เริ่มมีให้เห็นกันแล้วกับสมาร์ทโฟน 5G กับราคาที่ไม่ถึงหมื่นอย่าง realme 7 5G และยังมาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่คุ้มค่าในราคาเพียง 9,999 บาท จอแสดงผล 120 Hz, กล้องหลัง 4 เลนส์ ระบบชาร์จเร็ว มาดูกันว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีจุดเด่นอะไรอีกบ้าง
แกะกล่องลองเล่น realme 7 5G
กล่องสีเหลืองสดใสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์นี้ สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น บ่งบอกถึงความสดใสของคนรุ่นใหม่ที่เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา สำหรับภายในกล่องรุ่นนี้มีอุปกรณ์มาให้อย่างครบครัน แทบไม่ต้องซื้ออะไรมาเพิ่มเติมเลย
- realme 7 5G สี Mist Blue
- อแดปเตอร์ Dart Charge กำลังไฟ 30 วัตต์
- สายชาร์จแบบ USB-C
- เคสใสแบบซิลิโคน
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- ฟิล์มกันรอยแบบติดมาจากโรงงาน
อุปกรณ์ต่างๆ ของรุ่นนี้ทั้งอแดปเตอร์ สายชาร์จ เคส และฟิล์มกันรอยมีมาให้ครบ จะขาดก็แต่ชุดหูฟัง ซึ่งตอนนี้ realme ก็มีหูฟังมาให้เลือกซื้อแบบทั้งมีสาย และแบบไร้สาย เลือกซื้อมาใช้งานได้ตามการใช้งาน
ดีไซน์ และวัสดุ
realme 7 5G ที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Mist Blue เป็นสีที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพสะท้อน ที่เหมือนเงาสะท้อนในกระจก ที่เราสามารถพบได้จากธรรมชาติ เแบ่งฝาหลังหลังของสมาร์ทโฟนออกเป็น 2 ส่วน พร้อมเอฟเฟกต์แสงสะท้อน การเคลือบด้านแบบ AG Split Design ทำให้เกิดมุมมองดีไซน์ที่กลมกลืนและดูพรีเมียมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสี Flash Silver ที่มีโลโก้ realme แบบ 3 มิติ ดูโดดเด่นสวยงามเมื่อสะท้อนแสง
จอแสดงผลของรุ่นนี้มีขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ใช้จอภาพแบบ IPS LCD ที่มีอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 120 Hz ความละเอียด FHD+ (1080 x 2400 พิกเซล) มีอัตรา Touch Sampling rate 180 Hz ตอบสนองการแตะสั่งงานรวดเร็วทันใจ ส่วนกล้องหน้าแบบ In-display อยู่ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ ไม่บดบังสายตาขณะใช้งาน
ด้านหลังมีเลนส์รับภาพกล้องหลัง 4 เลนส์ และไฟแฟลชแบบ LED อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมที่นูนออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย แต่ก็สามารถปกป้องได้ด้วยเคสที่แถมมาให้ในเครื่อง
ช่องใส่ถาดซิมการ์ดอยู่ที่ด้านข้างซ้าของตัวเครื่อง เป็นถาดแบบ Hybrid มี 2 ช่อง โดยผู้ใช้จะต้องเลือกระหว่าง SIM2 หรือการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ถัดลงมาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ส่วนที่ด้านข้างขวามีปุ่มเปิดปิดเครื่อง ซึ่งทำหน้าที่เป็นปุ่มสแกนลายนิ้วมือไปด้วยในตัว
ด้านบนจะเห็นว่ามีรูเล็กๆ ซึ่งเป็นช่องไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา และยังเป็นไมโครโฟนรับเสียงแบบสเตอริโอเมื่อถ่ายวิดีโอ
และที่ด้านล่างมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ถัดมาเป็นช่องไมโครโฟนรับเสียงสนทนา, ช่องเสียบสายชาร์จแบบ USB-C และช่องลำโพงของตัวเครื่อง
MediaTek Dimensity 800U ชิพเซ็ตใหม่ล่าสุดที่ทรงประสิทธิภาพ
