LG G2
เมื่อมาถึงช่วงปลายปี สิ่งที่หลายๆ คนต่างรอคอยก็มาถึง นั่นคือ แบรนด์สมาร์ทโฟนต่างพากันตบเท้าส่งรุ่นเรือธงเข้าสู่ตลาด แต่ละค่ายต่างก็จัดเต็มกับผลงานชิ้นโบว์แดงส่งท้ายปลายปี หนึ่งในค่ายเกาหลีอย่าง LG ก็ส่งสมาร์ทโฟนระดับสูงสุดอย่าง LG G2 ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนจาก LG รุ่นแรกที่ไม่ใช้ชื่อ Optimus ทำตลาดอีกต่อไป LG G2 มีดีไซน์ที่แตกต่างออกไปจากสมาร์ทโฟนตระกูล Optimus อยู่มากโข แต่มีทั้งความเท่และความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งขอบหน้าจอเครื่องที่บางมากๆ ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดพอดีๆ ทั้งที่ใส่หน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว และดีไซน์ที่เป็นจุดขายอย่างปุ่ม Rear Key คือการย้ายปุ่มเปิดปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียงไปไว้ที่ตำแหน่งด้านหลังทั้งหมด เนื่องจากทาง LG เห็นว่าการจับถือโทรศัพท์ของผู้ใช้ส่วนใหญ่จะต้องใช้นิ้วชี้ประคองเครื่อง ซึ่งตรงกับตำแหน่งปุ่ม Rear Key นั่นเอง จึงย้ายปุ่มต่างๆ มาไว้ด้านหลังเพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องควานหาปุ่มข้าง
เครื่องอีกต่อไป การใช้งานครั้งแรกๆ อาจไม่ถนัดนัก เพราะแอบคิดว่านิ้วชี้เราจะวางตรงปุ่มนี้จริงเหรอ แต่ไม่นานก็จะคุ้นเคยกับปุ่ม Rear Key เอง
อีกจุดหนึ่งที่หลายคนสงสัยว่า ถ้าเกิดเราวาง LG G2 ไว้บนโต๊ะหรือพื้นผิวใดๆ แต่ปุ่มปลดล็อคอยู่ข้างหลัง เราต้องหยิบ LG G2 ขึ้นมากดดูใช่ไหม? ทาง LG ก็คำนึงถึงจุดนี้เช่นกัน จึงใส่ฟีเจอร์ที่เรียกว่า KnockOn ซึ่งแปลตรงตัวเลยว่า เคาะ เพียงเคาะหรือแตะหน้าจอ 2 ครั้ง ก็จะเป็นการปลดล็อคหน้าจอทันที ไม่ต้องเสียเวลาหยิบ G2 ขึ้นมาดูเลย ส่วนเรื่องประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วยขุมพลังอย่าง CPU Quad-Core 2.26 GHz RAM 2 GB รันระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 4.2.2 เจลลี่บีน มั่นใจได้ในความแรง ความเร็ว และความลิ่นไหลที่ดี มีอินเตอร์เฟซเป็นของ LG เช่นเคย และมีธีมน่ารักๆ มาให้เปลี่ยนแก้เบื่อ
Physical Overview
LG G2 มีหน้าจอแบบ True HD-IPS + LCD ขนาด 5.2 นิ้ว นอกจากหน้าจอแล้ว จุดเด่นของเครื่องจะสังเกตได้ว่า ขอบด้านข้างขอจอห่างจากเครื่องน้อยมาก ทำให้ตัวเครื่องไม่ใหญ่เกินไป
เหนือหน้าจอมีกล้องดิจิตอลตัวรองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์วัดระยะห่างและวัดแสง ลำโพงสนทนาและไฟแจ้งเตือนดวงเล็กซ่อนอยู่
ใต้หน้าจอ มีเพียงโลโก้ LG เท่านั้น ส่วนปุ่มคำสั่งทั้งปุ่มออพชั่น ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับรวมอยู่ในหน้าจอ
ด้านซ้ายของเครื่อง มีเพียงช่องใส่ซิมการ์ดแบบไมโครซิมเท่านั้น ซึ่งต้องใช้เข็มที่แถมมาในกล่องเป็นตัวช่วยเปิดช่องใส่ซิม
ด้านล่างจะมีพอร์ตไมโครยูเอสบี สำหรับใช้งานชาร์จแบตเตอรี่และซิงค์ข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ พอร์ตนี้ถูกขนาบข้างด้วยลำโพงมัลติมีเดียแบบคู่ ถัดไปมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
ด้านบน มีช่องไมโครโฟนช่องเล็ก และพอร์ตอินฟราเรดเพื่อใช้งานเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ
ส่วนด้านหลัง เป็นจุดที่ทาง LG ชูเป็นจุดเด่น เพราะปุ่มเปิดปิดเครื่องและปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ด้านหลังของเครื่องแทนด้านข้าง ปุ่มเหล่านี้อยู่ใต้กล้องดิจิตอลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และแฟลช LED
13 MegaPixel Camera
