หลังจากที่ทางเสี่ยวหมี่ประเทศไทยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในกลุ่ม Mi Ecosystem ทาง WhatPhone ก็ได้รับผลิตภัณฑ์จากทางเสียวหมี่มาลองเล่นกัน ซึ่งนอกจากหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mi Robot Vacuum ยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอย่าง Mi Air Purifier 2S เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่มาพร้อมหน้าจอควบคุมและสั่งการผ่านแอปพลิเคชั่นได้ ซึ่งผลการใช้งานโดยทีมงาน นับว่าประทับใจในเจ้าเครื่องฟอกอากาศนี้มากๆ เลยทีเดียว
แกะกล่องลองเล่น Mi Air Purifier 2S
เมื่อแกะกล่องขึ้นมาจะพบว่า มีรูปตัวเครื่องฟอกอากาศและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสกรีนไว้ เพื่อให้ผู้ซื้อได้เช็คว่ามีอุปกรณ์ในกล่องครบ ทั้งตัวเครื่อง ไส้กรองอากาศ และสายไฟ
เมื่อเปิดมาก็เจอกับตัวเครื่องฟอกอากาศรุ่น Air Purifier 2S วางนอนอยู่ มีโฟมเป็นฐานและเกราะป้องกันกระแทก ส่วนด้านบนนั้นคือซองใส่คู่มือภาษาจีนแบบแผ่นพับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะมีภาพประกอบชัดเจน ดูเข้าใจง่าย
ดีไซน์ตัวเครื่อง Mi Air Purifier 2S
ถ้าพูดถึงเครื่องฟอกอากาศ หลายคนน่าจะคิดถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าทรงกระบอกเก่าๆ เชยๆ หรือตู้พัดลมใหญ่ๆ มีริ้วกระดาษพลิ้วๆ ปลิวไสว แต่นั่นไม่ใช่กับเครื่องนี้ เพราะดีไซน์ของเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ดูล้ำสมัยมากๆ ด้วยตัวเครื่องสีขาวที่ดูเรียบง่าย แต่ใช้งานได้ทุกมุมของทุกห้อง ซึ่งในตอนแกะกล่องครั้งนี้ หลายคนเข้าใจว่านี่คือคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ดูทันสมัย
หน้าจอแสดงผลแบบวงกลมที่มีขนาดพอดีๆ แสดงผลข้อมูลต่างๆ ทั้งค่าฝุ่นละอองในอากาศ ค่าอุณหภูมิ เปอร์เซ็นต์ความชื้น การเชื่อมต่อไว-ไฟและโหมดที่ใช้งาน
รวมถึงการออกแบบตะแกรงเครื่องทางเข้าของอากาศโดยรอบให้เป็นรูพรุน และระบายอากาศสะอาดออกทางใบพัดด้านบนตัวเครื่องแทน
ด้านล่างตัวเครื่องมีปุ่มสำหรับใช้งานร่วมกับปุ่มพาวเวอร์ด้านบนเพื่อรีเซตเครื่องใหม่ และเซ็นเซอร์ Laser PM Sensor ที่ช่วยตรวจจับฝุ่นละอองที่มีขนาด 0.3 ไมครอนได้อย่างแม่นยำ หากเซ็นเซอร์นี้พบว่าค่าอากาศมีฝุ่นละอองเกินมาตรฐานก็จะใช้งานโดยอัตโนมัติ
ส่วนพื้นที่ด้านหลังนั้นเป็นตำแหน่งของไส้กรองอากาศและฝาครอบที่ถอดออกได้ง่าย พร้อมไส้กรองอากาศที่มีหูจับดึงออกมา ซึ่งมีตัวอักษรระบุไว้ด้วยว่าควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก 6 เดือน
เริ่มต้นใช้งาน Mi Air Purifier 2S
การใช้งาน Air Purifier 2S ในครั้งแรกก็ไม่ยาก เพียงเสียบสายไฟเข้ากับเครื่อง เสียบเข้าช่องปลั๊กและกดปุ่มเปิดเครื่อง เท่านี้คุณก็จะได้สัมผัสกับเครื่องฟอกอากาศจาก Mi แต่ด้วยลูกเล่นพิเศษอีกอย่างกับการสั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่นได้ จึงต้องดาวน์โหลดแอพ Mi Home เพื่อทำการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับเครื่องเสียก่อน (รองรับทั้ง iOS และ Android)
จากนั้น ให้ทำการเชื่อมต่อเครื่องฟอกอากาศและสมาร์ทโฟนที่ติดตั้งแอพแล้วเข้าด้วยกัน ด้วยการเชื่อมต่อไว-ไฟเครือข่ายเดียวกัน ซึ่งในการเชื่อมต่อครั้งแรกนั้นยุ่งยากพอสมควร และยังพบปัญหาการเชื่อมต่อไม่ติด ซึ่งแก้ปัญหาได้ด้วยการรีเซตเครื่องฟอกอากาศใหม่ (กดปุ่มเปิด-ปิดเครื่องพร้อมปุ่มด้านหลังเครื่อง) หรือเปลี่ยนไปใช้อินเทอร์เน็ตเครือข่ายอื่นๆ (ในการทดสอบครั้งนี้ สามารถใช้อินเทอร์เน็ตจากสมาร์ทโฟนอื่นๆ แชร์เพื่อเชื่อมต่อกันได้) และในขั้นตอนเลือกประเทศบนแอพ Mi Home ให้เลือก Mainland (China) แทน
สรุป
จากการได้สัมผัสและใช้งาน Mi Air Purifier 2 พบว่าเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มีดีทั้งดีไซน์ที่เป็นได้ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและของแต่งบ้าน มีความทันสมัยในส่วนของการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นและสมาร์ทโฟน แต่ด้วยหน้าที่ของเครื่องฟอกอากาศ Air Purifier 2S ก็ยังทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถจัดการการทำงานตามขนาดพื้นที่ห้องได้ แถมตัวเครื่องยังทำงานเงียบ ไม่รบกวนเวลาทำงานหรือพักผ่อน แต่ยังพบข้อติดขัดในเรื่องของการเชื่อมต่ออยู่บ้าง ซึ่งยังแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้ ถ้าคุณต้องการเครื่องฟอกอากาศที่ใช้งานสนุกกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไป อยากให้คุณได้ลองสัมผัส Air Purifier 2S ซึ่งฟีเจอร์ทั้งหมดนี้สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคา 5,990 บาทเท่านั้น