Microsoft Lumia 950 XL
ก่อนหน้านี้ทางไมโครซอฟท์ก็ได้ปล่อยสมาร์ทโฟน Windows Phone ออกมาจำหน่ายหลายรุ่น ซึ่งก็เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางและระดับล่างเท่านั้น จนมาถึงคิวของ Microsoft Lumia 950 และ Microsoft Lumia 950 XL สมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ใครหลายๆ คนรอคอยว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้เข้าซื้อกิจการด้านโทรศัพท์จากโนเกียเมื่อปลายปี 2013 มาคราวนี้เราได้ดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง
สำหรับ Microsoft Lumia 950 XL เป็นรุ่นหน้าจอใหญ่ขนาด 5.7 นิ้ว มีความละเอียด QHD 2560 x 1440 พิกเซล แบบ AMOLED ยังคงเทคโนโลยี ClearBlack จากโนเกียที่จะช่วยให้คุณมองเห็นหน้าจอชัดเจนแม้อยู่กลางแจ้ง และมี Glance screen แสดงข้อมูลวัน/เวลา และการแจ้งเตือนของแอพฯ ในรูปแบบไอคอนในหน้าจอตอนล็อค เพื่อลดการปลดล็อคหน้าจอบ่อยๆ ช่วยประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น พร้อมกับดีไซน์เรียบหรูที่ยังคงเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟน Windows Phone อยู่ ซึ่งดูแล้วอาจจะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนหน้าตามากนัก สำหรับกระจกกันรอยได้ใช้ Corning Gorilla Glass 4 และไม่เป็นขอบจอโค้งแบบรุ่นก่อนแล้ว พร้อมกันนี้มีการปรับเปลี่ยนวัสดุหลักของตัวเครื่อง ไม่ใช้กรอบโลหะในระดับเรือธงแล้ว ส่งผลให้ตัวเครื่องเบาขึ้นอย่างรู้สึกได้
ด้านประสิทธิภาพ Microsoft Lumia 950 XL ได้ใช้ชิพประมวลผล Qualcomm Snapdragon 810 เป็นขุมกำลังหลัก ซึ่งเป็นแบบ Octa-core 2.0 GHz พร้อม RAM 3 GB ส่งผลให้การใช้งานด้านมัลติมีเดียและการใช้งานทั่วไปลื่นไหลมากขึ้น สำหรับหน่วยความจำภายใน 32 GB รองรับการใช้งาน microSD Card ได้สูงสุด 200 GB และมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่มีการปรับปรุงในหลายๆ ด้านให้มีความสามารถในการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Continumm, Windows Hello และการรองรับการใช้งาน USB OTG สามารถเสียบแฟลชไดรว์เพื่อเปิดดูไฟล์ต่างๆ ได้แล้ว และแต่ก็ยังคงกลิ่นอายเดิมๆ ของ Windows Phone 8.1 อยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน้า Start Screen ที่ยังคงแสดงผล Live Tile ต่างๆ แต่สามารถปรับโปร่งแสงและเพิ่มพื้นหลังได้แล้ว ส่วนแบตเตอรี่ก็มีความจุ 3,340 mAh รองรับการชาร์จแบบไร้สายมาตรฐาน Qi และ PMA
Physical Overview
Microsoft Lumia 950 XL มาพร้อมหน้าจอ AMOLED เทคโนโลยี ClearBlack Display ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด Quad HD 2560 x 1440 พิกเซล กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4 กระจกเรียบแบบทั้งหน้าจอ ไม่ได้เป็นขอบจอโค้ง 2.5D เหมือนอย่าง Microsoft Lumia 930 แล้ว
เหนือหน้าจอแสดงผลยังมีอินฟาเรดสำหรับใช้งาน Windows Hello สแกนม่านตาเพื่อปลดล็อคหน้าจอ ถัดมาเป็นลำโพงสนทนาที่วางอยู่ตรงกลางของตัวเครื่อง พร้อมเซ็นเซอร์หลักและกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลวางอยู่มุมขวาสุดของตัวเครื่อง
ปุ่มเมนูหลัก 3 ปุ่มถูกย้ายเข้าไปในหน้าจอแล้ว ใต้หน้าจอแสดงผลมีเพียงไมโครโฟนสำหรับสนทนาวางอยู่
ด้านซ้ายของตัวเครื่องยังคงปล่อยทิ้งไว้โล่งๆ เหมือนกับรุ่นก่อนๆ แต่สำหรับรุ่นนี้ไม่ได้ใช้กรอบโลหะเหมือนอย่างรุ่นก่อนๆ แล้ว
ปุ่มต่างๆ จะย้ายมารวมอยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง โดยมีปุ่มปรับระดับเสียงสนทนาอยู่ระหว่างปุ่มล็อค/ปลดล็อคตัวเครื่อง ถัดลงมามีปุ่มชัตเตอร์กล้อง และเป็นปุ่มสำหรับเข้าโหมดกล้องด้วย
ด้านบนมีเพียงช่องต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรวางอยู่ตรงกลางเท่านั้น
สำหรับรุ่นนี้มีการเปลี่ยนพอร์ต Micro USB มาเป็น USB Type-C ซึ่งวางอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง
พลิกมาดูที่ด้านหลังจะพบกับกล้องความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมกับไฟแฟลช LED 3 ดวง สำหรับตัวกล้องนี้จะมีดีไซน์ที่เหมือนกับ Microsoft Lumia 830 ซึ่งมีการใช้แป้นวงกลมสีดำและวางเลนส์กล้องพร้อมกับแฟลชอยู่ข้างใน เสริมความหรูด้วยแถบวงกลมสีเงินรอบๆ ถัดมาด้านข้างจะเป็นลำโพงสปีกเกอร์ พร้อมกับโลโก้ PureView และ ZEISS ถัดลงมาเป็นโลโก้ไมโครซอฟท์ที่มีการเจาะลงไปในฝาหลังอีกที แถบจุดด้านบนและด้านล่างจะเป็นไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ซึ่งจริงๆแล้วมีเพียงจุดเดียวเท่านั้นที่เป็นรูไมโครโฟน
เมื่อถอดฝาหลังออกมาจะพบกับช่องใส่เมมโมรี่แบบ microSD Card พร้อมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่ 2 ต้องทำการถอดแบตเตอรี่ออกก่อนถึงจะพบกับช่องใส่ซิมการ์ดที่ 1 ซึ่งจะรองรับซิมการ์ดแบบนาโนซิมทั้งคู่ และมี NFC ติดอยู่กับฝาหลัง
Windows Hello
อีกฟีเจอร์น่าสนใจที่ทางไมโครซอฟท์ได้ใส่เข้ามาในสมาร์ทโฟนระดับเรือธงให้ได้ใช้งานกัน Windows Hello คือระบบการยืนยันตัวตนด้วยระบบสแกนม่านตา ซึ่งในการตั้งค่าก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด โดยในขั้นตอนแรกจะต้องทำการใส่รหัส PIN เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของเราครั้งแรกก่อนและจะใช้เป็นการปลดล็อคแบบสำรองด้วย จากนั้นก็จะทำการสแกนม่านตาของเราเก็บเอาไว้ โดยเป็นการเก็บข้อมูลม่านตาของเราทั้ง 2 ดวงตา สามารถสแกนใหม่เพื่อปรับปรุงข้อมูลม่านตาให้มีความแม่นยำมากขึ้นได้
สำหรับการปลดล็อคนั้นก็เพียงแค่กดปุ่มจากนั้นก็นำหน้าจอมาให้ตรงกับสายตาทั้งคู่ของเรา จะมีอินฟาเรดแสงสีแดงที่มุมขวาของหน้าจอยิงมาเพื่อสแกนม่านตาของเรา ซึ่งใช้เวลาในการปลดล็อคไม่นาน นอกจากจะใช้งานปลดล็อคหน้าจอแล้ว ถือว่าเป็นอีกฟีเจอร์ที่จะอำนวยความสะดวกในการเข้าใช้งานเพิ่มมากขึ้น และยกระดับความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
20 Mega Pixels Digital Camera
กล้องหลักใช้เลนส์ ZEISS 6 ชิ้นเลนส์มาประกอบรวมกัน มีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และยังคงใช้เทคโนโลยี PureView จากโนเกียที่ใช้งานบนรุ่นที่เน้นกล้องอย่าง Nokia 808, Nokia Lumia 1020 และใช้ในรุ่นระดับเรือธงมาตลอดตั้งแต่ Lumia 920, Lumia 930 พร้อมกันนี้มีการปรับเปลี่ยนแฟลช LED มาเป็น 3 ดวงและมีถึง 3 สีด้วยกัน เพื่อให้รูปภาพที่ถ่ายพร้อมเปิดแฟลชมีสีสันสมจริงมากขึ้น และเพิ่มรูรับแสงเป็น f/1.9 ช่วยให้ถ่ายรูปภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ยังมีระบบกันสั่น OIS มาช่วยให้รูปภาพคมชัดมากขึ้น และสามารถกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้เพื่อเข้าใช้งานกล้องแม้หน้าจอล็อคหรืออยู่ในหน้าอื่นๆ ได้ทันที
สำหรับลูกเล่นก็มาพร้อมโหมด Live Images ที่จะทำการบันทึกความเคลื่อนไหวก่อนที่จะทำการบันทึกรูปภาพเล็กน้อย เมื่อเราดูรูปภาพก็จะทำให้เห็นการเคลื่อนไหวสั้นๆ ก่อนหน้า และยังมีโหมด Rich Capture ที่จะรวม HDR และ Dynamic Flash แบบอัตโนมัติเข้ารวมกัน โดยสามารถปรับระดับความแรงของแฟลชในภายหลังได้ นอกจากนี้ยังมีโหมด Pro สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตั้งค่ากล้องแบบกล้องโปรด้วย และถ้าหากใครที่ต้องการลูกเล่นเพิ่มเติมก็สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับการถ่ายรูปเพิ่มเติมจาก Windows Store ได้
Microsoft Lumia 950 XL สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K หรือ UHD 3840 x 2160 พิกเซล พร้อมกับฟีเจอร์ Digital stabilization สำหรับลดการสั่นไหวขณะบันทึกวิดีโอ และมีโหมด Slow motion มาเป็นลูกเล่นเพิ่มเติมในบันทึกวิดีโอด้วย
5 Mega Pixels Front Camera
สำหรับกล้องหน้าก็ยังคงมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง รูรับแสง f/2.4 สามารถเลือกเซลฟี่แบบอัตโนมัติและปรับตั้งค่า White Balance, ISO, สปีด ชัตเตอร์ และ ระดับความสว่าง พร้อมกันนี้ยังบันทึกวิดีโอได้ในระดับ Full HD 1920 x 1080 พิกเซล
Connectivity
ในด้านการเชื่อมต่อก็ยังคงรองรับทั้ง 3G, 4G LTE ความเร็วสูงสุดถึง 300 Mbps ส่วนบลูทูธก็รองรับถึงเวอร์ชั่น 4.1 และ Wi-Fi สามารถแชร์สัญญาณอินเตอร์เน็ตให้กับอุปกรณ์อื่นด้วย Wi-Fi Hotpot และมี NFC ในตัว และมีการเปลี่ยนพอร์ต Micro USB มาเป็น USB Type C หรือ USB-C รองรับการชาร์จเร็วแล้ว
Continuum
Continuum คือชื่อโหมดสำหรับการแปลงสมาร์ทโฟน Microsoft Lumia 950 XL เครื่องนี้ทำงานเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งได้ โดยจะต้องอาศัยการเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์ที่มีชื่อเรียกว่า Display Dock ที่มีการวางจำหน่ายแยกออกออกมา โดยรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายและแบบสายในระหว่างทั้ง 2 อุปกรณ์นี้ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก Display Dock กันก่อน
สำหรับ Display Dock จะมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ขนาด 64.1 x 64.1 มิลลิเมตร หนา 25.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 230 กรัม ตรงกลางมีโลโก้ของไมโครซอฟท์วางอยู่
ด้านหน้าของตัวเครื่องมีเพียงพอร์ต USB-C สำหรับเชื่อมต่อกับ Microsoft Lumia 950 XL โดยผ่านสาย USB-C
ด้านหลังมีพอร์ต USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต และอีก 1 พอร์ตคือ USB 2.0 แบบชาร์จไฟเร็วอีก 1 พอร์ต มี USB-C สำหรับเสียบสายชาร์จไฟ และพอร์ต DisplayPort, HDMI สำหรับเชื่อมต่อกับจอทีวี
สำหรับการใช้งานก็ทำการเชื่อมต่อจอ, คีย์บอร์ดและเมาส์เข้ากับ Display Dock และเชื่อมต่อกับ Microsoft Lumia 950 XL ด้วยสาย USB-C ทั้ง 2 หัว จากนั้นก็เริ่มใช้งานกันได้เลย โดยแอพพลิเคชั่นที่สามารถใช้งานในหน้าจอใหญ่ได้นั้น จะเป็นแบบ Universal Applications ที่นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นขึ้นมาเพียงครั้งเดียวและสามารถใช้งานได้ในหลายขนาดหน้าจอ ซึ่งแอพพลิเคชั่นหลักที่ใช้งานพร้อมกับโหมด Continuum นี้ก็มีหลากหลายแอพพลิเคชั่นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Office, Facebook, Twitter, OneDrive, Outlookม Microsoft Edge และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสังเกตว่าแอพพลิเคชั่นไหนที่ใช้ไม่ได้ก็จะเป็นสีเทาในแถบ Windows นั่นเอง
การใช้งานก็จะแสดงผลเหมือนบนคอมพิวเตอร์ สามารถเปิดแอพพลิเคชั่นต่างๆ เป็นหน้าต่าง และสามารถเรียกเก็บลงมาได้ และการใช้งานสมาร์ทโฟนก็แยกออกจากันซึ่งสามารถรับโทรศัพท์เมื่อมีสายเข้าพร้อมกับทำงานในหน้าจอใหญ่ไปพร้อมกันได้ ถ้าหากไม่มีคีย์บอร์ดและเมาส์เสียบกับ Display Dock ในกรณีฉุกเฉิน เราสามารถใช้สมาร์ทโฟนเป็น Touchpad และคีย์บอร์ดแทนได้
Final Opinion & Conclusion
ถ้าหากใครที่เป็นแฟน Windows Phone ต้องไม่ควรพลาด Microsoft Lumia 950 XL ระดับเรือธงที่มีการปรับปรุงสเปคภายในและตัวกล้องที่ทำออกมาได้ดีจริงๆ รวมถึงระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่ปรับปรุงมาสำหรับการใช้งานด้านต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น และถ้าใครที่ใช้คอมพิวเตอร์เกี่ยวกับงานเอกสารก็สามารถทดแทนการใช้งานด้วยโหมด Continuum กับ Display Dock ได้เลย
Strength
- หน้าจอคมชัดระดับ QHD บนหน้าจอขนาดใหญ่ 5.7 นิ้ว
- ฝาหลังถอดเปลี่ยนได้
- กล้องหลัง 20 ล้านพิกเซล เทคโนโลยี PureView ระบบกันสั่น OIS รูรับแสงกว้าง f/1.9 พร้อมโหมด Rich Capture และ Pro
- เข้าโหมดกล้องได้ทันทีด้วยการกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้ แม้หน้าจอล็อค
- กล้องหน้า 5 ล้าน เลนส์มุมกว้าง
- แบตเตอรี่ 3,340 มิลลิแอมป์ รองรับการชาร์จเร็ว และการชาร์จไร้สาย
- ระบบปฏิบัติการ Windows 10 พร้อมโหมด Continuum
- รองรับ 4G LTE และ 3G ทุกเครือข่าย
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม
Weakness
- วัสดุหลักเป็นพลาสติก
- ปุ่มล็อคและปุ่มปรับระดับเสียงสนทนาอยู่ใกล้กันเกินไป อาจกดผิดได้ง่าย
- ตัวกล้องนูนออกมาเล็กน้อย ต้องระมัดระวังในการใช้งาน
รูปตัวเครื่อง Microsoft Lumia 950 XL
รูปหน้าจอ Microsoft Lumia 950 XL
ข้อมูลทั่วไป |
ราคา 23,300 บาท |
ขนาด, น้ำหนัก | 151.9 x 78.4 x 8.1 มิลลิเมตร, 165 กรัม |
เครือข่าย | GSM 850/900/1800/1900 MHz
HSDPA 850/900/1700/1900/2100 MHz LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 4(1700/2100), 5(850), 7(2600), 8(900), 12(700), 20(800), 28(700), 38(2600), 40(2300) |
แบตเตอรี่ | Li-Ion 3,340 mAh |
ระยะเวลาสแตนด์บาย | 288 ชั่วโมง |
ระยะเวลาสนทนา | 25 ชั่วโมง (2G) / 19 ชั่วโมง (3G) |
ระบบการทำงาน | |
ระบบปฏิบัติการ | Windows 10 |
หน่วยประมวลผล | Qualcomm Snapdragon 810 Octa-core 2.0 GHz |
หน่วยความจำภายใน | 32 GB, RAM 3 GB |
หน่วยความจำภายนอก | microSD Card สูงสุด 200 GB |
จำนวนซิมการ์ด, ประเภท | 2, Nano SIM |
จอแสดงผล |
|
ความละเอียด, ขนาด | 2560 x 1440 พิกเซล, ขนาด 5.7 นิ้ว (518 ppi) |
ชนิดและจำนวนสี | AMOLED ClearBlack, 16.7 ล้านสี |
เสียง | |
การใช้คำสั่งเสียง | มี |
ลำโพงสเตอริโอ | ไม่มี |
แฮนด์ฟรี | มี |
บันทึกเสียง | มี |
มัลติมีเดีย | |
กล้องหลัง | 20 ล้านพิกเซล เลนส์ Carl ZEISS เทคโนโลยี PureView รูรับแสง f/1.9 ระบบกันสั่น OIS แฟลช LED 3 สี |
กล้องหน้า | 5 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง |
กล้องวิดีโอ | 3840 x 2160 พิกเซล UHD (4K) |
วิทยุ FM | มี |
เครื่องเล่นเพลง MP3 | มี |
เครื่องเล่นวิดีโอ | มี |
การเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูล | |
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก | Wi-Fi with MIMO 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.1, NFC, Wi-Fi call, USB-C |
3G | HSDPA 42.2 Mbps |
4G LTE | LTE Cat 6 300 Mbps |
อื่นๆ | Windows Hello, Microsoft Office, Skype, OneDrive, Outlook |