ด้วยชิพเซ็ตซีรี่ย์ใหม่ของ MediaTek อย่าง Dimensity 800U สถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร ทำให้ใช้พลังงานน้อยลง แต่มีประสิทธิภาพการทำงานที่แรงขึ้น มีหน่วยประมวลผล 8 แกน ประกอบไปด้วย Cortex-A76 จำนวน 2 คอร์ ความเร็ว 2.4 GHz และ Cortex-A55 ประสิทธิภาพสูง 6 คอร์ ที่ความเร็วสูงสุด 2 GHz มีหน่วยความจำ RAM มาให้ 8 GB และ ROM ขนาดใหญ่ 128 GB เพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD ได้ที่ช่อง SIM2 ได้สูงสุด 256 GB ระบบปฏิบัติการของรุ่นนี้ยังคงเป็น Android เวอร์ชั่น 10 พร้อมอัพเดทเวอร์ชั่น 11 ในอนาคต ครอบทับด้วย realme UI เวอร์ชั่น 1.0
หน่วยประมวลผลหลักยังทำงานร่วมกับชิพ Mali-G57 GPU ที่รองรับการประมวลผลภาพ 3D โดยเฉพาะเกมแนว Shooting ที่ต้องอาศัยการประมวลผลภาพที่หนักหน่วง แต่ realme 7 รุ่นนี้ก็เล่นได้อย่างลื่นไหล สามารถปรับภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุด อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีรองรับการสัมผัสหน้าจอ หรือ Touch Sampling Rate สูงถึง 180 Hz จึงทำให้การแตะสั่งงานทำได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองทันใจ เหมาะกับการเล่นเกมที่ต้องการความเร็วในการสั่งงานสูงอย่างเช่นเกม FPS ที่ช้าไม่ได้แม้เพียงเสี้ยววินาที
จากการทดสอบความเร็วด้วยแอพฯ Antutu Benchmark ที่เราใช้เป็นประจำสามารถทำคะแนนได้ถึง 344,209 คะแนน ตามที่ทาง realme แจ้งไว้ว่ารุ่นนี้สามารถทำคะแนนได้ถึง 340,000 ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในราคาไม่ถึงหมื่นบาท ส่วนการทดสอบด้วยแอพฯ Geekbench 5 สามารถทำคะแนน Single core ได้ 598 คะแนน และ Multi-Core ได้ 1790 คะแนน
รองรับ 5G Dual Standby
ชิพเซ็ต MediaTek Dimensity 800U ตัวนี้ยังรองรับเครือข่าย 5G แบบ Dual Standby สามารถใช้งาน 5G ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด เมื่อแกะกล่องออกมาก็สามารถใช้งาน 5G ได้ทันที จากการทดสอบความเร็วบนเครือข่าย 5G พบว่าทำความเร็วได้เกิน 400 Mbps ซึ่งถือว่าเร็วกว่า 4G มากทีเดียว อีกทั้งยังมีค่าความหน่วงต่ำ ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูล หรือการเล่นเกมทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ WiFi ความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz ด้วย
นอกจากนี้ยังรองรับ 5G-CA (2CC 5G Carrier Aggregation) การนำความถี่หลายย่านมารวมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการรับสัญญาณ รองรับ 12 คลื่นความถี่ 5G ทั่วโลก (n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n40, n41, n77, n78)
กล้องหลัง 4 เลนส์ 48 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ AI
นอกจากหน่วยประมวลผลที่โดดเด่น รองรับ 5G แล้ว ยังมีกล้องระบบ AI มาให้ถึง 4 เลนส์ แต่ละเลนส์ก็จะมีหน้าที่ถ่ายภาพในระยะต่างๆ ดังนี้
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung S5KGM1ST, รูรับแสง f/1.8
- กล้องเลนส์ Ultra wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, มุมกว้าง 119 องศา, f/2.3
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ระยะ 4 ซม., f/2.4
- เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
ส่วนฟังก์ชั่นการถ่ายภาพอื่นๆ ก็มีให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Night mode, Portrait, Slow-Mo ที่สามารถถ่ายได้ 240 เฟรมต่อวินาที, Time-Lapse, Panorama, Expert, Text Scanner ส่วนการถ่ายคลิปวิดีโอก็เลือกได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 4K 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมโหมด Ultra Steady ที่ช่วยลดการสั่นไหวของวิดีโอมาให้ด้วย
