ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 การกักตัวทำงานอยู่ที่บ้าน หรือการเรียนออนไลน์เป็นสิ่งจำเป็นในเวลานี้ อุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารอย่างแท็บเล็ตก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะมีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ราคาไม่แพง การใช้งาน และเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ไม่แพ้กับคอมพิวเตอร์ และรุ่นที่เราจะมาแนะนำในวันนี้เป็นแท็บเล็ตจากแบรนด์ Lenovo อย่างรุ่น Tab M10 FHD Plus ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เพรียบพร้อม มาดูกันว่าแท็บเล็ตราคา 7,990 บาทรุ่นนี้ทำอะไรได้บ้าง
แกะกล่องลองเล่น Lenovo Tab M10 FHD Plus
แท็บเล็ตที่เราได้มาทดสอบคราวนี้นอกจากจะมีกล่องที่บรรจุแท็บเล็ตแล้ว ยังมีกล่องอุปกรณ์เสริมที่ชื่อว่า Folio case and film มาให้ด้วย จึงไม่ต้องไปวิ่งหาอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ให้วุ่นวาย สามารถนำมาใช้งานได้ทันที มาแกะกล่องดูกันเลยครับ
- แท็บเล็ต Lenovo Tab M10 FHD Plus สี Iron Grey
- อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่กำลังไฟ 10 วัตต์
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- เข็มจิ้มถาดใส่การ์ด
- คู่มือการใช้งาน
เมื่อแกะกล่องแท็บเล็ตออกมาก็จะพบกับแท็บเล็ตหน้าจอ 10.3 นิ้ว พร้อมอุปกรณ์สายชาร์จ อแดปเตอร์ที่จ่ายไฟได้เพียง 10 วัตต์ ภายในกล่องยังมีสายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C ส่วนอุปกรณ์เสริมที่ได้มาไม่จำเป็นต้องหาซื้ออะไรเพิ่มเติมเลย ภายในกล่องมีเคสแบบพับได้ และยังมีฟิล์มกันรอยมาให้ด้วย อาจจะให้ทางร้านติดให้ หรือติดเองก็ทำได้ไม่ยากเย็นแต่อย่างใด โดยรวมแล้วไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมเลย
อุปกรณ์เสริมที่มีมาให้ (Folio case and film)
- เคสแบบปิดหน้าหลัง ด้านหน้าพับได้
- ฟิล์มกันรอย
สำหรับเคส Folio ด้านหน้า และด้านหลังทำมาจากวัสดุหนังเทียม ผิวเคสด้านนอกมีผิวสัมผัสที่ติดมือ ไม่ลื่นหลุดได้ง่ายๆ ส่วนด้านในเป็นกำมะหยี่ ช่วยปกป้องไม่ทำให้ตัวแท็บเล็ตเป็นรอย ส่วนของฝาปิดด้านหน้ายังสามารถพับไปไว้ที่ด้านหลังเพื่อเป็นสแตนด์ตั้งเครื่องแบบแนวนอนได้ด้วย เหมาะกับการตั้งเครื่องเพื่อดูหนัง หรือประชุมออนไลน์ และฝาพับด้านหน้ายังมีเซ็นเซอร์ช่วยเปิด ปิดหน้าจอแท็บเล็ตได้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องกดปุ่มด้วย
Lenovo Tab M10 FHD Plus รุ่นนี้มีหน้าจอขนาดใหญ่ 10.3 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบแบบ IPS ความละเอียด Full HD ตามชื่อรุ่น (1920 x 1200 พิกเซล) สามารถใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เหนือจอแสดงผลมีเลนส์รับภาพสำหรับถ่ายภาพเซลฟี่ หรือใช้สำหรับประชุมแบบ Video call ใกล้ๆ มีไฟ LED ดวงเล็กๆ กระพริบบอกการแจ้งเตือน และสถานะของแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็นระดับแบตเตอรี่ต่ำ หรือขณะชาร์จแบตเตอรี่ ส่วนมุมขวามีสติ๊กเกอร์แบรนด์ Lenovo ติดอยู่ หากไม่ต้องการก็สามารถลอกออกได้ทันที ส่วนที่มุมล่างก็มีสติ๊กเกอร์บอกจุดเด่นของแท็บเล็ตรุ่นนี้ สามารถลอกออกก็ได้เช่นกัน
ด้านหลังของตัวเครื่องเป็นออกแบบมาอย่างเรียบๆ เป็นสี Iron Grey มีโลโก้ Lenovo อยู่ที่ขอบของตัวเครื่อง ด้านล่างยังมีโลโก้ Dolby Atmos บ่งบอกถึงระบบเสียงที่รองรับด้วย ส่วนที่ด้านบนก็มีเลนส์กล้องสำหรับถ่ายภาพมาให้เพียงเลนส์เดียว
พลิกมาดูที่ด้านข้างซ้ายจะเห็น POCO Pin ซึ่งเป็นช่องต่ออุปกรณ์เสริมภายนอก คาดว่าจะเป็นอุปกรณ์ประเภทเคสคีย์บอร์ดที่จะต้องซื้อเพิ่ม
ส่วนที่ด้านข้างซ้ายไล่จากด้านบนมีปุ่มปรับระดับเสียง ปุ่มเปิดปิดเครื่อง ช่องใส่ถาดซิมการ์ด+การ์ดหน่วยความจำ microSD หากสังเกตดีๆ จะเห็นรูเล็กๆ 2 ช่อง นั่นก็คือไมโครโฟนรับเสียงสำหรับการบันทึกวิดีโอ อัดเสียง หรือการประชุมแบบออนไลน์
ที่ด้านบนมีช่องลำโพงแบบสเตอริโอที่จะให้เสียงแยกซ้ายขวาร่วมกับลำโพงที่อยู่ด้านล่างตัวเครื่อง เมื่อวางในแนวนอนก็จะให้เสียงที่มีมิติ แยกทิศทางของเสียงได้อย่างชัดเจน ใกล้ๆ กันเป็นช่องเสียบชุดหูฟังขนาด 3.5 มม.
