มาแล้ว! กับรีวิวตัวเครื่องฉบับละเอียดยิบของ Nokia 5.1 Plus สมาร์ทโฟนกล้องคู่ บอดี้หรู พร้อม AI ในราคาสุดคุ้ม เพียง 7,490 บาท เท่านั้น ส่วนรายละเอียดจะเป็นยังไงนั้น ทาง WhatPhone ก็มีมาฝากกันครับ ไปดูกันเลย!!
แกะกล่องพร้อมพรีวิวรอบตัวเครื่อง
สามารถดูพรีวิวแกะกล่องเพิ่มเติมได้ที่ : https://whatphone.net/preview/unboxing-nokia-5-1-plus/
สเปกของ Nokia 5.1 Plus
ระบบเครือข่าย | 2G : GSM 850/900/1800/1900 3G : WCDMA: Band 1, 2, 5, 8 4G : 1, 3, 5, 7, 8, 20, 28, 38, 40, 41(Full band 41) ( LTE Cat. 4, 150Mbps DL/50Mbps UL (RoW) , VoLTE, VoWiFi ) |
ระบบปฏิบัติการ | Android Oreo 8.1 ( สามารถอัพเดท Android 9 Pie ได้ ) |
ขนาดและน้ำหนัก | 149.51 x 71.98 x 8.096 มม. 160 กรัม |
หน่วยประมวลผล (CPU / GPU) | MediaTek Helio P60 (4 x A73 1.8GHz + 4 x A53 1.8GHz) / Mali-G72 MP3 |
หน้าจอและระบบสัมผัส | หน้าจอ IPS ขนาด 5.86” HD+ ( 720 x 1520 pixels, 19:9 ) ~287 ppi Corning® Gorilla® Glass 3, ขอบจอโค้งแบบ 2.5D |
หน่วยความจำ | หน่วยความจำภายใน 32 GB eMMC 5.1 เพิ่มเมมโมรี่ microSD ได้ 400GBRAM : 3GB LPDDR4X |
กล้องถ่ายรูป | กล้องหลังคู่ ( สี 13 MP f/2 1.0 um / ขาวดำ 5MP FF f/2 1.12um ) PDAF HDR และ ระบบตรวจจับใบหน้า พร้อมไฟแฟลช LED 2 สีกล้องหน้า 8MP f/2.2 1.0 umDual-Sight Bothie ถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอด้วยกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันได้ / ไลฟ์สดไปยัง Facebook และ YouTube ได้ง่ายภายในคลิกเดียว , 3D AR สติกเกอร์ , โหมดถ่ายภาพบุคคล |
การเชื่อมต่อและเซ็นเซอร์ | 2 Sim แบบ 4G Standby ทั้งคู่ / ช่องใส่ซิมแบบ Hybrid Slot รองรับ 1 nano-SIM slot + ( 1 nano-SIM หรือ 1 microSD )802.11 a/b/g/n/AC , BT 4.2, GPS/AGPS/GLONASS/BDS/Galileo, FM/RDS, USB Type C, USB 2.0, OTG, ช่องหูฟังแบบ 3.5mm , ambient light sensor, proximity sensor, accelerometer (g-sensor), e-compass, gyroscope, fingerprint sensor |
ระบบเสียง | ลำโพงเดี่ยว , ระบบขยายเสียงแบบพิเศษ smart Amp, ไมโครโฟน 2 ตัวสำหรับตัดเสียงรบกวน |
แบตเตอรี่ | แบตเตอรี่ ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ขนาดความจุ 3,060 mAh , ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 5V/2A 10 W |
ระยะเวลาการใช้งานโทรศัพท์การคุยสายสแตนบายและการฟังเพลง | สนทนาต่อเนื่องได้ : 20.5 ชั่วโมง **เวลาสแตนด์บาย: 14.5 วัน **ฟังเพลงต่อเนื่อง: 9.5 ชั่วโมง **
รับชมวีดีโอต่อเนื่อง: 9 ชั่วโมง ** |
คุณสมบัติพิเศษ | เคลือบผิวและขัดเงาด้วย Nano painting technology |
ประสิทธิภาพของตัวเครื่อง
ชิปเซ็ตระดับกลางสุดแรง : ด้วยอานุภาคของ Mediatek Helio P60 บวกกับ RAM 3 GB LPDDR4X ทำให้ฟาดคะแนน Antutu ไปถึง 119,087 เลยทีเดียว ประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ก็ทำได้ดี โดยทีมงานทดสอบกับเกม PUBG Mobile ความละเอียดปรับได้ปานกลาง เริ่มเล่นไปได้สัก 5 นาที ตัวเครื่องจะเริ่มอุ่นๆ ร้อนขึ้นครับ ซึ่งเป็นปกติของสมาร์ทโฟนเกือบทุกรุ่น ถือว่าโดยรวมนั้นลื่นไหลพอสมควร ภาพกราฟฟิกต้นไม้ แสงเงาแสดงผลออกมาได้ค่อนข้างดี
GPS : พร้อมไปกับคุณได้ทุกที่ด้วยระบบ GPS ที่แม่นยำถึง 4 ระบบ (GPS / AGPS, GLONASS, BDS และ Galileo) จับสัญญาณดาวเทียมได้รวดเร็วและนำทางได้แม่นยำพร้อมรองรับการใช้งานระบบดาวเทียมนำทางที่ครอบคลุมมากที่สุดในโลก
ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด : ด้วยระบบ Android 8.1 OREO ในตัวเครื่องทำให้การใช้งานลื่นไหลขั้นสุด แถมยังมีอัพเดตแพทช์ความปลอดภัยให้ทุกเดือน ไม่ต้องกลัวว่าแพด้วย แถมปลายปีนี้โนเกียยังใจดีเตรียมอัพเดต Android 9.0 Pie เวอร์ชั่นล่าสุดให้อีกด้วย คงเพราะอานิสงค์ของโครงการ Android One (รองรับการอัพเดตตัวเครื่องยาว ๆถึง 2 ปี) ที่ร่วมกับ Google โดยตรงทำให้ไม่พลาดทุกการอัพเดต และยังสามารถรีดประสิทธิภาพของตัวเครื่องออกมาได้แบบเต็มสูบ ไม่ต้องกลัวว่าจะค้าง หน่วง แต่อย่างใดครับ (จากที่ใช้มาก็มีอัพเดตมาให้ถึง 2 รอบเลยทีเดียวครับ)
แบตเตอรี่ : การใช้งานทั่วไปก็อยู่ได้ครบวัน แถมยังเหลือให้ใช้อีกด้วยซ้ำ แน่นอนว่าถ้าหากเล่นเกมส์ แบตก็จะลดอย่างรวดเร็ว เพราะค่อนข้างกินทรัพยากรและมีการใช้กราฟฟิกไปพอสมควรครับ (ตัวเครื่องจับแล้วจะอุ่น ๆ แบบรู้สึกได้เลย) แต่หากใครกังวลว่าจะใช้งานได้ไม่นานหรือเหลือแบตเตอรี่น้อย ๆ ก็มีโหมดประหยัดพลังงานให้ได้เลือกเปิด เพื่อยืดอายุของแบตได้นานพอสมควรครับ
กล้องถ่ายภาพพร้อมระบบ AI
Dual Sight [Bothie] : ฟีเจอร์คู่บุญที่อยู่มานมนานตั้งแต่มีสมาร์ทโฟนโนเกียรุ่นแรก ๆ โดยมันจะสามารถถ่ายภาพจากกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อม ๆ กัน ทั้งภาพนิ่งและวีีดีโอ รวมถึงยังสามารถไลฟ์สดผ่าน Facebook หรือ Youtube หรือใส่ลูกเล่นเอฟเฟคน่ารัก ๆก็ทำได้ครับ
3D Sticker : ฟีเจอร์สุดน่ารัก? ของกล้องโนเกียที่มีมาให้เลือกน้อยมาก (3 แบบ) แถมตัวละครอาจจะไม่ได้ดูดี มีตระกูลแบบคู่แข่งสักเท่า แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ให้พอมีลูกเล่น ประมาณนั้นครับ
Live Bokeh : จัดว่าเป็นฟีเจอร์ที่สามารถดังประสิทธิภาพของกล้องคู่ใน Nokia 5.1 Plus ออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยมันจะสามารถเลือกปรับความเบลอได้ก่อนถ่ายภาพ หรือจะถ่ายภาพไปแล้วก็สามารถมาเบลอหรือปรับแต่งที่หลังได้ แน่นอนว่าสำหรับภาพแก้วน้ำ หลอดไม่หายเหมือนอีกเจ้าดังแน่ ๆ ครับ
Pro Mode : นอกจากโหมดการถ่ายภาพดังกล่าวแล้ว โหมดปรับเองหรือ Pro Mode ก็มีมาให้เลือกปรับแต่งก่อนถ่ายภาพได้เช่นกัน อาทิ White Balance, ค่าชดเชยแสง เป็นต้น
Google Lens : อีกหนึ่งฟีเจอร์ในแอปพลิเคชั่นกล้องของ Nokia Camera ที่ใช้ค้นหาสถานที่ ค้นหาสิ่งของ ถอดข้อความจากสิ่งของ มาค้นหาหรือแปลเป็นภาษาที่ต้องการ ก็เลือกจิ้มที่สิ่งที่ต้องการค้นหาได้ง่าย ๆ แต่ต้องมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต 3G, 4G หรือ Wi-Fi ก่อนใช้งานด้วยล่ะครับ
Video : Timelapse โหมดย่นระยะเวลาหรือการถ่ายวีดีโอแบบความเร็ว x2 ก็มีมาให้เล่นกัน, โหมด Slow Motion ก็มี และ Live Mode สามารถไลพ์สดผ่านแอปพลิเคชั่น Facebook หรือ Youtube ได้ทันที จะเพิ่มฟีเจอร์ Bothie หรือ 3D Sticker เข้าไปในวีดีโอก็ทำได้ รวมถึงส่วนโหมดวีดีโอทั่วไปสามารถอัดได้สูงสุด 1080p (กล้องหลัง) และ 720p (กล้องหน้า)
ตัวอย่างภาพถ่าย
กล้องหน้าสามารถเป็นเลนส์ธรรมดาไม่ได้มุมกว้างแต่อย่างใด มีลูกเล่นอยู่เล็กน้อย อาทิ 3D Sticker, Bothie และ Beauty Mode หน้าใสเนียน
ส่วนกล้องหลังนั้นก็สามารถเก็บรายละเอียดได้ดีในสภาพแสงที่พอเหมาะ ส่วนในที่มืดก็จะพบ Noise เยอะแต่ก็จัดการได้เมื่อใช้ LED Flash ก็จะทำให้ภาพเนียนขึ้นพอสมควร
สรุปการใช้งาน
จากการที่ใช้งานเจ้าโนเกียรุ่นนี้มาเกือบ 1 สัปดาห์เต็ม ต้องบอกว่า สเปกนั้นคุ้มค่าคุ้มราคาเหลือเกิน จับมาถือทีไรนึกว่าเครื่องละหมื่นสองหมื่น คืองานประกอบดีมาก ๆ ใช้งานก็ลื่นไหล แบตเตอรี่อึด แต่ก็น่าเสียดายที่กล้องคู่ที่ให้มานั้นยังไม่สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้มากนัก คงต้องรอซอร์ฟแวร์อัพเดตก็ต่อไป โดยรวมถือว่าไม่เลวครับ พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ถ้าคุณเป็นคนที่กำลังหาสมาร์ทโฟนในเรทราคาช่วงต่ำกว่า 8,000 บาท เจ้า Nokia 5.1 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยล่ะครับ
จุดเด่น
- ตัวเครื่องออกแบบมาได้จับถนัดมือ งานประกอบแน่น ดูหรูหรา มีระดับ ไฮโซ ดูสวย ดูแพงทุกครั้งเมื่อสัมผัส
- สเปกแรงด้วยชิปเซ็ต Mediatek Helio P60 บวกกับ RAM 3 GB LPDDR4X
- มีวิทยุ FM (บางเจ้าไม่ใส่มาให้ด้วยซ้ำ)
- ลำโพงดังได้ใช้ ถือว่าเสียงดีเลย
- มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type C ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วพอสมควร
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ให้มาก็ปลดล็อคได้เร็วทันใจ
- แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ข้ามวัน สบาย ๆ
- การใช้งานลื่นไหลมาก ด้วยอานิสงค์ของ Pure Android และยังมีอัพเดตแพทช์ความปลอดภัยให้ทุกเดือน
จุดสังเกตุ
- จอภาพความละเอียด HD+ เลยทำให้แอพ Youtube ล็อคความละเอียดภาพเวลาดูวีดีโออยู่ที่ 720p
- เวลาดูวีดีโอไม่สามารถซูมภาพให้เต็มหน้าจอได้ มันจะมีพื้นที่ติ่งว่าง ๆ อยู่ (ดังภาพ)
- ถาดซิมเป็นแบบ Hybrid Slot ไม่สามารถใส่ 2 ซิมคู่กับเม็มโมรี่การ์ดได้
- กล้องคู่ด้านหลังไม่ได้ดีมากนัก คาดว่าอาจต้องรออัพเดตซอร์ฟแวร์แก้ไข
- ไม่สามารถปิดติ่งบนหน้าจอแสดงผลได้
- 3D Sticker ในโหมดกล้องมีให้เลือกน้อยมากแล้วไม่สามารถโหลดเพิ่มได้
- ไม่รองรับระบบชาร์จเร็ว (รับไฟได้แค่ 10W หรือ 5V/2A)
- ราคาอาจจะสูงไปนิด เพราะในระดับราคานี้ยังมีคู่แข่งอีกมากมายให้ได้เป็นตัวเลือกซื้อกัน
ก็จบไปแล้วสำหรับรีวิวของเจ้าโนเกีย 5.1 พลัส ที่ทางเว็บไซต์เรานำมาฝากกัน และสำหรับใครที่อยากติดตามบทความดี ๆ แบบนี้ หรือข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลยครับ