Review

รีวิว realme GT 7 Series สมาร์ทโฟน Flagship Killer เหนือกว่าด้วยแบต 7000mAh ชาร์จไว AI จัดมาครบ

รีวิว realme GT 7 Series สมาร์ทโฟน Flagship Killer เหนือกว่าด้วยแบต 7000mAh ชาร์จไว 120W พร้อม AI จัดมาครบในราคาเบาๆ

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วครั้งแรกในโลกกับ realme GT 7 Series ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส งานนี้ทาง realme ได้เชิญทีมงาน What Phone บินตรงไปร่วมเปิดตัวถึงปารีสกันเลยทีเดียว โดยการเปิดตัวครั้งนี้เราได้โอกาสทดสอบการใช้งานของ realme GT 7 และ realme GT 7T ทั้ง 2 รุ่น มาดูกันว่าสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นจะมีอะไรน่าสนใจ และมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง เรามาแกะกล่องดูกันเลย

แกะกล่องลองเล่น realme GT 7

  • realme GT 7 สี IceSense Black
  • สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
  • เคสซิลิโคนสีดำ
  • ฟิล์มกันรอย (ติดจากโรงงาน)
  • อแดปเตอร์ SUPERVOOC  120 วัตต์
  • คู่มือการใช้งาน
  • เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด

แกะกล่องลองเล่น realme GT 7T

  • realme GT 7T สี IceSense Blue
  • สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
  • เคสซิลิโคนสีดำ
  • ฟิล์มกันรอย (ติดจากโรงงาน)
  • อแดปเตอร์ SUPERVOOC 120 วัตต์
  • คู่มือการใช้งาน
  • เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด

จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 รุ่นนั้นไม่ได้มีอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่มาให้ ซึ่งก็เป็นไปตามเทรนด์กระแสโลกที่ทาง Xiaomi ต้องการที่จะช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่ในช่วงโปรโมชั่นจองเครื่องทั้ง 2 รุ่นจะมีอแดปเตอร์ 120 วัตต์ และ 67 วัตต์แถมมาให้นอกกล่องตามรุ่นที่รองรับ สามารถนำมาใช้กับทั้ง 2 รุ่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

IceSense Design ครั้งแรกของโลกที่นำกราฟีนมาใช้ในการออกแบบสมาร์ทโฟน

realme ถือเป็นรายแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่นำกราฟีนมาใช้ในการออกแบบสมาร์ทโฟน ด้วยเทคโนโลยี IceSense Graphene ที่มีคุณสมบัติการนำความร้อนที่ดีกว่าเดิม ช่วยดูดซับและระบายความร้อนออกจากสมาร์ทโฟนอย่างมีประสิทธิภาพ ชั้นกราฟีนขนาด 4,000 ตารางมิลลิเมตรถูกออกแบบมาประกบแนบสนิทระหว่างชั้นไฟเบอร์กลาสของฝาครอบแบตเตอรี่ ซ่อนตัวอยู่ภายใน สามารถมองเห็นได้เฉพาะเมื่อถอดประกอบเท่านั้น

ประสิทธิภาพในการนำความร้อนดีขึ้น 24 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับฝาครอบไฟเบอร์กลาสมาตรฐาน และดีขึ้น 6 เท่าเมื่อเทียบกับฝาครอบกระจก ทำให้ GT 7 Series มีประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

IceSense Graphene ยังมอบ “อุณหภูมิที่สัมผัสได้” ที่ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม ให้ความเย็นสดชื่นในฤดูร้อน และความอบอุ่นในฤดูหนาว ทำให้การใช้งานสบายมือในทุกสภาพอากาศและสร้างประสบการณ์การสัมผัสที่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไป

realme GT 7 Series

ในด้านขนาดของ realme GT 7 Series ทั้งสองรุ่นนั้นดูแล้วอาจจะมีขนาดเท่ากัน แต่ realme GT 7 มีขนาดใหญ่กว่า และหนักกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยในรุ่น GT 7 มีขนาด 162.42 × 76.13 × 8.30 มม. หนัก 206 กรัม ส่วน GT 7 T มีขนาด 162.42 x 75.97 x 8.25 มม. หนัก 202 กรัม เราได้มาทดสอบรุ่น GT 7T เป็นสี IceSense Blue ส่วน GT 7 เป็นสี IceSense Black ใช้วัสดุเป็นหลังเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 7i ผิวแบบด้าน ไม่ติดลายนิ้วมือ

