มาแล้ว! รีวิวฉบับเต็มของ Samsung Galaxy A50 สมาร์ทโฟนสุดร้อนแรง ดีไซน์สวย กล้องมุมกว้าง กับราคาสุดคุ้ม ที่ใครๆก็ถามถึงในช่วงเวลานี้
แกะกล่องส่องดีไซน์ตัวเครื่อง
- ตัวเครื่อง
- เคสใสแบบนุ่มนิ่ม
- เข็มจิ้มซิม
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบเร็ว (15 W)
- สาย USB-C
- หูฟัง
ตัวเครื่องมากับหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว แทบจะไร้ขอบถือว่าออกแบบมาได้จับถนัดมือดีครับ
ด้านหลังเครื่องดีไซน์เงางามแบบ 3D Glasstic (กระจกผสมพลาสติก) สะท้อนแสงสวยงาม
ตัวหน้าจอของรุ่นนี้นั้นเป็นแบบ Infinity-U หรือติ่งรูปตัว U นั่นเอง
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของรุ่นนี้ถูกย้ายมาไว้ใต้หน้าจอเป็นที่เรียบร้อย
ด้านหลังมากับกล้อง 3 เลนส์ พร้อม LED Flash และ Logo Samsung
และด้านล่างตัวเครื่องนั้นก็จะมีช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C และลำโพงของตัวเครื่องครับ
สเปก Samsung Galaxy A50
- หน้าจอ Super AMOLED แบบ Infinity-U ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแสดงผล
- ดีไซน์ฝาหลังแบบ 3D Glasstic ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างกระจกและพลาสติกนั่นเอง
- CPU : Exynos 9610
- RAM : 6 GB
- ROM : 128 GB (เพิ่ม microSD Card ได้)
- กล้องหน้าความละเอียด 25 MP (F/2.0)
- กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 25 MP (F/1.7) + 8 MP (F/2.2) แบบมุมกว้าง + 5 MP (F/2.2) แบบ Depth
- แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 15 W
- OS : Android Pie 9.0 ครอบทับด้วย One UI
- รองรับ Bixby แบบครบเครื่อง (Voice, Vision, Home, Reminder)
- มีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่ Black, White และ Blue
-
ราคา 11,490 บาท
กล้องถ่ายภาพ
ตัวกล้องถ่ายภาพของรุ่นนี้นั้นมีให้เลือกใช้หลายโหมดพอสมควร โดยโหมดรูปถ่ายปกติ (Auto) นั้นจะมีการเปิดใช้ AI หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ Sence Optimizer มาให้ในตัวเลย (ปิดได้) โดยมันจะใช้เวลาประมวลผลก่อนจะระบุว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นอะไร (ของกิน, ดอกไม้, อาคาร, สัตว์, คน) แล้วก็จะแต่งภาพให้เข้ากับบรรกาศหรือฉากนั้น ๆหลังถ่ายภาพเสร็จครับ
และในส่วนของการถ่ายวีดีโอของทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังนั้นสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p แบบ 30 fps ครับ (สามารถเลือกเอฟเฟคของภาพขณะถ่ายได้ หรือถ้าเป็นกล้องหลังก็สามารถถ่ายวีดีโอในมุมมองที่กว้างกว่าปกติได้เช่นกันครับ) รวมถึงยังมีโหมดเร่งความเร็ว Hyperlapse และโหมดสโลวโมชั่นอีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย
ด้วยกล้องหน้าความละเอียด 25 MP ก็ถ่ายภาพออกมาชัดเจนในทุกสภาพแสง รวมถึงโหมดบิ้วตี้เลือกโทนสีผิว แต่งหน้าเนียน Auto ก็มาครับ (มีความแตกต่างเล็กน้อย) หรือจะใช้โหมด Live Focus ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอก็ทำได้ (เลือกปรับเบลอก่อนหรือหลังถ่ายก็ได้)
ส่วนภาพถ่ายจากกล้องหลัง ก็มี 2 มุม ได้แก่ มุมปกติ สำหรับถ่ายภาพระยะเดิม ๆ หรือในที่มืด และมุมกว้างที่ไว้ใช้ถ่ายภาพวิวหรือต้องการเก็บภาพในระยะกว้างๆ (แอบเบี้ยวเล็กน้อยในบางรูป)
จะเห็นได้ว่าภาพถ่ายในที่มืดหรือในที่แสงน้อยนั้น ยังทำออกมาไม่ได้ดีมาก ความละเอียด ความคมของภาพจะหายไปค่อนข้างชัดเจน แต่ AI ก็ปรับแต่งให้สว่างกว่าสภาพแสงปกติอยู่นิดหน่อย แต่ที่เห็นว่ามืดชัดเจนคือเวลาถ่ายแบบมุมกว้างเพราะค่า F ของกล้องมุมกว้างที่แตกต่างกับกล้องหลักนั่นเองครับ
ประสิทธิภาพสุดร้อนแรง
Antutu : ด้วยพลังแห่งชิปเซ็ต Exynos 9610 บวกกับ RAM 6 GB ทำให้ฟาดคะแนนแอปพลิเคชั่นทดสอบประสิทธิภาพสุดฮิตของสมาร์ทโฟนไปถึง 146620 คะแนนเลยทีเดียวครับ
Game Launcher : ถ้าพูดถึงการเล่นเกมส์แน่นอนว่าทางซัมซุงก็เตรียมแอปพลิเคชั่นที่รวบรวมเกมส์ยอดฮิตไว้ในที่เดียวอย่างแอพนี้ ซึ่งการใช้งานทั่วไปก็จะมีการเร่งประสิทธิภาพของตัวเครื่อง การอัดวีดีโอบนหน้าจอแสดงผลเวลาเล่นเกมส์ หรือจะเป็นการไลพ์สดก็ทำได้เช่นกันครับ และในส่วนของการเล่นเกมส์นั้นทางทีมงาน WhatPhone ก็ได้ทดสอบเกมส์สุดฮิตอย่าง PUBG Mobile ก็เล่นได้อย่างลื่นไหล ตัวเครื่องแทบไม่ร้อนเลย (อุ่น ๆ)
แบตเตอรี่ : ด้วยความจุขนาด 4,000 mAh ของรุ่นนี้ บวกกับหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ระดับกลางของซัมซุงทำให้การใช้งานทั่วไปนั้นเรียกได้ว่าใช้งานทั้งวันก็เหลือ ๆ (ใช้งานต่อเนื่องแบบเปิดจอตลอดได้เกือบ 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว) แต่ถ้าเล่นเกมส์หรือถ่ายภาพบ่อย ๆก็อยู่ได้เกือบหนึ่งวันโดยประมาณครับ และระบบชาร์จเร็วของรุ่นนี้ก็ถือว่าเร็วใช้ได้ครับ (ถึงแม้จะไม่ได้เร็วที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ก็ตาม)
ระบบความปลอดภัย : แน่นอนว่ารุ่นนี้มีระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอใส่มาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (คนละแบบกับ Samsung Galaxy S10 นะ) ก็ถือว่ายังสแกนได้ไม่เร็วเท่ารุ่นก่อนๆ แต่ถ้าใครคิดว่ายุ่งยากทางซัมซุงเค้าก็เตรียมระบบสแกนใบหน้าแบบรวดเร็วมาให้ด้วยเช่นกัน แล้วก็แพทช์ความปลอดภัยของ Google รุ่นที่วางจำหน่ายในไทยตอนนี้เป็นของเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ก็ถือว่าเร็วอยู่นะครับ
Samsung One UI หน้าตาใหม่ทำอะไรได้บ้าง?
หน้าตาของซัมซุง One UI ก็จะคล้ายๆ Samsung Experience UI แบบเดิม ๆ แต่มีการปรับให้คลีนขึ้น แอปพิลเคชั่นดูโค้งมนใหญ่ขึ้น เต็มตา มี App Drawer เหมือนเดิม ลากแถบ Notification จากด้านบนลงมาก็จะมีเมนูลัดให้เปิดมากมาย และถ้าปัดหน้าแรกไปซ้ายมือก็จะพบกับ Bixby Home ครับ
Bixby : ผู้ช่วยอัจฉริยะเบอร์หนึ่งของซัมซุงก็อัดแน่นมาครบทุกฟีเจอร์ ไม่ว่าจะเป็น หน้า Home ที่ไว้แสดงการแจ้งเตือน หรืออ่านข่าวสาร, Voice ไว้สั่งงานตัวเครื่อง ทั้งเตือนความจำหรือกิจกรรมต่าง ๆ (Reminder) แบบซับซ้อนหลายอย่างได้ และ Bixby Vision ที่ไว้ใช้งานส่องสถานที่หรือสิ่งของที่เราสนใจว่ามันคืออะไร ที่ไหน เปรียบเทียบสินค้า หาราคาต่าง ๆ และอีกมากมายครับ
Dual Messenger : เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนก็คงจะมีหลายบัญชีสำรองสำหรับช่องการ การติดต่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook, Messenger และอื่น ๆ ซัมซุงก็ทำให้คุณเล่นไปพร้อมกัน 2 บัญชีได้โดยไม่ต้องโหลดแอปเพิ่มหรือสลับแอคเค้าให้วุ่นวายเลยล่ะครับ
Multi Windows : ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่อยู่มากับซัมซุงกาแลคซี่ทุกรุ่นเลยก็ว่าได้กับการแบ่งหน้าจอเล่น 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน โดยรอบนี้อัพเกรดขึ้นมีแบบ Pop-Up ให้ใช้งานหน้าต่างเล็กๆ ไม่ต้องแบ่งก็ทำได้ครับ
