ประเดิม Galaxy A Series รุ่นใหม่ล่าสุดของปีด้วย Samsung Galaxy A53 5G สมาร์ทโฟนระดับกลางที่มาในความคุ้มค่า พร้อมสีใหม่ที่ดู Awesome ไม่เหมือนใคร อย่างสี Awesome Peach จะดูสวยงามแค่ไหน มีฟีเจอร์อะไรใหม่ปรับปรุงบ้าง มาแกะกล่องดูกันเลยครับ
แกะกล่องลองเล่น Samsung Galaxy A53 5G
เป็นครั้งแรกของ Samsung Galaxy A Series ที่ทาง Samsung ปรับเปลี่ยนกล่องแพ็คเก็จให้มีขนาดบางลงเท่ากับ Galaxy S Series โดยเหตุผลหลักๆ ของการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ก็การลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการลดการใช้พลังงานในการขนส่ง ซึ่งกล่องที่มีขนาดบางลงก็จะช่วยให้ขนส่งได้มากขึ้น ภายในกล่องมีให้อุปกรณ์มาเท่าที่จำเป็นดังนี้
- Samsung Galaxy A53 5G สี Awesome Peach
- สายชาร์จแบบ USB-C to USB-C
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- เอกสาร คู่มือการใช้งานแบบด่วน
เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์เท่าที่จำเป็นอย่างที่ได้บอกไป จะมีมาให้เพียงสายชาร์จแบบ USB-C ทั้งสองด้าน ซึ่งหากยังไม่มีอแดปเตอร์ก็สามารถนำอแดปเตอร์และสายชาร์จเก่ามาใช้ก่อนได้ แต่หากต้องการชาร์จเร็วเราขอแนะนำให้ซื้ออแดปเตอร์ 25 วัตต์ขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ชาร์จได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าอแดปเตอร์รุ่นเก่าๆ
ดีไซน์ รูปลักษณ์ภายนอก
Galaxy A53 คราวนี้มาในแนวสีสันสดใส โดยเครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Awesome Peach เป็นสีส้มอ่อนๆ ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังมีสี Awesome Blue และ Awesome Black ให้เลือกอีกด้วย ตัวเครื่องบางเพียง 8.1 มม. น้ำหนักเบาเพียง 189 กรัม ดีไซน์ขอบโค้งแบบ Symmestic จับถือได้ง่าย และถนัดมือ อีกทั้งยังมีหน้าจอแสดงผลขนาดที่กำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป
จอแสดงผลมีขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว โดยใช้จอภาพที่มีสีสันสดใสอย่าง Super AMOLED ที่แสดงผลสีสันได้สมจริง หน้าจอเป็นแบบ Infinity-O Display มีกล้องแบบเจาะรูอยู่ตรงกลางส่วนบน มีความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล แสดงผล 120 Hz เหนือจอแสดงผลมีลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ ซ่อนอยู่บริเวณนี้ ส่วนล่างของจอมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยู่ใต้หน้าจอ สามารถสแกนเพื่อปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว
ด้านหลังของตัวเครื่องออกสี Awesome Peach พื้นผิวใช้วัสดุเป็นแบบผิวด้าน จึงไม่ติดรอยนิ้วมือ และยังทำความสะอาดได้ง่ายๆ ด้านหลังออกแบบมาอย่างเรียบๆ มีเพียงโมดูลของกล้อง 4 เลนส์ และไฟแฟลช LED ที่นูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย โดยขอบของโมดูลกล้องเป็นแบบโค้งที่ทาง Samsung เรียกว่า Ambient EDGE เมื่อใช้ปลายนิ้วสัมผัสจะไม่รู้สึกบาดมือแต่อย่างใด
ด้านข้างซ้ายของตัวเครื่องดีไซน์มาแบบเรียบๆ โดยปุ่มทั้งหมดย้ายมาทางฝั่งขวา มีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่อง แต่หากกดค้างจะเป็นปุ่มเข้าใช้งานฟังก์ชั่น Bixby ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวของคุณ
ที่ด้านบนของตัวเครื่องดีไซน์แบบโล่งๆ มีเพียงช่องไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนที่ด้านล่างมีช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ Hybid ตัวถาดเป็นแบบใส่ซิมประกบบนล่าง โดยที่ด้านล่างจะต้องเลือกว่าจะใส่ SIM2 หรือ การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ถัดมาเป็นไมโครโฟนรับเสียงสนทนา, ช่องเสียบสายชาร์จแบบ USB-C และช่องสปีกเกอร์โฟน
Samsung Galaxy A53 5G ยังรองรับมาตรฐานกันน้ำ กันฝ่น IP67 สามารถกันน้ำลึก 1 เมตรเป็นเวลานาน 30 นาที แต่เราไม่แนะนำให้นำไปจุ่มน้ำ หรือนำไปถ่ายภาพใต้น้ำ เพราะอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันทำให้น้ำเข้าเครื่องได้ ทางที่ดีควรเอาไว้กันละอองน้ำ ละอองฝนจะดีกว่า
จอแสดงผลลื่นไหลแสดงผล 120 Hz พร้อมสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
ด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.5 นิ้วที่นอกจากจะแสดงสีสันได้สวยงามสมจริงแล้วด้วยหน้าจอแบบ Super AMOLED แล้ว ยังแสดงผลด้วย Refresh rate สูงถึง 120 Hz ทำให้การปัดเลื่อนหน้าจอ หรือแสดงผล Content ต่างๆ เป็นไปได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงการดูคลิปวิดีโอ การเล่นเกมต่างๆ ก็จะแสดงผลได้เนียนตามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้จอแสดงผลยังมีความสว่างสูงสุดที่ 800 nits เพียงพอต่อการดูหน้าจอได้อย่างคมชัดในที่โล่งแจ้ง
ความพิเศษของจอแสดงผลแบบ Super AMOLED คือสามารถแสดงผลเฉพาะจุดที่ต้องการ อย่างฟีเจอร์ Always On Display ที่จะแสดงเฉพาะนาฬิกา ภาพกราฟฟิค และการแจ้งเตือนต่างๆ บนหน้าจอตลอดเวลา จึงไม่ต้องเสียเวลาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพียงแค่มองที่หน้าจอก็รู้เห็นถึงเวลา การแจ้งเตือนต่างๆ ได้ทันที อีกทั้งยังเลือกภาพกราฟฟิคให้แสดงผลตลอดเวลา ทำให้สมาร์ทโฟนขอบคุณมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ในด้าน UI การแสดงผล Galaxy A53 5G ที่นอกจากจะปรับเมนูเป็น Dark mode ช่วยปรับเมนูต่างๆ เป็นสีดำแล้ว ยังมีฟีเจอร์ Eye comfort shield ที่จะช่วยลดแสงสีฟ้าที่จะทำอันตรายต่อจอประสาทตา โดยระบบจะการปรับหน้าจอให้ออกโทนสีเหลืองที่เป็นมิตรกับดวงตามากขึ้น หรือจะปรับแบบ Adaptive โดยอาศัยเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงปรับให้สัมพันธ์กับความสว่างภายนอกให้โดยอัตโนมัติ
แรงด้วยชิพเซ็ต Exynos 1280 พร้อมรองรับเครือข่าย 5G
ด้วยขุมพลังหน่วยประมวลผลชิพเซ็ตรุ่นใหม่ Exynos 1280 ที่ทำให้การทำงานเบื้องหลังของ Galaxy A53 5G รุ่นนี้เป็นไปได้อย่างรวดเร็วทันใจ โดยหน่วยประมวลผลรุ่นนี้ถูกผลิตด้วยสถานปัตยกรรมการผลิตที่ 5 นาโนเมตร ทำให้ประหยัดพลังงานไปพร้อมๆ กับความแรงในการประมวลผลที่สัญญาณนาฬิกาความเร็ว 2.4 GHz มี 8 แกนประมวลผล มาพร้อมหน่วยความจำ RAM 8 GB พร้อมด้วยฟีเจอร์ RAM Plus ที่สามารถดึงหน่วยความจำหลักมาใช้งานรวมเป็น 8+4 GB สามารถเปิดแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกันได้หลายแอพฯ ซึ่งจะช่วยให้ระบบไม่ต้องเปิดแอพฯ ใหม่ให้เสียเวลา ส่วนหน่วยความจำ ROM ของรุ่นนี้ก็มีขนาดใหญ่ 128 GB รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD อีกสูงสุด 1 TB แต่การเพิ่มหน่วยความจำภายนอกจะสูญเสียช่องใส่ SIM2 ไปด้วย ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