จอแสดงผลของทั้งสองรุ่นเป็นจอภาพแบบ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.8 นิ้ว ความละเอียด 2780 x 1264 พิกเซล ให้ความคมชัด สีสันสวยงามแม้อยู่กลางแจ้ง มีอัตรารีเฟรชเรทที่ 120 Hz และอัตรา Touch Sampling rate สูงถึง 360 Hz เหนือจอแสดงผลนอกจากจะกล้องหน้าแบบเจาะรูแล้ว ยังมีลำโพงสนทนา เซ็นเซอร์ต่างที่ซ่อนไว้อยู่บริเวณนี้โดยที่ไม่เกะกะสายตา และหากอยู่ในโหมดสแตนด์บายก็มีโหมด Always on Display ที่จะแสดงผลตลอดเวลาขณะปิดหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา หรือการแจ้งเตือนต่างๆ จึงไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ่อยๆ

realme GT 7 Series

ขอบด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่อง ใช้โทนสีแดงในรุ่นสี IceSence Blue ที่ดูโดดเด่น ส่วน IceSense Black เป็นปุ่มสีทอง ตัดกับสีดำของขอบตัวเครื่องดูหรูหรามีคลาส

ที่ด้านหลังของทั้ง 2 รุ่นหากเป็นสีเดียวกันจะแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว แต่จะเห็นความแตกต่างตรงไฟแฟลช โดยในรุ่น G 7T จะมีวงแหวนสีขาว ส่วนในรุ่น GT 7 จะเป็นไฟ LED รวมเป็นจุดสีขาวเล็กๆ เท่านั้นเอง

realme GT 7 Series

แบตเตอรี่ไททัน 7000mAh ครั้งแรกของโลก ชาร์จเร็ว SUPERVOOC 120W

จุดเด่นที่สุดของ GT 7 Series คือแบตเตอรี่ไททัน 7000mAh ที่เป็นครั้งแรกของโลก สามารถใช้งานได้ยาวๆ ตลอดทั้งวันโดยที่แบตเตอรี่เหลือครึ่งเดียว ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดรหว่างวัน อีกทั้งยังได้รับบันทึก Guinness World Record ทำลายสถิติดูหนังมาราธอนต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงอีกด้วย

ด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W ที่ทรงพลัง realme GT 7 สามารถชาร์จจาก 1% ถึง 50% ภายในเวลาเพียง 14 นาที และชาร์จเต็มจาก 1% ถึง 100% ในเวลา 40 นาที เท่านั้น สามารถสรุปได้ว่าหากนอนตื่นสายแล้วลืมชาร์จแบต เสียบชาร์จเพียง 14 นาที ก็นำไปใช้งานได้ตลอดวัน

นอกจากนี้ยังมีระบบ Smart Bypass เป็นนวัตกรรมพิเศษที่จ่ายไฟโดยตรงไปยังเมนบอร์ด ช่วยลดการใช้ไฟผ่านแบตเตอรี่ที่มีอุณหภูมิสูงขณะเล่นเกม ทำให้สามารถชาร์จขณะเล่นเกมได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อน หรือแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว และ realme GT 7 Series ยังได้รับการรับรอง 5 ดาวในด้านแบตเตอรี่จาก TÜV Rheinland เป็นรายแรกของอุตสาหกรรม ยืนยันคุณภาพและความปลอดภัยระดับมาตรฐานสากล

กล้อง AI Travel Snap เกิดมาเพื่อสายท่องเที่ยว

realme GT 7 Series Series มาพร้อมความโดดเด่นในการถ่ายภาพด้วย AI โดยเฉพาะ AI Travel Snap ที่เหมาะกับการถ่ายภาพแนวสตรีท หรือสำหรับสายท่องเที่ยว โดยผสมผสานการจัดระดับสีกับการถ่ายภาพแบบแคนดิด เพื่อสร้างลุคที่โดดเด่นสามแบบ ได้แก่ “Mountain” “Island”และ “เมือง” สไตล์เหล่านี้จะช่วยจับภาพช่วงเวลาสำคัญของระหว่างสองข้างทาง ทำให้ภาพถ่ายแคนดิดดูชัดเจน โดดเด่น และสวยงาม นอกจากนี้ยังมี AI เข้ามาช่วยในการตกแต่งภาพ ไม่ว่าจะเป็น AI Eraser คนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพ, AI Glare Removal ช่วยลดแสงสะท้อนทั้งจากเลนส์กล้อง หรือแหล่งกำเนิดแสง, AI Landscape+ ช่วยปรับภาพให้โปร่งใสคมชัดขึ้นเมื่อมีหมอก หรือเมื่อถ่ายย้อนแสง

เซ็นเซอร์กลัองหลัก Sony IMX906 ที่ผสานร่วมกับอัลกอริทึม Lightning Snap ช่วยให้ถ่ายภาพได้รวดเร็วเป็นพิเศษ เพียงกดชัตเตอร์ถ่ายภาพก็สามารถจับภาพช่วงเวลาสำคัญได้อย่างทันท่วงที โดยสามารถถ่ายได้เร็วถึง 50 ภาพต่อวินาที นอกจากนี้การถ่ายภาพบุคคลก็จะประมวลผลด้วยอัลกอริธึมการถ่ายภาพแบบ Snap Shot ช่วยให้ใบหน้าชัดเจน โครงหน้าสวยงาม และโบเก้เป็นธรรมชาติ แม้ในสภาพแสงที่น้อยก็ตาม

realme GT 7 Series

สำหรับโหมดการถ่ายภาพของทั้ง 2 รุ่นมีเลนส์ซูมระยะ 2 เท่ามาให้ และสามารถซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุดถึง 20 เท่า มีโหมดถ่ายภาพตอนกลางคืน, โหมดโปร, โหมดถ่ายถ่ายภาพความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล (ภาพถ่ายปกติจะอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล), โหมดพาโน, โหมดภาพยนตร์, โหมดสโลว์โมชั่น, โหมดไทม์แลปส์, โหมดท้องถนน, โหมดเปิดความเร็วชัตเตอร์นาน, โหมด Starry และระบบสแกนเอกสาร สำหรับสเป็คกล้องของทั้ง 2 รุ่นมีดังนี้

สเป็คกล้อง realme GT 7 และ realme GT 7T

  • กล้องหลัง 3 เลนส์
    • กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.88 เซ็นเซอร์ Sony IMX906
    • กล้องเลนส์ Ultra wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 
    • กล้องเลนส์ 2X ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
  • กล้องหน้า
    • กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล 5 ชิ้นเลนส์ รูรับแสงกว้าง f/2.2 เซ็นเซอร์ Sony IMX615

realme GT 7 Series

ส่วนการถ่ายวิดีโอของรุ่น GT 7 สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8K 30 FPS, 4K 120 FPS แต่ในรุ่น GT 7T จะถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60 FPS แต่ทั้ง 2 รุ่นมีโหมดถ่ายแบบมุมมองคู่โดยเป็นการใช้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังให้อยู่ในเฟรมเดียวกัน เหมาะกับสาย VLOG ที่ต้องการถ่ายวิดีโอพร้อมกับเห็นใบหน้า เห็นรีแอคชั่นของผู้ถ่าย จึงไม่จำเป็นต้องนำคลิปวิดีโอมาตัดต่อรวมเฟรมกันให้เสียเวลา และยังมีโหมดถ่ายวิดีโอใต้น้ำ แต่จะจำกัดให้ถ่ายที่ความลึกไม่เกิน 2 เมตร และระยะเวลาไม่เกิน  30 นาที 

ตัวอย่างภาพจากกล้อง

แรงระดับ Pro ด้วยหน่วยประมวลผล Dimensity 9400e กับคะแนน Antutu ทะลุ 2.14 ล้าน

ทั้ง 2 รุ่นจะใช้หน่วยประมวลผลต่างกันเล็กน้อย โดยในรุ่น GT 7 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400e Octa-core สถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตร ความเร็วสูงสุด 3.4 GHz พ่วงด้วยชิปประมวลผลภาพ 3D Immortalis-G720 หน่วยความจำ RAM 12+12GB และ ROM ขนาดใหญ่ 512GB ส่วนรุ่น GT 7T ใช้ชิปประมวลผลที่รองลงมาอย่าง MediaTek Dimensity 8400-MAX ความเร็วสูงสุด 3.25 GHz ชิปประมวลผลภาพ 3D Mali-G720 MC7 หน่วยความจำ RAM ขนาด 12+12GB, ROM 256GB ทั้ง 2 รุ่นใช้ระบบปฏิบัติการ realme UI 6.0 บนพื้นฐาน Android เวอร์ชั่น 15 

realme GT 7 Series

การทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลเราได้ทำการทดสอบด้วยแอปฯ Antutu เวอร์ชั่น 10.5.0 ซึ่งเป็นแอปฯ ที่เราใช้ทดสอบเป็นประจำ ผลการทดสอบของทั้ง 2 รุ่นต่างกันพอสมควร โดยในรุ่น GT 7 สามารถทำคะแนนเทียบชั้นสมาร์ทโฟนระดับ Flagship ได้เลยที่ 2,148,400 คะแนน เลยทีเดียว

realme GT 7 Series

ส่วนในรุ่น GT 7T ทำคะแนนได้ 1,740,280 คะแนน ถือว่าทำได้เทียบชั้นระดับ Flagship ในราคาที่คุ้มค่ากว่าเลยก็ว่าได้ 

realme GT 7 Series

NEXT AI : AI Planner ตัวช่วยจัดตารางส่วนตัวเพียงแค่เคาะด้านหลังเครื่อง

AI Planner ถือเป็นฟีเจอร์ใหม่ใน realme GT 7 Series ที่สามารถสร้างนัดหมายได้จากข้อมูลที่ปรากฎบนหน้าจอ อย่างเช่นอีเมล์, หน้าจอแชท หรือข้อมูลจากรูปภาพ เพียงแค่เคาะด้านหลังเครื่อง 2 ครั้ง ระบบ AI จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลพร้อมทั้งทำนัดหมายลงใน Calendar ให้โดยอัตโนมัติ สะดวก และง่ายดาย ไม่ต้องกดสร้างนัดหมายเองให้ยุ่งยาก นอกจากนี้ยังมี AI ต่างให้ใช้งานอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น AI ช่วยในการถ่ายภาพ แต่งภาพ, AI ช่วยในการเล่นเกม และ AI Gemini จาก Google ด้วย

เล่นเกม PUBG 120 เฟรมต่อวินาทีได้นาน 7 ชั่วโมง พร้อม AI Gaming Coach

เมื่อมีหน่วยประมวลผลที่แรงสุดๆ แล้วในด้านการเล่นเกมก็ถือว่าความเร็วแรงอยู่ในแถวหน้าในขณะนี้ สามารถเล่น PUBG ได้ในระดับ 120 เฟรมต่อวินาที และยังคงเฟรมเรทนี้ไปได้นานถึง 7 ชั่วโมง ไม่เพียงแค่นี้ ยังรองรับเกมดังอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

นอกจากนี้ยังมีโหมด AI Gaming Coach ช่วยให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเกม ไม่ว่าจะเป็น Smart Danger Alerts ความแม่นยำที่ขับเคลื่อนโดยอัลกอริทึมในการระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นซึ่งผู้เล่นไม่ได้สังเกตเห็น หรือจะเป็น In-Game Status Updates อัลกอริทึมนี้ให้มุมมองแบบทั่วโลกโดยเสนอการเตือนเกี่ยวกับสถานะของเพื่อนร่วมทีม ความทนทานของอุปกรณ์ ความก้าวหน้าในโซน และปัจจัยสำคัญอื่นๆ อีกด้วย

realme GT 7 Series

realme GT 7 Series 

บทสรุป realme GT 7 Series ในความเห็นของ What Phone

หลังจากใช้ realme GT 7 Series ทั้ง 2 รุ่นมาสักระยะถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการมือถือแรงๆ ได้ดีทีเลย การใช้งานลื่นไหลมาก เล่นเกมแบบหนักๆ ได้สบาย แถมแบตตเอรี่ขนาดใหญ่ 7000mAh ยังใช้งานได้อย่างยาวนานกว่าสมาร์ทโฟน Flagship ที่เคยใช้มา พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว SUPERVOOC 120W อีก และสำคัญคือเทคโนโลยี IceSense Graphene ก็ระบายความร้อนได้ดีน่าพอใจ ระบบ AI ก็มีมาให้ใช้งานครบ ทั้งมาช่วยถ่ายภาพ แต่งภาพ รวมไปถึงการทำงาน ที่ช่วยสร้างตารางนัดหมายให้อย่างรวดเร็ว และการเล่นเกม และสำหรับรุ่นรองลงมาอย่าง realme GT 7T ก็ไม่ได้เป็นรอง ถึงแม้ว่าจะใช้ CPU รุ่นรองกว่าแต่ก็ยังถือว่าแรงในระดับเล่นเกมหนักๆ ได้เช่นกัน โดยรวมทั้ง 2 รุ่นเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรงในระดับที่ไม่ต้องจ่ายแพงจนเกินไป ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาเลยทีเดียว

realme GT 7 Series

สรุปสเป็ค realme GT 7

  • ขนาด 162.42 x 76.13 x 8.30 มม. น้ำหนัก 206 กรัม
  • รองรับเครือข่าย 4G LTE, 5G พร้อมช่องใส่ซิมการ์ด 2 ใบ
  • หน้าจอ AMOLED FHD+ ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1264 x 2780 พิกเซล
  • รองรับ Dolby Vision, HDR10+
  • Refresh rate 120 Hz, Touch sampling 360 Hz
  • หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 9400e Octa-core ความเร็ว 3.4 GHz
  • หน่วยประมวลผลภาพ 3D Immortalis-G720 ความเร็ว  1.3 GHz, Ray Tracing
  • ระบบปฏิบัติการ realme UI 6.0 บนพื้นฐาน Android 15
  • หน่วยความจำ RAM 12+12 GB, ROM 512 GB
  • ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วบนหน้าจอ และปลดล็อคด้วยใบหน้า
  • กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
    • เลนส์ Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
    • เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
    • เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
  • ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 8K 30 เฟรมต่อวินาที, 4K 60 เฟรมต่อวินาที
  • แบตเตอรี่ 7000 mAh ชาร์จเร็วด้วยอแดปเตอร์ SUPERVOOC 120 วัตต์
  • ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ รองรับ Dolby Atmos
  • การเชื่อมต่อ WiFi 7 ความถี่ 2.4 GHz, 5 GHz, Bluetooth 5.4
  • มีให้เลือก 2 สี IceSense Black และ IceSense Blue
  • ราคาเปิดตัว 22,990 บาท

สรุปสเป็ค realme GT 7T

  • ขนาด 162.42 x 75.97 x 8.25 มม. น้ำหนัก 205 กรัม
  • รองรับเครือข่าย 4G LTE, 5G พร้อมช่องใส่ซิมการ์ด 2 ใบ
  • หน้าจอ AMOLED FHD+ ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 2800 พิกเซล
  • รองรับ Dolby Vision, HDR10+
  • Refresh rate 120 Hz, Touch sampling 360 Hz
  • หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 8400-Max ความเร็ว 3.25 GHz
  • หน่วยประมวลผลภาพ 3D Mali-G720
  • ระบบปฏิบัติการ Android 13, MIUI 14
  • หน่วยความจำ RAM 12+12 GB, ROM 256 GB
  • ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วบนหน้าจอ และปลดล็อคด้วยใบหน้า
  • กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
    • เลนส์ Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
    • เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
    • เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
  • ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K 60 เฟรมต่อวินาที
  • แบตเตอรี่ 7000 mAh ชาร์จเร็วด้วยอแดปเตอร์ SUPERVOOC 120 วัตต์
  • ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ รองรับ Dolby Atmos
  • การเชื่อมต่อ WiFi 7 ความถี่ 2.4 GHz, 5 GHz, Bluetooth 6.0
  • มีให้เลือก 2 สี IceSense Black และ IceSense Blue
  • ราคาเปิดตัว 17,990 บาท 
To Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณและสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • GA

    Google Analytic

Save