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลก็มีระบบ AI Beatification ให้เลือกปรับความเนียนของใบหน้ามาให้เช่นเดิม และยังมีแอพฯ SOLOOP ที่สามารถตัดวิดีโอได้ง่ายๆ ผ่านหน้าจอมือถือมาให้ใช้ด้วย
Dart Charge ชาร์จเร็วทันใจด้วยกำลังไฟ 30 วัตต์
ด้วยอแดปเตอร์ 30W Dart Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh ของ realme 7 ให้เต็ม 100% ในเวลา 65 นาที หรือเสียบชาร์จเพียงแค่ 26 นาทีก็เต็มถง 50% แล้ว มีระบบป้องกันความปลอดภัยถึง 5 ชั้น และรับรองความปลอดภัยในการชาร์จตั้งแต่หัวชาร์จ สายชาร์จ และตัวสมาร์ทโฟน
นอกจากแบตเตอรี่จะมีขนาดใหญ่ 5000 mAh แล้ว ยังมีระบบฟีเจอร์ และจัดการพลังงานที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น App Quick Freeze ฟังก์ชั่นที่จะช่วยพักการทำงานของแอพพลิเคชั่นที่ไม่มีการใช้งาน Sleep Standby ฟังก์ชั่นที่จะช่วยประหยัดพลังงานเครื่องขณะนอนหลับ และ Power Saving Mode โหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งจะลดความสว่างของหน้าจอ ลดเวลาล็อคหน้าจออัตโนมัติลงเหลือ 15 วินาทีและปิดการใช้งานแอพพลิเคชั่นให้หายไปจากหน้าจออย่างสมบูรณ์
บทสรุป realme 7 5G จากความเห็นของ What Phone
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นสมาร์ทโฟนสเป็คที่แรงสุดๆ แต่ด้วยราคาเปิดตัวเพียง 9,999 บาทที่มาพร้อมเทคโนโลยีเครือข่าย 5G ในราคาไม่ถึงหมื่น และยิ่งซื้อแบบติดสัญญากับโอเปอร์เรเตอร์ก็จะยิ่งถูกลงไปอีก ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่คุ้มมากที่เราจะได้สัมผัสความเร็วแรงของ 5G ในราคาที่เอื้อมถึง นอกจากนี้ยังได้กล้องที่ถ่ายได้คมชัดในทุกระยะ ประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วทันใจกับชิพเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง MediaTek Dimensity 800U หน้าจอขนาดใหญ่ แสดงผล 120 Hz ชาร์จเร็ว 30 วัตต์ ทั้งหมดนี้ realme 7 5G ให้อย่างครบๆ ทั้งหมดที่สมาร์ทโฟนดีๆ ควรจะมี
สรุปสเป็ค รีวิว realme 7 5G
- ขนาด 162.2 x 75.1 x 9.1 มม. นัำหนัก 195 กรัม
- รองรับเครือข่าย 5G แบบ Dual Standby พร้อมถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid 2 ช่อง
- หน้าจอ IPS FHD+ ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล, แสดงผล 120 Hz
- หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 800U Octa-core
- ระบบปฏิบัติการ Android 10, realme UI 1.0
- หน่วยความจำ RAM 8 GB, ROM 128 GB
- รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุด 256 GB
- ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง และปลดล็อคด้วยใบหน้า
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.1
- กล้องหลัง 4 เลนส์
- กล้องเลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung S5KGM1ST, รูรับแสง f/1.8
- กล้องเลนส์ Ultra wide 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 119 องศา f/2.3
- กล้องเลนส์ 2 ล้านพิกเซล Macro ระยะใกล้สุด 4 ซม f/2.4
- กล้องเลนส์ 2 ล้านพิกเซล Mono f/2.4
- แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จเร็วด้วย Dart Charge กำลังไฟ 30 วัตต์
- มีให้เลือก 2 สี Mist Blue, Flash Silver
- ราคาเปิด 9,999 บาท
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะช่วงจองเครื่อง เริ่มต้นเพียง 2,099 บาท