Galaxy A53 5G ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย OneUI เวอร์ชั่น 4.1 รองรับการใช้งาน Google Service และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน และยังสามารถอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้โดยตรงจาก Samsung ซึ่งปกติจะมีอัพเดทให้เกือบทุกเดือน นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น, Theme หรือเกมอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ Galaxy Store ได้อีกด้วย
และที่พลาดไม่ได้สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Samsung นั่นก็คือแอพฯ Galaxy Gift ที่สามารถเข้าไปรับสิทธิพิเศษ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าลดราคาต่างๆ มากมาย เฉพาะชาว Samsung Galaxy เท่านั้น
ในการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผล Exynos 1280 ด้วยแอพฯ Antutu เวอร์ชั่น 9.3.5 ที่เราใช้ทดสอบสมาร์ทโฟนเป็นมาตรฐานประจำแล้วสามารถทำได้ 435,832 คะแนน
และสำหรับแอพฯ Geekbench 5 ทำคะแนน Single-Core ได้ 708 คะแนน ส่วน Multi-Core 1877 คะแนน
จากการทดสอบด้วยแอพฯ ทดสอบประสิทธิภาพ เมื่อดูจากคะแนนที่ได้แล้วพบว่า Galaxy A53 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับการทำงานได้เต็มรูปแบบ ทั้งการใช้งานทั่วไป และการเล่นเกม 3D แบบหนักๆ ก็ยังพอรับไหว จากการทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile ที่ใช้หน่วยประมวลผลในการเล่นเกมอย่างหนักหน่วงก็ยังเล่นได้ โดยปรับภาพกราฟฟิคไปได้ที่ระดับ HD ส่วนเฟรมเรทก็สามารถปรับได้ที่ระดับ High ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด และยังให้ภาพที่สวยงามด้วยจอภาพแบบ Super AMOLED อีกด้วย
ถ่ายภาพสนุกด้วยกล้องหลัง 4 เลนส์ 64 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ AI Image Enhancer
ในด้านการถ่ายภาพก็เก่งไม่แพ้รุ่นอื่น โดยกล้องหลังของ Galaxy A53 5G มีมาให้เลือกใช้งานถึง 4 เลนส์ ถ่ายได้ตั้งแต่ระยะใกล้ด้วยโหมด Macro จนถึงระยะไกล รวมไปถึงมุมกว้างด้วยเลนส์ Ultra-wide สามารถเลือกใช้งานถ่ายภาพได้ตามสถานะการณ์ มาพร้อมระบบ AI Image Enhancer ที่จะเข้ามาช่วยปรับแสง และสีสันของภาพให้สวยงามมากยิ่งขึ้น โดยสเป็คกล้องหน้า และหลังมีดังนี้
- กล้องหลัง 4 เลนส์
- กล้องเลนส์ Wide ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8
- กล้องเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 มุมกว้าง 123 องศา
- กล้องเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
สำหรับการถ่ายภาพด้วยกล้องเลนส์หลักที่มีความละเอียดมาให้ถึง 64 ล้านพิกเซล กล้องจะตั้งค่าให้ความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล แต่ยังคงใช้เซ็นเซอร์ 64 ล้านพิกเซลเช่นเดิม โดยการนำเอา 4 พิกเซลรวมเป็นพิกเซลเดียว ทำให้เก็บแสง และสีสันได้มากยิ่งขึ้น แต่หากต้องการถ่ายภาพที่ความละเอียดเต็ม 64 ล้านพิกเซลก็สามารถเลือกได้ ส่วนกล้องเลนส์ Ultra wide ที่มีมุมกว้างถึง 123 องศา เหมาะกับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ หรือการถ่ายภาพหมู่ ทำให้เก็บภาพได้มุมกว้างมากยิ่งขึ้น และหากนำเลนส์ Ultra wide มาประยุกต์มาถ่ายภาพบุคคลก็จะยิ่งทำให้ดูสูงขึ้น ขายาวขึ้นอีกด้วย