AR Emoji : รอบนี้ซัมซุงได้ทำการอัพเกรดให้ฉลาดมากขึ้นสมจริงมากขึ้น รองรับสติ้กเกอร์ใหม่มากมาย รวมถึงยังสามารถครีเอทตัวละครน่ารัก ๆ ในแบบฉบับที่อ้างอิงจากใบหน้าของผู้ใช้งานได้ด้วย แถมยังแต่งได้หมดทั้งหน้าตา ทรงผม เสื้อผ้าต่าง ๆ ครับ
ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- Always on Display : โหมดแสดงเวลาขณะพักหน้าจอหรือจะเป็นการแจ้งเตือนต่าง ๆ ก็มีมาให้ครับ
- ระบบเสียง Dolby Atmos : ช่วยให้การฟังเพลงผ่านหูฟังมีมิติมากขึ้นด้วยโหมดที่หลากหลายปรับแต่งเสียงเองได้ตามใจชอบ
- แอปพลิเคชั่น Galaxy Gift : แอพคู่บุญของสมาร์ทโฟนซัมซุงที่จะให้สิทธิพิเศษกับผู้ใช้งานเหนือใคร ไม่เหมือนรุ่นอื่น ๆ ทั่วไปในตลาด อาทิ กินฟรี รับส่วนลดต่าง ๆ มากมาย เป็นต้น
- แอปพลิเคชั่นซัมซุงที่ติดมากับเครื่อง : มาหมดทั้ง Samsung Member, Samsung Health, Samsung Theme, วิทยุ, BNK48, เครื่องคิดเลข, เครื่องบันทึกเสียง และอีกมากมายให้ได้ใช้งานกันครับ
สรุปการใช้งาน
จากการที่ลองใช้งานเจ้าซัมซุงกาแลคซี่รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ ต้องขอบอกเลยว่า รอบนี้ทาง Samsung จัดเต็มกับสมาร์ทโฟนระดับกลางจริงจัง คือมันคุ้มค่าคุ้มราคามาก ๆ ด้วยสเปกระดับท็อป รองรับเทคโนโลยีสแกนนิ้วใต้หน้าจอ บวกกับหน้าจอสวยระดับ Super AMOLED ดีไซน์เริศสะท้อนแสงเกร๋ ๆ ความจำภายในก็เยอะเหลือๆ แทบไม่ต้องซื้อเม็มเพิ่ม ไหนจะมีกล้องหลัง 3 ตัว มุมกว้างอีก ต้องขอพูดเลยว่าแทบหาข้อติกับรุ่นนี้ได้ยากมาก ใครที่ชอบสมาร์ทโฟนครบเครื่องจัดเต็มในงบหมื่นต้น ๆ ต้องตัวนี้เลยครับ คอนเฟิร์ม!!
จุดเด่น
- จอ Super AMOELD แบบ Infinity-U ให้ความคมชัดสวยงามเวอร์
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- สเปกที่ให้มาเรียกว่าจัดเต็มคุ้มค่าคุ้มราคาขั้นสุดกับ RAM 6 GB + ความจำภายใน 128 GB
- กล้องหน้าลูกเล่นเยอะมาก ถ่ายภาพออกมาได้สวยงามทุกสภาพแสง
- AR Emoji ถูกปรับปรุงมาแบบใหม่หมดเหมือนกับ Samsung Galaxy S10 Series เด๊ะ ๆ
- กล้องหลัง Triple Camera มีเลนส์มุมกว้างให้ภาพที่สวยงามและกว้างพอสมควร
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh อึดมากอยู่ได้ครบวันแบบเหลือๆ
- รองรับระบบชาร์จเร็วเหมือนกับ Galaxy S10 Series
- รองรับถาดซิมแบบ Triple Slot ใส่เม็มพร้อมกับ 2 ซิมการ์ดได้เลย ไม่ต้องเลือก
- ระบบ Samsung One UI ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล ทัชแม่นยำดีเยี่ยม ฟีเจอร์เยอะใช้งานได้หลากหลายแนว
จุดสังเกต
- ระบบสแกนนิ้วใต้หน้าจอนั้นไม่เร็วมากเท่าไหร่ ขั้นตอนการติดตั้งลายนิ้วมือก็ใช้เวลานานพอสมควร (เพื่อความแม่นยำ)
- ในส่วนของการถ่ายภาพมุมกวางนั้น ไม่มีให้ปรับแก้เบี้ยวเหมือนกับ Galaxy S10 Series บางภาพที่ได้ก็อาจจะมีเบี้ยวเล็กน้อย
- Bixby (ผู้ช่วยอัจริยะ) ยังไม่รองรับภาษาไทย ต้องสั่งงานเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
- ภาพถ่ายในที่แสงน้อยหรือที่มืดยังคงทำออกมาได้ไม่ดีนัก (รายละเอียดหายไปเยอะ แม้จะสว่าง)
- กล้องหลังไม่รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ 60 fps
- ตัวเครื่องจะอุ่น ๆ เวลาใช้งานหนักๆ อาทิ เล่นเกมส์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง
- ไม่มี NFC เลยทำให้ไม่สามารถใช้งาน Samsung Pay ในประเทศไทยได้
ก็จบไปแล้วสำหรับรีวิวของเจ้า Samsung Galaxy A50 ที่ทางเว็บไซต์เรานำมาฝากกัน และสำหรับใครที่อยากติดตามบทความดี ๆ แบบนี้ หรือข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลยครับ