หลังจากที่เราแกะกล่องพรีวิวเจ้า Samsung Galaxy A9 (2018) ไปแล้วนั้น วันนี้ทางทีมงาน WhatPhone ก็มีรีวิวของมือถือ 4 กล้องหลังรุ่นนี้มาฝากกันครับ
ดีไซน์ไล่เฉด
ซัมซุงกาแลคซี่เอ 9 รุ่นปี 2018 มาในขนาดหน้าจอ 6.3 นิ้ว แบบ Infinity Display ขอบบางจับถนัดมือ
ด้านหลังใช้ดีไซน์กระจกที่มีการเคลือบสีแบบไล่เฉด โดยเครื่องที่ทางเว็บไซต์เราได้มาเป็นสี Lemonade Blue เป็นการไล่สีน้ำเงินฟ้าเขียวอย่างสวยงาม แถมยังมีกล้องหลังถึง 4 เลนส์แบบแนวตั้ง และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ตรงกลางหลังเครื่อง
ด้านล่างมีลำโพง พร้อมช่องเสียบชาร์จแบบ USB Type C และช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm
ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องใส่ซิมการ์ดและ MicroSD Card ที่เป็นแบบ Triple Slot ใส่สองซิมคู่กับเม็มได้เลย
ประสิทธิภาพเร็วแรง
ด้วยหน่วยประมวลผลสุดแรงยอดนิยมอย่าง Qualcomm Snapdragon 660 AIE บวกกับ Ram ถึง 6 GB หน่วยความจำภายใน 128 GB แถมยังเพิ่ม MicroSD Card ได้อีก 512 GB เรียกได้ว่าโหลดแอป เล่นเกมส์ ถ่ายภาพก็ลื่นไหลไม่มีสะดุด เม็มไม่เต็มแน่นอนครับ และยังฟาดคะแนน Antutu ไปถึง 140,xxx* เลยทีเดียวครับ (*การทดสอบแต่ละครั้งคะแนนจะได้ไม่เท่ากันตามอุณหภูมิของตัวเครื่อง)
ส่วนการเล่นเกมส์จากที่ทางทีมงาน WhatPhone ได้ทดสอบเกมส์ PUBG Mobile ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล (กราฟฟิคปานกลาง ตามที่ตัวเกมส์ตั้งค่ามาให้ตั้งแต่เริ่มต้น)
แถมยังมี Game Launcher ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์แถมยังสามารถแคสเกมส์ขึ้น Facebook หรือ Youtube ได้อย่างง่ายดายด้วยแอปพลิเคชั่น Game Live จาก Samsung ครับ
และแบตเตอรี่ขนาด 3,800 mAh ก็ถือว่าไม่มาก ไม่น้อยสำหรับรุ่นนี้ โดยการใช้งานทั่วไปอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่อึด ไม่แย่ แต่ถ้าเปิด GPS ถ่ายภาพกับเล่นเกมส์แบตก็จะลดเร็วพอสมควร ซึ่งก็มีตัวช่วยอย่าง Samsung Adaptive Fast Charging ที่ช่วยให้ชาร์จได้อย่างรวดเร็ว หรือถ้ากังวลว่าแบตจะหมดไวก็สามารถเปิดโหมดประหยัดพลังงานที่ทางซัมซุงมีไว้ให้ได้อีกเช่นกันครับ
กล้องหลัง 4 ตัวพร้อมกล้องหน้าความละเอียดสูงม
หลายคนคงจะสงสัยว่าเจ้ากล้องหลังทั้ง 4 เลนส์ของรุ่นนี้มีไว้เพื่ออะไร แล้วสามารถทำอะไรได้บ้าง ทางเว็บไซต์เราก็หาคำตอบมาให้แล้วดังนี้
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 8 ล้านพิกเซลรูรับแสง F2.4 ที่ทำให้ได้ภาพถ่ายมุมกว้าง 120 องศา
- เลนส์เทเลโฟโต้ 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 ทำให้รุ่นนี้สามารถซูมภาพออพติคอลได้ถึง 2 เท่า (ไม่เสียความละเอียด)
- เลนส์กล้องหลัก 24 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.7 เพื่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อย
- เลนส์ Depth Camera 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 เพื่อใช้ในโหมด Live Focus ที่สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังละลายได้ทั้งคนและวัตถุ
- มีโหมดให้เลือกถ่ายภาพมากมาย อาทิ Slow-Motion, Timelapse, AI Mode, Pro, Live Focus, AR Sticker, Beauty เป็นต้น
- และในที่สุด Samsung Galaxy A9 ก็มีลายน้ำของตัวเองสักที ซึ่งในส่วนนี้จะเลือกเปิดหรือปิดก็ได้ครับ แต่ต้องใช้ในโหมด Auto เท่านั้นลายน้ำถึงจะขึ้นนะครับ (ลองโหมดอื่นแล้วมันไม่ขึ้น สงสัยคงต้องรออัพเดตซอร์ฟแวร์กันอีกที)
กล้องหน้านั้นก็มาพร้อมกับความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง F2.0 สามารถถ่ายภาพได้คมชัด สวยงามทั้งในที่มีแสงและในที่แสงน้อย รวมถึงยังมีโหมด AR Emoji และ AR Sticker ให้ถ่ายภาพได้สนุกกว่าที่เคย
และในส่วนการถ่ายวีดีโอนั้นกล้องหลังสามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงที่ 4K [30fps] ส่วนกล้องหน้านั้นสามารถถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุดได้ที่ Full HD [30fps] บอกเลยว่าถ้าใครชอบงานวีดีโอตัวนี้ตอบโจทย์สุด ๆ ครับ ทั้งภาพ ทั้งไมค์อัดเสียง ระบบกันสั่นด้วยซอร์ฟแวร์ อยู่ในอันดับต้น ๆ ตามแบบฉบับของซัมซุงเลยล่ะครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง
จะเห็นได้ว่าในส่วนของกล้องหลังนั้นทำออกมาได้ดีพอสมควร เมื่อใช้เลนส์ปกติทั้งในที่แสงน้อยและมีแสงพอเหมาะ ซึ่งภาพถ่ายมุมกว้างนั้นจะให้ความกว้างจากมุมปกติอยู่มาก (ปรับความกว้างได้หลังถ่ายภาพ ไว้ดูภาพว่าเบี้ยวมั้ย?) แต่แสงและความละเอียดนั้นจะดูดรอปกว่าปกติ เพราะด้วยความละเอียดที่น้อยกว่ากล้องหลัง รวมถึงยังมีค่าของรูรับแสงที่ต่างกันทำให้ภาพถ่ายที่ได้ออกมานั้นดูมืดกว่าพอสมควรครับ
โหมดตัวปรับสีภาพหรือ AI นั้นก็จะให้ภาพตามฉากหรือวัตถุที่ตัวกล้องจับได้ โดยมันจะระบุภาพนั้นว่าเป็น อาหาร, สัตว์, คน, ตึกแถว หรือช่วงเวลากลางคืนครับ พอถ่ายเสร็จมันก็จะปรับแสงและสีให้เข้ากับภาพนั้น ๆ (เวลาถ่ายจริงจะไม่ได้แสดงผลภาพที่โชว์บนตัว UI กล้องแต่มันจะไปประมวลผลทีหลัง ไม่ต้องตกใจว่าภาพพรีวิวนั้นจะมืดหรือไม่สมจริงครับ) ซึ่งจากภาพตัวอย่างที่เป็นรูปอาหารมันก็จะปรับแสงให้ดูน่ากินน่าทาน แต่รายละเอียดของภาพอาจจะหายไปเล็กน้อยครับ (ภาพตอนกลางคืนก็เช่นกัน จะสว่างคล้ายโหมด Auto แต่ให้รายละเอียดที่น้อยกว่า)
ส่วนเลนส์ซูมก็ทำออกมาได้ดี ไม่เสียความละเอียดครับ แต่ถ้าถ่ายในที่มืดก็จะมืดไม่สว่างแบบใช้เลนส์หลักถ่ายครับ
และเลนส์ตัวสุดท้ายที่ไว้ใช้ทำภาพแบบหน้าชัดหลังละลายในโหมด Live Focus ก็ถือว่าเบลอได้ดี พอสมควรครับ (ถ้าไม่ชอบก็ปรับเบลอหรือจะใส่เอฟเฟคสีทีหลังก็ได้ครับ)
และกล้องหน้าแม้จะไม่ได้ชูเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้มาก แต่ก็ทำออกมาได้สวยงามพอสมควร (สาว ๆ น่าจะชอบกัน) โดดเด่นมาในที่มีแสงพอเหมาะ แถมยังมีโหมดเซลฟี่มุมกว้างที่ทำให้ถ่ายภาพออกมาได้สนุกมากขึ้น และมีโหมดโฟกัสเซลฟี่หน้าชัดหลังละลายก็สามารถปรับได้ง่าย ๆ ครับ
ฟีเจอร์มากมายบน Samsung Experience UI เวอร์ชั่น 9.0 ตามแบบฉบับของซัมซุง
Multi Windows : เริ่มต้นกันด้วยฟีเจอร์คู่บุญของสมาร์ทโฟนซัมซุงที่ช่วยให้การเล่นแอปพลิเคชั่น 2 หน้าจอไปพร้อม ๆ กันได้ในเวลาเดียวกัน จะตอบแชทหรือท่องเว็บก็ทำได้ทันทีครับ
Duo Messenger : ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับการโคลนแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้การเล่น Social Media ง่ายขึ้น ทั้ง Line , Facebook สองบัญชีก็ทำได้เลยไม่ต้องสลับแอคให้วุ่นวายครับ
Bixby : ต้องบอกเลยว่าในรุ่นนี้ซัมซุงได้พัฒนา Bixby ให้มีความสามารถมากขึ้น จัดเต็มทั้งใน Bixby Home, หน้าฟีดข่าวรวมถึงปฏิทิน, การแจ้งเตือนจากแอปต่าง ๆ ส่วน Bixby Vision ในแอปกล้องหรือแอปรูปภาพ ช่วยให้การค้นหาสถานที่ใกล้ๆ, ค้นหาสินค้าหรืออื่น ๆ ที่ต้องการได้แบบเรียลไทม์ (ต้องต่ออินเตอร์เน็ต) เรียกว่าสามารถให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้นเลยหล่ะ
Galaxy Gift : แอปพลิเคชั่นคู่บุญจากทาง Samsung ถือว่าเป็นแอปที่คืนกำไรให้ลูกค้า เพราะเต็มไปด้วย ส่วนลดค่าอาหาร เครื่องดื่ม ท่องเที่ยว และสิทธิพิเศษอีกมากมายครับ
Galaxy App : เป็นแอปพลิเคชั่นที่ถือว่าติดมากับเครื่องซัมซุงกาแลคซี่ทุกรุ่นเลยก็ว่าได้ โดยในแอปจะมีการคัดสรรแอปหรือเกมส์ที่ฮิต ๆ รวมถึงโปรแกรมเฉพาะที่ผู้ใช้ซัมซุงกาแลคซี่เท่านั้นถึงจะสามารถโหลดได้นั่นเอง
Secure Folder : เป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ใช้สำหรับแบ่ง Section เพื่อการใช้งาน โดยสามารถจำกัดแอปพลิเคชั่นหรือไฟล์ที่ต้องการให้เข้าถึงได้ครับ
Samsung Theme : เป็นฟีเจอร์สำหรับคนชอบปรับแต่งหรือเบื่อกับ UI เดิม ๆ ที่ทางซัมซุงให้มา สามารถเลือกโหลดได้ตามใจชอบมีทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี แยกเป็นหมวด ๆ อาทิ Wallpaper, Icon และ Theme ครับ
Always on Display : อีกหนึ่งโหมดคู่บุญของสมาร์ทโฟนซัมซุงกาแลคซี่ ที่เปิดในขณะพักหน้าจอใช้แสดงเวลาและการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้ตลอดเวลาแบบเรียลไทม์โดยแทบไม่กินแบตเตอรี่เลย
นอกจากฟีเจอร์ที่ทางเรายกมาแล้วก็ยังมีอีกมากมายให้ได้เลือกใช้กันอย่างระบบเสียง Dolby Atmos ที่สามารถปรับแต่ง EQ ได้อย่างอิสระเมื่อเชื่อมต่อกับหูฟัง, Google Assistant, โหมดอ่านหนังสือ (ตัดแสงสีฟ้า) ที่ตัวเครื่องจะปรับสีของหน้าจอให้ออกเหลืองเพื่อรักษาสายตาของผู้ใช้งานได้, VoLTE ก็มีให้ใช้กัน, NFC และอื่น ๆ อีกเพียบครับ
สรุปการใช้งาน
จากการที่ได้ทดลองใช้งานซัมซุงกาแลคซี่ เอ 9 รุ่นปี 2018 ราว ๆ หนึ่งสัปดาห์ก็พบว่า การใช้ทั่วไปลื่นไหลตามสไตล์ซัมซุงไม่มีค้างหรือหน่วงให้ได้เห็นกันเลย แถมกล้องถ่ายภาพที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ก็สามารถเก็บภาพถ่ายได้ครบทุกมุมมอง (มุมกว้าง, มุมปกติ, มุมซูม, มุมเบลอ) ไม่ว่าจะเป็นในที่แสงน้อยหรือแสงพอเหมาะก็ทำได้ดี รวมถึงการถ่ายวีดีโอที่ได้คุณภาพแบบครบเครื่องตามแบบฉบับของซัมซุงก็ยอดเยี่ยมกระเทียมดองสุด ๆ เลยครับ ฟีเจอร์มากมายตามสไตล์ซัมซุงก็มีให้เลือกใช้งานแบบไม่รู้จบจริง ๆ แต่รุ่นนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย เพราะหน้าจอ Super AMOLED ที่สวยสดงดงามนี้อาจจะทำให้ติดตา เวลาถ่ายภาพไปดูเครื่องอื่นแล้วสีจะไม่สดแบบมองในจอเครื่องนี้ก็เป็นได้ (เอาจริงๆ ก็ปรับสีให้เป็นธรรมชาติได้ครับ) แถมรุ่นนี้ด้านหลังยังใช้กระจกถ้าตกแล้วแตกร้าวแน่นอนครับ อีกจุดก็คงจะเป็นในเรื่องของราคาที่เปิดมาอลังการงานสร้างถึง 19,990 บาท อาจทำให้หลายคนไปมองรุ่นอื่นกันพอสมควร
