มาถึงรุ่นที่ 5 แล้วสำหรับ Mi Band เราได้เห็นพัฒนาการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รุ่นแรกมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน จากจอขาวดำมาเป็นจอสี จากวัดได้แค่นับเก้า พัฒนามาวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตรวจจับการออกกำลังกายได้หลากหลายชนิด และใน Mi Smart Band 5 รุ่นนี้ก็พัฒนามาถึงขีดสุดของสายรัดข้อมือขนาดกะทัดรัด มาดูกันว่ารุ่นนี้มีอะไรใหม่ให้เราได้ใช้บ้าง
แกะกล่องลองใช้ Mi Smart Band 5
- Mi Band 5
- สายชาร์จ USB
- คู่มือการใช้งาน
กล่องของรุ่นนี้ยังคงเหมือนกับรุ่นก่อน เพียงแค่เปลี่ยนตัวเลขหน้ากล่องจาก 4 เป็น 5 ด้านข้างกล่องมีบอกคุณสมบัติ และจุดเด่นของสมาร์ทแบนด์รุ่นนี้ ภายในกล่องก็มีอุปกรณ์มาให้เท่าที่จำเป็นเท่านั้นอย่างสายชาร์จ และคู่มือการใช้งาน
สมาร์ทแบนด์รุ่นนี้ยังคงดูเหมือนกับรุ่นก่อน แต่สำหรับรุ่นนี้มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย โดยจอแสดงผลของรุ่นนี้มีขนาด 1.1 นิ้ว แต่รุ่นก่อนมีขนาดเพียง 0.95 นิ้ว ตัวจอแสดงผลเป็นแบบสัมผัส สามารถแตะสั่งงาน ปัดซ้ายขวา ขึ้นลงได้ ใต้จอแสดงผลมีปุ่มวงกลมแบบสัมผัส ใช้เป็นปุ่ม Back หรือย้อนกลับเมนูก่อนหน้า
ด้านหลังมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ Optical มีไฟ LED สีเขียว ใกล้ๆ กันมีหน้าสัมผัสสำหรับชาร์จแบตเตอรี่
สายรัดข้อมือใช้วัสดุเป็นซิลิโคนสีดำ ไม่สามารถใช้กับสายรัดรุ่นเก่าๆ อย่าง Mi Band 3 หรือ 4 ได้ เพราะรุ่นนี้มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย สวมใส่สบาย สามารถใส่ได้ทั้งชายและหญิงเพราะสายสามารถปรับได้หลายขนาด
ตัวสายชาร์จเป็นแบบแม่เหล็ก สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เพียงแค่ใส่นำไปใกล้ๆ กับพอร์ตชาร์จที่อยู่ด้านหลังของตัว Mi Band ก็จะดูดติดเข้าไปทันที
ใช้งานร่วมกับแอพฯ Mi Fit
ก่อนการใช้งานควรจะชาร์จแบตเตอรี่ของ Mi Band 5 ให้เต็มก่อน จากนั้นให้ดาวน์โหลดแอพฯ Mi Fit โดยสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งจาก Play Store บนอุปกรณ์ Android และ AppStore บนอุปกรณ์ iOS เมื่อดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้วก็สามารถเปิดแอพฯ เชื่อมต่อได้ทันที การเชื่อมต่อก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ทำตามขั้นตอนที่แนะนำบนหน้าจอไปเรื่อยๆ ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลาสักครู่ เพราะมีการอัพเดท Firmware ของ Mi Band 5 ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ จากนั้นก็สามารถใช้งานได้ทันที
แอพฯ Mi Fit จะเป็นแอพฯ ที่ช่วยในการตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือน การตั้งค่าการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การตั้งค่าจัดเรียงการแสดงผลเมนู รวมไปถึงการดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกาหรือ Watch face ซึ่งตอนนี้มีให้เลือกมากกว่า 65 แบบ มีให้เลือกเป็นแบบ Animation ภาพเคลื่อนไหว แต่ก็จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นด้วย และในรุ่นนี้สามารถเลือกการแสดงผลในแบบที่ต้องการได้ด้วย อย่างเช่นให้แสดงอัตราการเต้นของหัวใจ, แสดงผลจำนวนก้าวเดิน
Mi Band 5 ยังสามารถควบคุมการใช้งานต่างๆ บนสมาร์ทโฟนได้ ไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อคเครื่องโดยไม่ต้องใช้รหัส หรือสแกนลายนิ้วมือในขณะที่เชื่อมต่อ, การควบคุมเครื่องเล่นเพลง, เปิดดูการแจ้งเตือนต่างๆ พร้อมรองรับภาษาไทย และระบบสั่นจากระบบแจ้งเตือนต่างๆ หรือจะใช้ Mi Band 5 เป็นรีโมทชัตเตอร์ถ่ายภาพก็ได้เช่นกัน
นอกจากยังสามารถดูข้อมูลต่างๆ ที่ Mi Band 5 เก็บมาได้ ทั้งข้อมูลการออกกำลังกาย จำวนก้าวเดิน อัตราการเต้นของหัวใจ ค่าความเครียด การนอนหลับ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะได้จากการที่เราใส่สมาร์ทแบนด์ตลอดเวลา ช่วยให้เรานำข้อมูลมาวิเคราะห์ได้ว่าในแต่ละวัน หรือแต่ละช่วงเวลาเราเคลื่อนไหวร่างกายอย่างไร สามารถนำมาปรับการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้
ฟีเจอร์เด่นๆ ที่น่าสนใจ
Mi Band 5 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง PAI (Personal physiological Activity Indicator) หรือค่าการทำกิจกรรมต่างๆ โดยอ้างอิงจากอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งหากเราทำกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้หัวใจเราเต้นเร็ว อย่างเช่นการเดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ หรือเล่นกีฬา ทำกิจกรรมอื่นๆ สมาร์ทแบนด์ก็จะทำการบันทึกค่าระยะเวลาการทำกิจกรรม โดยแต่ละสัปดาห์ควรจะทำให้ได้ถึง 100 PAI หรือมากกว่า ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมในการออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์
ตรวจจับการออกกำลังกายได้ 11 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, พายเรือ, โยคะ, วิ่งบนลู่วิ่ง ฯลฯ แต่การจับเส้นทางยังคงต้องอาศัย GPS บนสมาร์ทโฟนเป็นหลัก เหมาะกับผู้ใช้ที่ไม่ได้เน้นการออกกำลังกายเป็นหลัก อาจจะใช้ Mi Band 5 เป็นตัวช่วยในการติดตามการออกกำลังกายเบาๆ นอกจากนี้สมาร์ทแบนด์รุ่นนี้ยังสามารถวัดค่า VO2 Max ซึ่งเป็นค่าการใช้ออกซิเจนเมื่อออกกำลังกายหนักๆ การวัดค่านี้จะมีเฉพาะในสมาร์ทวอชที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่สำหรับ Mi Band 5 มีมาให้ใช้งานได้เลย
Mi Band 5 ยังมีระบบ Tracking เก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวของเราตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนอน อัตราการเต้นของหัวใจ ความเครียด สามารถดูข้อมูลคร่าวๆ ได้จากหน้าจอสมาร์ทแบนด์ หรือหากต้องการดูข้อมูลอย่างละเอียดสามารถเปิดดูได้ที่แอพฯ Mi Fit จากสมาร์ทโฟน และยังเปิดดูข้อมูลย้อนหลังได้ด้วย
นอกจากนี้ Mi Band 5 ยังกันน้ำ กันเหงื่อได้ถึง 5 ATM หรือกันน้ำลึกได้ถึง 50 เมตร สามารถใส่ว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายทางน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าเครื่อง
บทสรุป Mi Smart Band 5 จากความเห็นของ What Phone
ถือเป็นการพัฒนาลบจุดด้อย พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นก่อนๆ ให้ดีขึ้น แต่วางจำหน่ายในราคาประหยัดเท่าเดิม ซึ่งเป็นจุดที่ Xiaomi ยังคงครองใจชาวไทยและทั่วโลกได้อย่างเหนียวแน่นด้วยราคาที่คุ้มค่า ไม่ต้องจ่ายแพงเมื่อเทียบกับสมาร์ทแบนด์ หรือสมาร์ทวอชรุ่นอื่นๆ สำหรับระยะเวลาการใช้งานถือว่าทำได้ดีมากๆ จากสเป็คสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 14 วัน แต่จากการใช้งานโดยเปิดทุกอย่างทั้งเปิดหน้าจอสว่างสุด, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ 24 ชั่วโมง สามารถใช้ได้นานถึง 10 วัน ก็ยังถือว่าใช้ได้นานพอสมควร ทั้งหมดนี้จำหน่ายเพียง 1,190 บาทเท่านั้น แต่เชื่อว่าท่านผู้อ่านสามารถหาซื้อออนไลน์ได้ถูกกว่านี้แน่นอน
สรุปสเป็ค
- ขนาด 46.95 x 18.15 x 12.45 มม. น้ำหนัก 11.9 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 1.1 นิ้ว ความละเอียด 126 x 294 พิกเซล สั่งงานด้วยระบบสัมผัส
- กระจกนิรภัย 2.5D พร้อมเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ
- แบตเตอรี่แบบ Li-Po 125 mAh ใช้งานได้ 14 วัน
- เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, เซ็นเซอร์วัดความเร่ง และเซ็นเซอร์ Gyroscope
- เชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth 5.0 BLE
- หน่วยความจำ RAM 512 kB, Flash memory 16 MB
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 5.0 ขึ้นไป และ iOS 10.0 ขึ้นไป
- กันน้ำลึก 50 เมตร (5 ATM)
- มีระบบสั่นเตือนด้วยมอเตอร์
- ราคา 1,190 บาท