กล้องดิจิตอลของ LG G2 ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าจับตามอง ทั้งความละเอียดกล้องสูงถึง 13 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอความละเอียด Full HD และกล้องตัวรองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มีลูกเล่นให้ปรับแต่งกล้องและภาพกันพอสมควร เช่น Dual Camera ถ่ายภาพพร้อมกันทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง Shot & Clear ถ่ายภาพและลบสิ่งรบกวนออกจากภาพได้ Intelligent Auto การถ่ายภาพอัตโนมัติ ผู้ใช้มีหน้าที่กดปุ่มชัตเตอร์เท่านั้น และการตั้งค่าอื่นๆ ทั้งขนาดภาพ, White Balance, ISO, คำสั่งเสียง ฯลฯ การถ่ายวิดีโอก็มีสิ่งน่าสนใจ ทั้ง Life Effect ถ่ายวิดีโอหน้าตลกขำขัน, Dual Recording ถ่ายวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า, Tracking Zoom ซูมบางจุดในภาพขณะถ่ายวิดีโอได้ ส่วนเรื่องคุณภาพของภาพถ่ายและวิดีโออยู่ในเกณฑ์ดี ภาพคมชัด สีสันสวยงาม โฟกัสภาพไว ทดสอบในสภาพแสงน้อยก็ใช้งานได้ดี
Entertainment
ฟีเจอร์ด้านความบันเทิงของ LG G2 อาจไม่โดดเด่นเท่าส่วนอื่น แต่มีมาให้ครบทุกอย่าง และพร้อมให้ความบันเทิงคุณตั้งแต่เสียบหูฟัง เมื่อเสียบหูฟังเข้ากับเครื่อง มีเมนูที่ใช้งานร่วมกับหูฟังขึ้นมาให้เลือก (เปลี่ยนเมนูได้) อย่างเครื่องเล่นเพลงของรุ่นนี้มีตั้งแต่ความสามารถพื้นฐานทั้งเล่นเพลงซ้ำ สุ่มเพลง จัดคิวเล่นเพลง จัดเก็บเพลงโปรด มี Audio Effects ปรับแต่งเสียงแบบต่างๆ และกำหนดเอง ตั้งเวลาปิดเพลงได้ ค้นหาเพลงผ่าน YouTube ได้ มี SmartShare สำหรับแชร์เพลงและวิดีโอสู่อุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรทัศน์ ลำโพงบลูทูธ การรับชมวิดีโอ LG G2 ทำได้สบายๆ เล่นไฟล์ Full HD 1080p ไม่มีกระตุก หน้าจอคมชัดและใหญ่ถึง 5.2 นิ้วก็กำลังดี
Connectivity
ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อ LG G2 เขาก็ไม่ธรรมดา เพราะการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของรุ่นนี้ใช้ได้ทั้ง 3G และ 4G LTE การเชื่อมต่ออื่นๆ ก็มีทั้งบลูทูธ, micro USB, พอร์ตอินฟราเรดสำหรับควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกับเมนู QuickRemote มีสิ่งที่น่าสนใจอย่าง Voice Mate เพียงพูดให้ LG G2 ฟัง แล้วเครื่องก็จะจัดการคำสั่งเสียงนั้นให้คุณ และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ทั้ง Wi-Fi Hotspot, DLNA, USB On-The-Go, USB Host ความสามารถด้านเอกสารและออกาไนเซอร์ก็จัดเต็ม ทั้งแอพพลิเคชั่นอ่านเอกสารในตัว เมนูจดบันทึก ปฏิทินบันทึกนัดหมาย QuickTranslator แปลภาษา วิดเจ็ตไฟฉายในตัว ฯลฯ
Final Opinion & Conclusion
หลังจากทดสอบการใช้งานและพิสูจน์ประสิทธิภาพและลูกเล่นต่างๆ พบว่า LG G2 เป็นรุ่นที่อยู่ในระดับดี ด้วยสเปคและความแรงอยู่ในระดับต้นๆ ของตลาด ความสามารถเพียบพร้อมและใช้งานได้ดี ทั้งกล้องดิจิตอลความละเอียดสูง 13 ล้านพิกเซล รองรับ 3G และ 4G LTE ความสามารถด้านการเชื่อมต่อ เอกสาร และบันเทิงครบครัน ดีไซน์สวยงามด้วยตัวเครื่องเหมาะมือแต่หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.2 นิ้ว และดีไซน์แปลกตาด้วยการออกแบบปุ่ม Rear Key ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้ ถึง LG G2 เป็นสมาร์ทโฟนตัวเรือธง แต่ก็ไม่ได้ใช้งานซับซ้อนจนยุ่งยาก LG G2 เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้งานง่ายๆ เข้าถึงทุกคน ไม่ได้มีลูกเล่นชวนงงที่ยากและสร้างความสับสนแก่การใช้งาน หากคุณกำลังชั่งใจที่จะเลือกสมาร์ทโฟนที่ครบครัน คุ้มค่าเงิน ใช้งานยาวๆ อย่าลืม LG G2 ไว้เป็น 1 ในตัวเลือก เพราะความสามารถระดับนี้ แต่วางจำหน่ายในราคา 19,900 บาทเท่านั้น
Strength
– ระบบปฏิบัติการ Android 4.2.2
– CPU Snapdragon 800 Quad-Core 2.26 GHz
– หน้าจอขนาดใหญ่ 5.2 นิ้ว กับตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่จนเกินไป
– ปุ่ม Rear Key ด้านหลังเครื่อง
– ฟีเจอร์ KnockOn เคาะจอ 2 ครั้งเพื่อปลดล็อคเครื่อง
– กล้องดิจิตอล 13 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอ 1080p, กล้องหน้า 2.1 ล้าน
– รองรับ 3G, 4G LTE และ NFC ในตัว
– มีพอร์ต Infrared ใช้สั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
– ฟีเจอร์ Voice Mate
Weakness
– ไม่รองรับ microSD
– การใส่ซิมการ์ดต้องใช้เข็มช่วย
– ปุ่ม Rear Key ใช้งานไม่ถนัดในระยะแรก
รูปตัวเครื่อง LG G2
รูปหน้าจอ LG G2