ส่วนที่ด้านล่างมีช่องเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C ถัดมาเป็นช่องลำโพง
จบทุกงานออนไลน์ได้ด้วยแท็บเล็ตเครื่องเดียว
Lenovo Tab M10 ถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานในทุกๆ ด้าน ทั้งการทำงาน และความบันเทิง ด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 10 ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด แต่ก็ยังรองรับการใช้งาน และแอพพลิเคชั่นได้ทั้งหมด มาพร้อม Google Mobile Service ที่สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบ ทั้งแอพพลิเคชั่นบน Play Store และบริการต่างๆ จาก Google ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์, Google Maps, Google Drive, YouTube, Google Chrome ฯลฯ รูปแบบการใช้งานก็สามารถใช้ได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน กับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 10.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD Plus ให้สีสันสวยงาม
ในด้านการทำงานเอกสารออฟฟิศก็มีทั้ง Google Doc, Google Sheets, Google Slide ที่ใช้งานร่วมกับโปรแกรม Office ของค่ายอื่นๆ หรือหากต้องการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ก็มีแอพฯ ให้ดาวน์โหลดทั้ง Google Meets, Zoom Cloud Meeting, Microsoft Team ฯลฯ โดยอาศัยกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนในการประชุม
จัดเต็มความบันเทิงด้วยระบบเสียง Dolby Atmos
ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 10.3 นิ้ว ทำให้การดูหนัง ดูคลิปวิดีโอ หรือดู YouTube ได้อย่างเต็มตา และเมื่อใช้ร่วมกับ Folio case แล้วก็สามารถตั้งโต๊ะดูได้อย่างสะดวก ไม่ต้องหาอะไรมาพิงไว้ด้านหลัง ส่วนการฟังเพลงตัวเครื่องก็ยังมีลำโพงคู่แบบสเตอริโอ ให้เสียงแยกซ้ายขวาได้อย่างชัดเจน จะดูหนัง หรือฟังเพลงก็สัมผัสได้ถึงมิติเสียงที่แยกซ้ายขวา อีกทั้งยังมีระบบเสียง Dolby Atmos ที่สามารถปรับเสียงได้แบบ Dynamic, Movie, Music หรือเลือกปรับได้เองตามใจชอบ
นอกจากนี้ยังมีภาครับวิทยุ FM มาให้ในตัว โดยจำเป็นต้องเสียบหูฟังเป็นเสาอากาศรับสัญญาณ ถือว่าเป็นเพียงรุ่นแรก และรุ่นเดียวที่มีระบบวิทยุ FM มาให้ในตัว ไม่จำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ตฟัง FM ผ่านแอพฯ เหมือนรุ่นอื่นๆ
ประสิทธิภาพเพียงพอ เชื่อมต่อ 4G และ WiFi
ในการใช้งานของรุ่นนี้ก็มีหน่วยประมวลผลที่มีความเร็วในระดับกลางๆ เพียงสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยหน่วยประมวลผลของรุ่นนี้ใช้ชิพเซ็ต MediaTek Helio P22T Octa-core ความเร็ว 2.3 GHz หน่วยประมวลผลภาพ 3D PowerVR Rougue GE8320 มีหน่วยความจำ RAM 4 GB และ ROM 128 GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้อีกสูงสุด 256 GB
การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตของรุ่นนี้สามารถใส่ซิมการ์ด 1 หมายเลข รองรับเครือข่าย 4G โดยใช้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเท่านั้น ไม่สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้ หรือจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi เมื่ออยู่บ้าน หรือออฟฟิศก็ได้เช่นกัน สามารถนำไปใช้งานได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นบนรถยนต์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มี WiFi
สำหรับการเล่นเกมก็มีชิพประมวลผลภาพ 3D PowerVR Rougue GE8320 แต่เราไม่ขอแนะนำให้เล่นเกมภาพ 3D หนักๆ ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile ที่เราใช้ทดสอบเป็นประจำ พบว่าสามารถตั้งค่ากราฟฟิคได้ในระดับกลางๆ เท่านั้น ซึ่งก็จะยังพอเล่นได้ในระดับหนึ่ง แต่ภาพกราฟฟิคอาจจะยังดูไม่ละเอียดนัก
และสุดท้ายกับการทดสอบความแรงของหน่วยประมวลผลด้วยแอพฯ Antutu 3D Benchmark ก็ทำคะแนนได้ที่ 118927 คะแนน ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง ส่วนการทดสอบด้วยแอพฯ Geekbench 5 ทำคะแนน Single Core ได้ 164 คะแนน ส่วน Multi-Core ทำคะแนนได้ 959 คะแนน ด้วยคะแนนระดับนี้สามารถรองรับการใช้งานได้ทุกแบบ ทั้งการแชท ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือใช้งานทั่วไป
ถ่ายภาพคมชัดด้วยกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
การถ่ายภาพของกล้องหลังก็มีมาให้ที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งความละเอียดเท่านี้ถือว่าเพียงพอสำหรับการถ่ายภาพเพื่อนำไปใช้งานต่างๆ สำหรับการถ่ายภาพของรุ่นนี้ไม่ได้มีฟังก์ชั่นอะไรมากมาย มีเพียงแค่ให้เลือกใส่ฟิลเตอร์สีแบบต่างๆ ให้เลือก 6 แบบ สามารถค่า ISO, White Balance, ตั้งค่าชดเชยแสง แต่ที่น่าสนใจคือโหมดการถ่ายภาพเอกสารที่สามารถเลือก ส่วนการถ่ายวิดีโอก็ถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p และสำหรับกล้องหน้าก็มีความละเอียดมาให้ 5 ล้านพิกเซล ซึ่งจุดประสงค์หลักๆ ก็คือนำไปใช้ในการเรียนออนไลน์ หรือประชุมวิดีโอคอลล์ แต่จากการทดสอบด้วยแอพฯ Zoom ที่กำลังเป็นที่นิยมพบว่าไม่สามารถใช้ Virtual Background หรือการทำฉากหลังเสมือนได้ อาจจะเป็นเพราะหน่วยประมวลผลมีความเร็วไม่เพียงพอนั่นเอง
เปลี่ยนแท็บเล็ตให้เป็นของเล่นด้วย Kids Mode
ปัจจุบันสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตแทบจะไม่สามารถแยกออกจากเด็กสมัยนี้ได้ สำหรับแท็บเล็ต Lenovo รุ่นนี้ก็มี Kids Mode มาให้ เพียงแค่ให้ผู้ปกครองตั้งค่ารหัสผ่านเพื่อไม่ให้เด็กๆ ออกจาก Kids Mode เองได้ จากนั้นก็ให้เด็กๆ สนุกไปกับแอพฯ ที่มีมาให้อย่างการระบายสีรูปภาพ หรือให้เด็กๆ สนุกไปกับการถ่ายภาพ แล้วนำมาตกแต่งภายหลังได้ และสำหรับการใช้งานใน Kids mode นี้ หน้าจอยังถูกปรับให้ลดแสงสีฟ้า ซึ่งจะทำให้หน้าจอออกสีโทนเหลือง ช่วยถนอมสายตาเด็กๆ ขณะเล่นแท็บเล็ตด้วย
บทสรุป Lenovo Tab M10 FHD Plus จากความเห็นของ What Phone
ถือว่าเป็นแท็บเล็ตที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งการเรียน การทำงาน การประชุมออนไลน์ รวมถึงความบันเทิงทั้งดูหนัง ฟังเพลง Lenovo Tab M10 FHD Plus ก็ใช้งานได้ทั้งหมด แต่การใช้งานแบบหนักๆ อาจจะมีหน่วงบ้าง เนื่องด้วยหน่วยประมวลผลที่ไม่ได้แรงมากนัก แต่โดยรวมแล้วทำได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะหน้าจอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่ สีสันสวยงาม ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน ด้วยราคาเปิดตัว 7,990 บาทถือว่าคุ้มค่า เหมาะกับการนำมาใช้งานทั่วไป
สรุปสเป็ค Lenovo Tab M10 FHD Plus
- เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเครือข่าย 4G หรือผ่าน WiFi มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac, 2.4 GHz and 5 GHz
- หน้าจอ IPS ขนาด 10.3 นิ้ว ความละเอียด 2000 x 1920 พิกเซล
- กล้องหน้า 5 MP Selfie Camera
- กล้องหลัง 8 MP ถ่ายวิดโอ Full HD
- หน่วยประมวลผล MediaTek Helio P22T Octa-core ความเร็ว 2.3 GHz
- หน่วยความจำ 4 GB RAM + 128 GB ROM
- รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB
- ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 10
- มีวิทยุ FM ในตัว
- ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับการชาร์จ 10 วัตต์ (อแดปเตอร์ในกล่อง 10 วัตต์)
- สี Iron Grey
- ราคา 7,990 บาท