สมาร์ทโฟนตระกูล Redmi ถือเป็นสมาร์ทโฟนซีรี่ย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยความสำเร็จนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ด้วยความคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ทำให้ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง และมาถึง Redmi 9 รุ่นนี้ มาดูกันว่าจะยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่สานต่อความคุ้มค่าอยู่หรือไม่
แกะกล่องลองเล่น Redmi 9
หากเป็นแฟน Mi จริงจะรู้ว่าสมาร์ทโฟนจากแบรนด์นี้มักจะไม่มีหูฟังแถมมาให้ และในรุ่นนี้ก็เช่นกัน แต่อุปกรณ์พื้นฐานต่างๆ ก็ยังคงมีมาให้ครบ มาแกะกล่องดูกันเลยครับ
- Redmi 9 สี Sunset Purple
- สายชาร์จแบบ USB-C
- อแดปเตอร์กำลังไฟ 10 วัตต์
- เคส TPU แบบใส
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- คู่มือการใช้งาน
เมื่อแกะกล่องออกมาแล้วก็แปลกใจเล็กน้อย เพราะอแดปเตอร์ที่แถมมาให้ในกล่องจ่ายไฟได้เพียง 10 วัตต์ แต่ตัวเครื่องรองรับการชาร์จแบตเตอรี่กำลังไฟ 18 วัตต์ อาจจะเป็นเพราะต้องลดต้นทุนเพื่อให้ราคาถูกลง ถือเป็นข้อดีที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อเครื่องแพง หากมีอแดปเตอร์ 18 วัตต์อยู่แล้ว หรือต้องการชาร์จเร็วเพิ่มก็หาซื้อเพิ่มเติมได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ราคาก็ไม่แพงมาก ไม่กี่ร้อยบาท ส่วนหูฟังก็ไม่มีมาให้อย่างที่บอกไว้เช่นเคย
ดีไซน์และวัสดุของ Redmi 9 นั้น ตัวเครื่องออกแบบมาได้ถนัดมือ ขอบของตัวเครื่องโค้งมนรับกับอุ้งมือพอดี ด้านหน้าใช้กระจกแบบ Corning Gorilla Glass 3 ช่วยกันรอยขีดข่วนได้ในระดับหนึ่ง มาพร้อมฟิล์มกันรอยที่ติดมาจากโรงงาน จึงไม่ต้องเสียตังค์ไปติดฟิล์มเพิ่ม ตัวเครื่องด้านหลังใช้วัสดุเป็นโพลีคาร์บอเนต ซึ่งอาจจะดูพลาสติกไปนิดนึง แต่ด้วยความที่สีสันของตัวเครื่องไล่เฉดสี ทำให้ดูสวยงามมีระดับ
จอแสดงผลของตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ 6.53 นิ้ว เป็นจอภาพแบบ IPS LCD ให้สีสันที่ดูสมจริง มีความละเอียดระดับ FHD+ หรือ 2340 x 1080 พิกเซล เหนือจอแสดงผลมีกล้องหน้าแบบฝังลงบนหน้าจอ ซึ่ง Xiaomi เรียกจอแบบนี้ว่าเป็นจอแบบ Dot Drop Display ซึ่งบริเวณนี้จะมีลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ ฝังรวมกันอยู่ส่วนบนนี้ นอกจากนี้ยังได้รับการรั
ด้านหลังของรุ่นนี้ใช้สี Sunset Purple โดยเป็นการไล่เฉดสีน้ำเงินไปหาสีม่วง ฝาหลังยังมีลวดลายเป็นเส้นวงกลมจากส่วนของกล้อง ทำให้จับได้ถนัดไม่ลื่นมือ อีกทั้งยังไม่เป็นรอยนิ้วมือด้วย ด้านหลังนี้ยังมีเลนส์รับภาพกล้องทั้ง 4 เลนส์ มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และไฟแฟลชแบบ LED
ถาดใส่ซิมการ์ดของรุ่นนี้เป็นแบบ 3 ช่องอยู่ที่ด้านข้างซ้ายของตัวเครื่อง สามารถใส่ซิมการ์ดได้ 2 ใบและหน่วยความจำ microSD แยกกันแบบอิสระ ส่วนที่ด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียงสนทนา และปุ่มเปิดปิดเครื่อง
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีพอร์ตอินฟราเรดสำหรับสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ใกล้ๆ กันมีรูเล็กๆ เป็นช่องไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างไล่จากด้านซ้ายมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ช่องไมโครโฟนรับเสียงสนทนา ช่องเสียบสายชาร์จแบบ USB-C และช่องลำโพงของตัวเครื่อง
ภายในกล่องยังมีเคสใสมาให้ เมื่อใส่แล้วก็ยังคงเห็นสีสันของตัวเครื่องชัดเจน อีกทั้งยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วน และป้องกันแรงกระแทกได้ดีในระดับหนึ่ง ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินซื้อเคสเพิ่มเติมด้วย
13 MP AI Quad Camera
ในด้านการถ่ายภาพแม้ว่าจะไม่ได้มีกล้องความละเอียดสูงมากมายนักเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น แต่ความละเอียดของเลนส์ภาพหลัก 13 ล้านพิกเซลถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว จะถ่ายลงโซเชียล หรือนำไปอัดภาพเป็นอัลบั้มความละเอียดระดับนี้ก็ยังเหลือๆ สำหรับการถ่ายภาพยังมีเลนส์ระยะต่างๆ มาให้ได้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ Ultra wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมอง 118 องศา, เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth ที่จะช่วยวัดในการถ่ายภาพ Portrait หน้าชัดหลังละลาย
โหมดการถ่ายภาพของรุ่นนี้ก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ Portrait มีโหมด Beauty ให้เลือกปรับหน้าเนียน พร้อมฟิลเตอร์ให้เลือก 12 แบบ, การถ่ายภาพโหมด Pro ที่สามารถเลือกปรับ White balance ค่ารูรับแสง ค่าสปีดชัตเตอร์ ค่า ISO, การถ่ายภาพมาโครที่สามารถถ่ายได้ใกล้สุดประมาณ 4 ซม. ส่วนการถ่ายวิดีโอเลือกถ่ายได้สูงสุดที่ 1080p นอกจากนี้ยังมีให้เลือกถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion, Short Video
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลก็สามารถปรับหน้าเนียนได้ด้วยโหมด Beauty ซึ่งสามารถปรับความเนียนใส ปรับความเรียวของใบหน้า และปรับตาโตได้ นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วยกล้องหน้าเพียงตัวเดียว และยังมีฟิลเตอร์ให้เลือกอีก 12 แบบเช่นกัน
เร็ว แรง ประหยัดพลังงานด้วยหน่วยประมวลผล Helio G80
Redmi 9 มาพร้อมชิพประมวลผล MediaTek Helio G80 ซึ่งเป็นชิพเซ็ตที่มีความแรง ใช้พลังงานต่ำ ทำงานด้วย 8 แกนประมวลผล ทำงานด้วยความเร็ว 2.0 GHz หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB และ ROM ขนาด 64 GB เพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD ได้สูงสุด 512 GB ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกม 3 มิติที่อาจจะไปได้ไม่สุด แต่หากปรับลดความละเอียดลงมาหน่อยก็จะยังเล่นได้แบบไม่กระตุก
จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอพฯ Antutu Benchmark ที่เราใช้ทดสอบอยู่เป็นประจำสามารถทำคะแนนได้ 201323 คะแนน ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ส่วนการเล่นเกม PUBG Mobile ก็สามารถเล่นได้โดยปรับความละเอียดของภาพไปที่ระดับกลางสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังมีโหมด Game Turbo ที่จะช่วยจัดการทรัพยากรในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล หน่วยความจำให้มาสำหรับการเล่นเเกมโดยเฉพาะ และยังช่วยจัดการเรื่องสายโทรเข้า การแจ้งเตือนต่างๆ ด้วย
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รองรับ Quick Charge 18 วัตต์
Redmi 9 มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,020 mAh ถือว่ามีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ สามารถใช้งานได้ยาวนานทั้งวัน ตัวเครื่องรองรับการชาร์จเร็วถึง 18 วัตต์ ทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ในกล่องจะมาพร้อมกับอแดปเตอร์กำลังไฟเพียง 10 วัตต์ หากต้องการชาร์จเร็วก็จะต้องหาซื้ออแดปเตอร์ที่สามารถจ่ายไฟได้ 18 วัตต์มาใช้งาน ซึ่งตอนนี้ก็มีราคาเหลือเพียงไม่กี่ร้อยบาทแล้ว หรือหากไม่สะดวกที่จะซื้อใหม่ก็สามารถใช้อแดปเตอร์ที่มีมาให้ในกล่องก็ได้เช่นกัน
บทสรุป Redmi 9 ในความเห็นของ What Phone
ด้วยราคาเปิดตัวเริ่มต้นเพียง 3,899 บาทในรุ่น 3+32 GB และรุ่น 4+64 GB 4,599 บาท ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนในเรทราคาไม่ถึง 5 พันที่คุ้มที่สุดเมื่อเทียบกับสเป็คทั้งหมดที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล Helio G80, กล้องหลัง 4 ตัว ลูกเล่นการถ่ายภาพครบครัน หน้าจอขนาดใหญ่สวยงาม วัสดุเหมาะสมกับราคา โดยรวมแล้วเหมาะกับการใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ยังพอไหว รองรับบริการจาก Google เต็มรูปแบบ เหมาะกับยุคที่ต้องประหยัด และใช้เงินอย่างคุ้มค่ามากที่สุดในเวลานี้
สรุปสเป็ค
- รองรับเครือข่าย 4G LTE
- หน้าจอ Dot Drop Display ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล
- กล้องหน้า 8 MP (f/2.0 aperture) บันทึกวิดีโอ FullHD 30fps
- กล้องหลัง 4 เลนส์ บันทึกวิดีโอ FullHD 30fps
- 13MP Wide Angle, f/2.2 aperture
- 8MP Ultra-Wide Angle 118°, f/2.2 aperture
- 5MP Macro, f/2.4
- 2MP Depth Camera f/2.4
- หน่วยประมวลผล MediaTek Helio G80 Octa-core ความเร็ว 2.0 GHz
- ชิพประมวลผลภาพ 3D GPU Mali-G52 MC2
- หน่วยความจำมี 2 รุ่น 3+32 GB และรุ่น 4+64 GB
- รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB
- MIUI 11 บนพื้นฐาน Android 10
- แบตเตอรี่ 5020 mAh
- รองรับ Quick charge สูงสุด 18 วัตต์ (อแดปเตอร์ในกล่อง 10 วัตต์)
- รองรับ Wi-Fi 802.11a/b/g/n ความถี่ 2.4 และ 5 GHz
- มีวิทยุ FM พร้อมเสาอากาศรับสัญญาณในตัว (ไม่ต้องเสียงหูฟัง)
- มีให้เลือก 3 สี Carbon Grey Ocean Green และ Sunset Purple
- ราคา 3,899 บาท รุ่นความจุ 3+32 GB
- ราคา 4,599 บาท รุ่นความจุ 4+64 GB