ในโหมดการถ่ายภาพ Portrait สามารถเลือกปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้ 7 ระดับ ปรับความเนียนใสของใบหน้าได้อีก 8 ระดับ เลือกปรับความเบลอของฉากหลังได้จากภาพที่ถ่ายมาแล้วด้วยเอฟเฟ็คท์ต่างๆ 8 แบบ ส่วนเลนส์ Macro ก็เหมาะกับการถ่ายภาพในระยะใกล้ประมาณ 3-5 ซม. ช่วยเปิดมุมมองที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนการถ่ายภาพในโหมดอื่นๆ ก็มีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น Panorama, Food, Night, Super Slow-Mo, Hyperlapse และโหมด Pro
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
นอกจากการถ่ายภาพในโหมดปกติแล้ว ยังมีโหมด Single Take และโหมด Fun ที่ทำให้การถ่ายภาพสนุกมากยิ่งขึ้น เพียงแค่กดถ่ายภาพครั้งเดียวกล้องจะทำการถ่ายภาพนิ่ง, ถ่ายภาพฟิลเตอร์, คลิปวิดีโอ, ภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ ในแบบต่างๆ ให้อัตโนมัติรวมทั้งหมด 10 แบบ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ AR Doodle โดยเราสามารถวาดเขียน หรือใส่ข้อความต่างๆ บนใบหน้าคน หรือสิ่งของต่างๆ ได้ เมื่อแพนกล้องไปยังมุมต่างๆ หรือใบหน้าเคลื่อนที่ ทุกอย่างที่ขีดเขียนลงไปจะเคลื่อนที่ไปตามใบหน้า หรือวัตถุเหล่านั้น และสามารถบันทึกเป็นวิดีโอเก็บไว้ได้ด้วย
ในการถ่ายคลิปวิดีโอก็สามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ UHD 30 fps หรือที่ความละเอียด 4K แต่หากใช้งานทั่วไปแนะนำให้ถ่ายที่ระดับ FHD 30 หรือ 60 fps จะดีกว่า เพราะความละเอียดในระดับนี้จะเหมาะกับการใช้งานบนหน้าจอมือถือ และใช้พื้นที่หน่วยความจำน้อยกว่า นอกจากนี้ยังมีระบบ Super Steady ที่เข้ามาช่วยลดความสั่นไหวของภาพ แต่ความละเอียดจะถูกลดลงเหลือ FHD 30 fps แทน
สำหรับการถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซลก็มีลูกเล่นในการถ่ายภาพอย่างการถ่าย Portrait ที่เข้ามาช่วยละลายฉากหลัง ทำให้ภาพเซลฟี่ดูโดดเด่นด้วยกล้องหน้าเพียงตัวเดียว มีโหมดการถ่ายแบบ Fun ที่มาพร้อมเอฟเฟ็คท์ต่างๆ ทำให้การถ่ายเซลฟี่สนุก แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร ส่วนการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าก็สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียด 4K
แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จเร็ว 25 วัตต์ ใช้ได้ 2 วันเต็มๆ
การใช้งาน Galaxy A53 5G โดยปกติทั่วไปสามารถใช้งานได้ 2 วันเต็มๆ ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000 mAh อีกทั้งยังมีหน่วยประมวลผลที่ประหยัดพลังงาน จึงสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน แต่หากเล่นเกมหนักๆ ก็จะใช้งานได้ประมาณ 1 วัน แต่ด้วยระบบชาร์จเร็ว 25 วัตต์ ทำให้ชาร์จได้เร็วพอสมควร ดังนั้นควรเลือกซื้ออแดปเตอร์ที่สามารถจ่ายไฟได้มากกว่า 25 วัตต์ จึงจะชาร์จได้เร็วเต็มประสิทธิภาพ จากการทดสอบชาร์จด้วยอแดปเตอร์ที่จ่ายไฟได้สูงสุด 65 วัตต์จากแบตเตอรี่เหลือ 1% ไปถึง 50% ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ถือว่าค่อนข้างเร็วพอสมควร แต่หากชาร์จถึง 100% ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาทีจึงจะเต็ม เพราะระบบการชาร์จจะเริ่มลดกำลังไฟลงเพื่อไม่ให้แบตเตอรี่ร้อนจนเกินไป และยังช่วยถนอมแบตเตอรี่อีกด้วย
