในร่างกายเมื่อออกกำลัยกายจนถึงขีดสุด หรืออีกนัยหนึ่งคือตัวเลขที่บอกค่าความฟิตของร่างกายนั่นเอง และสำหรับผู้ใช้ที่ออกกำลังกายแต่ลืมกดนาฬิกา ระบบก็สามารถตรวจสอบการออกกำลังกายได้พร้อมแจ้งเตือนอัตโนมัติ ทำให้เราเก็บสถิติได้อย่างไม่ขาดตอน
เก็บข้อมูลด้านสุขภาพ ติดตามความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชม. แม้กระทั่งนอนหลับ
จากอดีตที่เราไม่สามารถรู้ข้อมูลด้านสุขภาพของตัวเองจนกระทั่งต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพถึงจะรู้ว่าสุขภาพของเราเป็นอย่างไร แต่สมาร์ทวอชจาก HUAWEI รุ่นนี้สามารถเก็บข้อมูลการเคลื่อนที่ของเราตั้งแต่ตื่น ไปจนกระทั่งนอนหลับได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน, การนอน, อัตราการเต้นของหัวใจ, ระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2), ความเครียด เป็นต้น สามารถเปิดดูข้อมูลแบบคร่าวๆ ได้จากบนหน้าจอสมาร์ทวอช หรือหากต้องการดูแบบละเอียดก็สามารถเปิดสมาร์ทโฟนดูได้จากแอพฯ Huawei Health ก็ได้เช่นกัน มีข้อมูลต่างๆ ที่เก็บมาได้ที่จะบันทึกให้เราเลือกดูเป็นรายชั่วโมง รายวัน รายเดือน รายสัปดาห์ หรือเป็นรายปีเลยทีเดียว
และถึงแม้ว่าเชื้อไวรัส Covid-19 จะเริ่มจางหายไป แต่การตรวจสอบสุขภาพเบื้องต้นของ WATCH GT 3 Pro ก็มีโหมดตรวจสอบระดับออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 และอุณหภูมิของผิวหนังมาให้ด้วย หากมีไข้อุณหภูมิสูงเกินปกติก็จะมีการแจ้งเตือนบนหน้าจอ ช่วยให้เรารักษาสุขภาพ และเข้าพบแพทย์ได้อย่างทันท่วงที
รองรับ Bluetooth calling การแจ้งเตือนภาษาไทยใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง 14 วัน
WATCH GT 3 Pro มีสปีกเกอร์ในตัว สามารถรับสายได้จากสมาร์ทโฟนได้ผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธ สะดวกในการรับสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่มือไม่ว่าง ทำงาน หรือขับรถอยู่ก็เปิดสปีกเกอร์คุยโทรศัพท์ผ่านสมาร์ทวอชได้ทันที ส่วนการแจ้งเตือนอื่นๆ ก็รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ สามารถเลือกการแจ้งเตือนเฉพาะแอพฯ ที่ต้องการได้ หรือหากไม่ต้องการการแจ้งเตือนในขณะทำงาน หรือนอนหลับก็สามารถเปิดโหมด Do not disturb เพื่อป้องกันไม่ให้สมาร์ทวอชแจ้งเตือนได้
จากสเป็คการใช้งานต่อเนื่องจะสามารถใช้งานได้นานถึง 14 วัน ซึ่งเป็นผลจาการใช้งานแบบปกติ แต่จากการทดสอบใช้งานจริงโดยเปิดทุกอย่าง ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดระดับออกซิเจนในเลือด, วัดอุหภูมิบนผิวหนัง, ตรวจจับการนอนหลับ ทั้งหมดเปิดตลอด 24 ชม. และยังเปิดหน้าจอแบบ Always on Display ตลอดเวลา พบว่าสามารถใช้งานได้ยาวๆ ถึง 5 วัน ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจมากทีเดียว
สรุปการใช้งาน Huawei Watch GT 3 จากความเห็นของ What Phone
ถือเป็นสมาร์ทวอชระดับพรีเมี่ยมที่ไม่ได้มีเพียงแต่ความสวยงาม แต่ยังมาพร้อมความแข็งแรง ทนทาน พร้อมที่จะลุยกับการออกกำลังกายได้ทุกรูปแบบ สวมใส่ในชีวิตประจำวันได้สบายตลอด 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งการนอนหลับ เป็นผู้ช่วยในการเก็บข้อมูลสุขภาพได้อย่างละเอียด แต่น่าเสียดายที่ยังไม่รองรับการใช้งาน eSIM ซึ่งหากต้องการออกกำลังกายนอกบ้านก็จะต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่จัดมาแบบเต็มพิกัด และด้วยความหรูหราพรีเมี่ยม กับราคาเปิดตัวที่ไม่ถือว่าแพงมากนักที่ราคา 11,990 บาท ถือเป็นสมาร์ทวอชที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
สรุปสเป็ค
- ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 2.1
- รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 2.0 ขึ้นไป, Android 6.0 ขึ้นไป, iOS 9.0 ขึ้นไป
- ขนาด 46.6 มม. x 46.6 มม. x 10.9 มม. น้ำหนัก 54 กรัม
- หน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้วแบบสัมผัส ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth
- เซ็นเซอร์ Acceleration sensor, Gyro sensor, Magnetometer sensor, Optical heart rate sensor, Barometer sensor, Temperature sensor
- ภาครับสัญญาณดาวเทียม GPS, Beidou, GLONASS, GALILEO, QZSS ในตัว
- กันน้ำลึก 50 เมตร (5 ATM)
- แบตเตอรี่ 530 mAh ใช้งานได้สูงสุด 14 วัน
- ราคา 11,990 บาท