ถ้าถามว่าเหมาะกับใคร รุ่นนี้คงเหมาะกับคนที่ชอบถ่ายภาพในทุกมุมมอง ชอบสีสันของตัวเครื่อง ดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ชอบความเป็นแบรนด์ซัมซุง โดยไม่สนเรื่องราคาครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยหรูหรา ด้วยกระจกเคลือบแบบไล่เฉดสีสวยงาม
- หน้าจอ Super AMOLED ให้สีสันสดใส สวยงาม อัตราส่วนจอแบบ 18:5:9 ทันสมัยเต็มตา เหมาะแก่การดูหนัง ดู Content เป็นที่สุด
- กล้องหลัง 4 เลนส์รุ่นแรกของโลกที่สามารถถ่ายภาพได้ครบทุกมุมมอง
- กล้องหน้าความละเอียดสูง มีโหมดถ่ายภาพมากมาย สวยงามตามท้องเรื่อง
- ฟีเจอร์แบบครบเครื่องตามแบบฉบับของซัมซุงก็ใส่มาหมดทั้ง Bixby, Samsung Knox, Multi Windows, Always on Display, Game Launcher ฯลฯ
- มีระบบเสียง Dolby Atmos สามารถปรับแต่งเสียงผ่านหูฟังได้
- Triple Slot หรือการใส่สองซิมพร้อมกับ MicroSD Card ก็สามารถทำได้
- ยังมีช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm
จุดสังเกตุ
- ราคาสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด
- เวลาถ่ายภาพในที่มืดแบบมุมกว้างจะมืดพอสมควร เพราะค่ารูรับแสงไม่มากพอเท่ากล้องเลนส์หลัก
- สเปกของตัวเครื่องล้าหลังไปพอสมควร (Qualcomm Snapdragon 660)
- ไม่มี LED Notification เวลาชาร์จไฟหรือมีการแจ้งเตือนเข้ามา
- ไม่มีมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น
- เวอร์ชั่นแอนดรอยด์ยังล้าหลังชาวบ้านอยู่ (Android 8.0 OREO)
- ด้วยความที่ใช้หน้าจอแบบ Super AMOLED ทำให้เวลาถ่ายภาพแล้วไปดูบนหน้าจอคอมหรือจอชนิดอื่น ๆ สีจะดรอปค่อนข้างมาก (ค่อนข้างไปทางสีฟ้า)
สเปก Samsung Galaxy A9 (2018)
- หน้าจออินฟินิตี้ความละเอียดสูง Super AMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และดีไซน์กระจกโค้ง 3D Glass
- CPU : Qualcomm Snapdragon 660 (2.2GHz Quad + 1.8GHz Quad)
- กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 24 MP (F/2.0)
- กล้องหลัง 4 ตัว
- Main Camera : 24MP AF, F1.7
- Telephoto : 2X optical zoom, 10MP AF, F2.4
- Ultra Wide : 120°, 8MP, F2.4
- Depth : 5MP, F2.2
- RAM : 6 GB
- หน่วยความจำภายใน 128 GB และสามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 512 GB
- แบตเตอรี่ความจุ 3,800 mAh รองรับการใช้งานที่ยาวนานและสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว
- รันบน Android 8.0 OREO ครอบทับด้วย Samsung Experience UI เวอร์ชั่น 9.0
- รุ่นนี้มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ คาเวียร์ แบล็ค (Caviar Black) สีน้ำเงิน เลมอนเนด บลู (Lemonade Blue) และสีชมพู บับเบิ้ลกัม พิงค์ (Bubblegum Pink)
- ราคา 19,990 บาท
ก็จบไปแล้วสำหรับรีวิวของ Samsung Galaxy A9 (2018) ที่ทางเว็บไซต์เรานำมาฝากกัน และสำหรับใครที่อยากติดตามบทความดี ๆ แบบนี้ หรือข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลยครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
โปรโมชั่น Samsung Galaxy A9 (2018) กับส่วนลดสูงสุดถึง 8,500 บาท
ลองโหมด Ultra Wide บน Samsung Galaxy A9 พร้อมรูปจัดหนัก!