บทสรุปรีวิว Samsung Galaxy A53 5G จากความเห็นของ What Phone
จากการการทดสอบใช้งานมาสักพักพบว่า Samsung Galaxy A53 5G รุ่นนี้มีขนาดกำลังพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป มีดีไซน์เรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความสดใสด้วยสี Awesome Peach ที่ดูสะดุดตาไม่เหมือนใคร และสิ่งที่เราประทับใจก็มีอยู่หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลที่มีสีสันสวยงาม ลื่นไหลด้วยอัตรา Refresh rate 120 Hz หน่วยประมวลผลที่ใช้งานได้รวดเร็วทันใจ เล่นเกม 3D แบบหนักๆ ก็ไม่มีอาการหน่วงให้เห็น กล้องถ่ายภาพมีหลายระยะ สามารถเลือกถ่ายได้ในทุกสถานะการณ์ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ใช้งานได้ 2 วันจริงๆ โดยไม่อิงตัวเลขและสเป็ค ทั้งหมดเปิดตัวในราคา 14,499 บาท แต่ถ้าสั่งซื้อและชำระเงินผ่าน Atome ครั้งแรกก็จะได้ส่วนลดอีก 1,000 บาท เหลือเพียง 13,499 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากๆ และไม่ควรพลาดกับราคานี้
สรุปสเป็ค รีวิว Samsung Galaxy A53 5G
- ขนาด 159.6 x 74.8 x 8.1 มม. นัำหนัก 189 กรัม
- รองรับเครือข่าย 3G, 4G LTE และ 5G
- หน้าจอ Super AMOLED Plus ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล
- แสดงผลด้วยอัตรา Refresh rate 120 Hz
- หน่วยประมวลผล Exynos 1280 Octa-core ความเร็ว 2.4 GHz, GPU Mali-G68
- ระบบปฏิบัติการ Android 12, ครอบทับด้วย OneUI 4.1
- หน่วยความจำ RAM 8 GB (+4 GB), ROM 128 GB
- เพิ่มการ์ดหน่วยความจำ microSD ได้สูงสุด 1 TB
- กล้องหลัง 4 เลนส์
- กล้องเลนส์ Wide ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8
- กล้องเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 มุมกว้าง 123 องศา
- กล้องเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
- กล้องถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง
- ปลดล็อคด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และใบหน้า
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับการชาร์จ 25 วัตต์
- เชื่อมต่อ WiFi b/g/n/ac ความถี่ 2.4 และ 5 GHz, Bluetooth 5.1
- กันน้ำ และฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 (กันน้ำลึก 1 เมตรนาน 30 นาที)
- มีให้เลือก 3 สี Awesome Peach, Awesome Blue, Awesome Black
- ราคาเปิดตัว 14,499 บาท
ส่วนลด 1,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จ่ายผ่าน Atome ครั้งแรกเท่านั้น ส่วนลดมีอายุการใช้งาน ตั้งแต่ 25 มี.ค. 65 – 31 พ.ค. 65 เงื่อนไขของการให้ส่วนลดและการแบ่งชำระผ่านบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตเป็นไปตามที่ บริษัท อาโตมี่ (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.atometh.com/ หรือ โทร 02-821-6969 (จันทร์-ศุกร์ 9.00-18.00, เสาร์-อาทิตย์ 11.00-20.00)