OPPO Reno4 สมาร์ทโฟนในตระกูล Reno Series ที่มาแทนตระกูล F Series พร้อมอัพเกรดดีไซน์ความหรูหราเข้าสู่สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมในราคาที่เข้าถึงได้ มาถึงรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 4 มาพร้อมฟีเจอร์การใช้งานที่ต่อยอดจากรุ่นก่อนๆ มาดูกันว่าสมาร์ทโฟนดีไซน์สวยในราคาที่เข้าถึงได้จะมีฟีเจอร์อะไรเด็ดๆ บ้าง
แกะกล่องลองเล่น OPPO Reno4
ภายในกล่องรุ่นนี้มีอุปกรณ์มาให้อย่างครบครัน แทบไม่ต้องซื้ออะไรมาเพิ่มเติมเลย
- OPPO Reno4 สี Space Black
- อแดปเตอร์ VOOC Flash Charge 4.0 กำลังไฟ 30 วัตต์
- สายชาร์จแบบ USB-C
- ชุดหูฟังสมอลล์ทอล์ค
- เคสใสแบบ TPU
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- ฟิล์มกันรอยแบบติดมาจากโรงงาน
จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ ของรุ่นนี้ทั้งอแดปเตอร์ สายชาร์จ หูฟัง เคส และฟิล์มกันรอยมีมาให้ครบ แกะกล่องมาก็พร้อมใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องกลัวเครื่องเป็นรอย เคสใสยังทำให้การถือถนัดมือมากยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันริ้วรอยจากการวางบนพื้นโต๊ะ ใช้งานได้อย่างมั่นใจ
จอแสดงผลของรุ่นนี้มีขนาดที่พอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป มาพร้อมกับขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล FHD+ มีกล้องหน้าคู่ Dual Punch-Hole อยู่ที่มุมบนขวา มีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก ไม่รบกวนสายตา ส่วนล่างของหน้าจอยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยู่ใต้จอ
ด้านหลังสี Space Black ที่แฝงมาด้วยลวดลายตัวอักษร O และ P ที่สื่อถึงแบรนด์ OPPO เป็นลวดลาย Monogram ที่จะเผยออกมาเมื่อสะท้อนกับแสงในมุมต่างๆ เลนส์รับภาพอยู่ในกรอบทั้งหมด 4 เลนส์ แต่เราจะเห็นชัดเจนอยู่ 3 เลนส์ ส่วนอีกเลนส์จะเห็นเป็นวงกลมเล็กๆ ซ่อนอยู่ ซึ่งกรอบเลนส์ทั้งหมดจะค่อนข้างนูนออกมาพอสมควร แต่เคสที่แถมมาให้ในกล่องช่วยป้องกันริ้วรอยจากการวางบนพื้นโต๊ะได้
ที่ด้านข้างขวามีเพียงปุ่มเปิดปิดเครื่อง มีแถบสีเขียวสะท้อนแสงสกรีนอยู่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ถาดใส่ซิมการ์ดของรุ่นนี้อยู่ที่ด้านข้างซ้าย เป็นถาดแบบ 3 ช่องแยก SIM1, SIM2 และการ์ดหน่วยความจำ microSD ถัดลงมาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านบนมีเพียงช่องไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา ส่วนด้านล่างมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่องไมโครโฟนรับเสียง, ช่องเสียบสาย USB-C และช่องลำโพงของตัวเครื่อง ให้เสียงดังฟังชัดพอสมควร
สำหรับอแดปเตอร์จะมีขนาดใหญ่ และหนักกว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็แลกมาด้วยความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ และจะต้องใช้กับสายของ OPPO เท่านั้นจึงจะสามารถใช้ SuperVOOC Flash Charge 4.0 ได้
โดยรวมตัวเครื่องมีความบาง เบา กะทัดรัด จับถนัดมือ เหมาะกับผู้ใช้ที่ชอบสมาร์ทโฟนเครื่องเล็กๆ พกพาสะดวก ใส่กระเป๋ากางเกงได้สบายๆ โดยไม่รู้สึกอึดอัด ด้วยขนาดตัวเครื่องที่เล็กกะทัดรัดก็ไม่ได้ทำให้จอภาพเล็กลงแต่อย่างใด เพราะจอแสดงผลถูกขยายไปจนเกือบเต็มพื้นที่ด้านหน้า จึงเห็นภาพบนหน้าจอได้อย่างเต็มตา
กล้องหลัง 4 เลนส์ พร้อมระบบ AI ที่ฉลาดกว่าเดิม
จุดเด่นที่สุดของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการถ่ายภาพที่มาพร้อมระบบ AI อัจฉริยะที่ช่วยแต่งภาพทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว สำหรับกล้องหลังของรุ่นนี้มีมาให้ถึง 4 เลนสด้วยกัน ซึ่งแต่ละเลนส์ก็จะมีหน้าที่ถ่ายภาพในระยะต่างๆ ดังนี้
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, f/1.7
- กล้องเลนส์ Ultra wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, มุมกว้าง 119 องศา, f/2.2
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
- เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.4
นอกจากความโดดเด่นของเลนส์รับภาพในระยะต่างๆ แล้ว ยังมาพร้อมระบบ AI ที่ฉลาดกว่าเดิม อย่างเช่นระบบ AI Color Portrait ที่สามารถปรับภาพบุคคลให้เป็นสี และปรับฉากหลังเป็นภาพขาวดำ โดยอาศัยกล้องจากเลนส์หลัก และเลนส์ Mono ทำให้ภาพบุคคลดูโดดเด่น ไม่ถูกรบกวน หรือดึงดูดสายตาจากฉากหลัง สามารถถ่ายได้ทั้งภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ ส่วนการถ่ายภาพตอนกลางคืนก็มีโหมด Night Flare Portrait ที่จะเปลี่ยนไฟฉากหลังให้เบลอ ทำให้ภาพบุคคลดูโดดเด่นเช่นกัน
ด้วยเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ ประกอบกับรูรับแสงกว้างของรุ่นนี้ จึงทำให้เก็บแสงได้มาก และหากใช้โหมด Ultra Dark Mode จะช่วยให้ถ่ายภาพในที่มืดให้ออกมาสว่างอย่างไม่น่าเชื่อ สามารถถ่ายได้เพียงแค่ถือกล้องนิ่งๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องช่วยก็ยังได้ภาพที่คมชัดสว่างใสสวยงาม
ส่วนฟังก์ชั่นการถ่ายภาพอื่นๆ ก็มีให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโหมด Slow-Mo ที่สามารถถ่ายได้ถึง 960 เฟรมต่อวินาที, โหมด Panorama, Time-Lapse และโหมด Expert ที่สามารถเลือกปรับตั้งค่าต่างๆ ได้เหมือนกับกล้องถ่ายแบบมืออาชีพ ส่วนการถ่ายคลิปวิดีโอก็เลือกได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 4K 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมโหมด Ultra Steady 3.0 ที่ช่วยลดการสั่นไหวของวิดีโอมาให้ด้วย ส่วนกล้องหน้าก็มีระบบ AI Beatification ให้เลือกปรับความเนียนของใบหน้ามาให้เช่นเดิม และยังมีแอพฯ SOLOOP ที่สามารถตัดวิดีโอได้ง่ายๆ ผ่านหน้าจอมือถือมาให้ใช้ด้วย
เร็วแรงด้วยชิพประมวลผล Snapdragon 720G
หน่วยประมวลผลของรุ่นนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ตัวแรงท็อปสุด แต่ก็รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ ทั้งการใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม 3D หนักๆ ก็ยังไหว ชิพประมวลผลของ Reno4 รุ่นนี้ใช้ Qualcomm Snapdragon 720G Octa-core ความเร็ว 2.3 GHz มาพร้อมหน่วยความจำ RAM 8 GB และ ROM สำหรับเก็บข้อมูลต่างๆ อีก 128 GB หากไม่พอก็สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้อีก 256 GB โดยไม่ต้องถอด SIM2 ออก
จากการทดสอบด้วยแอพฯ Aututu Benchmark ซึ่งเป็นแอพฯ ที่เราใช้ทดสอบสมาร์ทโฟนเป็นประจำ พบว่าทำคะแนนได้สูงถึง 279,485 คะแนน
การทดสอบเล่นเกม Call of Duty Mobile, PUBG Mobile, Asphalt9 พบว่าเล่นเกมได้ลื่นไหล สามารถปรับความละเอียดการเล่นเกมได้สุด และยังมีฟีเจอร์ Game space ที่จะเข้ามาช่วยให้เล่นเกมลื่นไหลมากยิ่งขึ้น โดยระบบจะจัดการทรัพยากรทั้งหมดทั้งหน่วยประมวลผล หน่วยความจำมาใช้งานเพื่อให้การเล่นเกมลื่นไหลมากที่สุด
VOOC Flash Charge 4.0 ชาร์จเร็ว 30 วัตต์
ฟีเจอร์ที่มากับ OPPO เกือบจะทุกรุ่นมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็วที่ทางแบรนด์คิดค้นพัฒนาออกมาเป็นระบบชาร์จเร็วเจ้าแรกๆ และพัฒนาออกมาเรื่อยๆ จนมาถึง VOOC Flash Charge 4.0 เวอร์ชั่นนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่เร็วเหมือนรุ่น Flagship ที่ไปถึง SuperVOOC Flash Charge 2.0 กำลังไฟ 65 วัตต์ แต่ด้วยกำลังไฟ 30 วัตต์ของรุ่นนี้ก็ถือว่าเร็วพอสมควร สามารถชาร์จได้เร็วจาก 0-35% ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น และจาก 0-100% ใช้เวลาประมาณ 55 นาที ถือว่าเร็วมากๆ และถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะมีแบตเตอรี่เพียง 4,015 mAh ก็สามารถชาร์จเต็มได้รวดเร็วทันใจ
บทสรุป OPPO Reno4 จากความเห็นของ What Phone
จากที่เคยทดสอบสมาร์ทโฟนมาหลายๆ รุ่น แต่ละรุ่นก็อาจจะมีเครื่องหนาบ้าง เครื่องใหญ่บ้าง แต่สำหรับรุ่นนี้ได้ทั้งความเล็กกะทัดรัด ความบาง พกพาสะดวก และยังมีจอแสดงผลขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ ไม่รู้สึกว่ามีหน้าจอเล็กแต่อย่างใด แต่สิ่งที่น่าประทับใจคือกล้องระบบ AI ที่ทำงานได้ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ซึ่งก็ต้องยกความดีให้ความแรงของ CPU และระบบการประมวลผลภาพที่สามารถแสดงภาพได้แบบ Real time โดยไม่ต้องรอให้ถ่ายภาพเสร็จก่อน โดยรวมแล้วเป็นสมาร์ทโฟนที่ทำให้เราประทับใจมากทีเดียว และตอนนี้มีสีใหม่อย่าง Nebula Purple ออกมาแล้ว ชอบสีไหนก็เลือกตามชอบได้เลยครับ
สรุปสเป็ค OPPO Reno4
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ Dual Punch Hole Display
- ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแสดงผล
- หน่วยประมวล Qualcomm Snapdragon 720G Octa-core ความเร็ว 2.3 GHz, RAM 8 GB, ROM 128 GB
- หน่วยประมวลผล GPU Adreno 618
- รองรับการ์ดหน่วยความจำ microSD สูงสุด 256 GB
- กล้องหลัง 4 เลนส์ ระบบ AI
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, f/1.7
- กล้องเลนส์ Ultra wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, มุมกว้าง 119 องศา, f/2.2
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
- เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.4
- ถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K 30fps และ FHD 60fps
- แบตเตอรี่ความจุ 4,015 mAh
- VOOC Flash Charge 4.0 กำลังไฟ 30 วัตต์ ชาร์จเต็มใน 57 นาที
- ColorOS 7.2 บนระบบปฏิบัติการ Android 10
- เชื่อมต่อ WiFi ความถี่ 2.4 GHz, 5 GHz
- มีวิทยุ FM ในตัว (ใช้หูฟังเป็นเสาอากาศ)
- ราคา 11,990 บาท
- มีให้เลือก 3 สี Space Black, Galactic Blue, Nebula Purple
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง